“ฝ่าบาท ฝ่าบาท......”
“ฝ่าบาท อันตราย อันตราย......”
“ปกป้องฝ่าบาท ปกป้องฝ่าบาท”
นิสัยเอาแต่ใจของหนานหลิงจิ่นสิงทำให้ขบวนขนาดใหญ่ต้องโกลาหล เหล่าทหารต่างพากันวุ่นวาย เหล่าองครักษ์รวมตัวกันเป็นวงกลม เข้าใกล้ตัวของหนานหลิงจิ่นสิงอย่างเงียบๆ ต้องการคุ้มกันหนานหลิงจิ่นสิงโดยมีเขาอยู่ตรงกลาง
“หลีกไป!” หนานหลิงจิ่นสิงตะโกนออกมา องครักษ์ผงะไปครู่หนึ่ง หนานหลิงจิ่นสิงพุ่งออกมาโดยตรง ภายใต้ความวุ่นวายนี้ เฟิ่งชิงเฉินเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน และการเคลื่อนไหวนี้ยังดึงดูดความสนใจของหนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยที่ยืนมองดูความวุ่นวายนี้อยู่ตรงมุมไกลๆ
“หากรู้ว่าเขาใจร้อนถึงขนาดนี้ ข้าน่าจะเตรียมมือสังหารไว้ ไม่แน่อาจจะสำเร็จก็ได้ ต่อให้ไม่สำเร็จก็ถือเป็นบทเรียนอันเล็กน้อยสำหรับเขา” หนานหลิงจิ่นฝานกล่าวด้วยความดูถูก
ซีหลิงเทียนเหล่ยไม่คิดเช่นนั้น เขาเฉยเมย เยาะเย้ยกึ่งล้อเล่น “เกรงว่าจักรพรรดิตงหลิงคงไม่มีทางปล่อยเจ้าไว้แน่”
การที่หนานหลิงจิ่นสิงเสด็จมาในครั้งนี้ มันไม่ใช่บทเรียนที่จักรพรรดิตงหลิงต้องการมอบให้หรอกหรือ นี่คือการแจ้งเตือนของจักรพรรดิตงหลิงที่ต้องการบอกพวกเขาว่าอย่างเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า ให้มันรู้เสียบ้างว่านี่เป็นอาณาเขตของใคร
“ข้าจะต้องกังวลอะไร ตอนนี้จักรพรรดิตงหลิงกำลังสนใจเรื่องงานแต่งของชุนอ๋องอยู่” หนานหลิงจิ่นฝานแสดงออกถึงความไม่ยอมแพ้และโต้เถียงกลับไป
องค์หญิงเหยาหวากำลังตั้งครรภ์ เรื่องการแต่งงานอย่างกะทันหันไม่ใช่ความลับสำหรับพวกเขา หากยังไม่รีบจัดงานแต่งงาน ท้องขององค์หญิงเหยาหวาคงรั้งไว้ไม่ไหว
“ฮึ” เมื่อเทียบในเรื่องปากร้าย ซีหลิงเทียนเหล่ยไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหนานหลิงจิ่นฝาน ไม่แปลกใจ ซีหลิงเทียนเหล่ยพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์
แต่คำพูดของหนานหลิงจิ่นฝานก็เป็นการย้ำเตือนเขา จักรพรรดิตงหลิงกำลังสนใจเด็กในท้องเหยาหวาที่เป็นลูกของชุนอ๋องอยู่ไม่ใช่หรือไง มันเป็นแค่การใช้งานเหยาหวาตามอำเภอใจ หาก......
หากไม่มีเด็กคนนั้นเล่า?
ดวงตาของซีหลิงเทียนเหล่มองต่ำลงบนร่างของเฟิ่งชิงเฉิน ความชั่วร้ายเผยให้เห็นในแววตาของเขา
หากเหยาหวาแท้งเด็กในท้อง คนร้ายที่คู่ควรที่สุดก็เฟิ่งชิงเฉิน เขาต้องหาวิธีทำให้เหยาหวาเจอเฟิ่งชิงเฉิน แบบนั้นการที่เหยาหวาแท้งเด็กในท้องถึงมีความหมาย
ซีหลิงเทียนเหล่ยมีแผนในใจ ตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว “องค์รัชทายาทจิ่นฝาน ข้าไม่มีความสนใจจะดูความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของพี่น้องอย่างพวกเขา ข้าขอตัวก่อน”
ใช่ เฟิ่งชิงเฉินและหนานหลิงจิ่นสิงในตอนนี้ พวกเขากำลังแสดงฉากของพี่น้องที่มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง
หนานหลิงจิ่นสิงไม่สนใจว่าเหล่าองครักษ์จะเข้ามาขัดขวางอย่างไร เขาขี่ม้าออกมาจากขบวน และในตอนที่ม้ากำลังพุ่งมาด้านหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน “ฮี้......” ห่างจากเฟิ่งชิงเฉินประมาณสิบก้าว หนานหลิงจิ่นสิงหยุดม้ากลางอากาศ ไม่ทันรอให้ม้ายืนอย่างมั่นคง เขากระโดดลงมาทันที
ท่าทางหล่อเหล่าเป็นอย่างมาก แต่คนที่ขี่ม้าด้วยกันจะรู้ดีว่าการเคลื่อนไหวนี้มันอันตรายเพียงใด
การเคลื่อนไหวของหนานหลิงจิ่นสิงทำให้เฟิ่งชิงเฉินตกใจตั้งแต่แรกเริ่ม ในตอนที่ม้ากำลังพุ่งมาทางนาง นางรีบลุกขึ้นยืน ในตอนที่ม้าหยุดกลางอากาศ เฟิ่งชิงเฉินก็ถอยหลังกลับไปหลายก้าว
แม้จะเสียมารยาทไม่ได้ แต่ชีวิตของนางสำคัญกว่า ส่วนเจ้าหนานหลิงจิ่นสิงผู้นี้เขาบ้าไปแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินยอมรับ การเคลื่อนไหวที่ไม่สมเหตุสมผลของหนานหลิงจิ่นสิงทำให้นางลืมความหงุดหงิดและความรู้สึกไม่สบายในการพบกับหนานหลิงจิ่นสิง
“พี่สาว......” หนานหลิงจิ่นสิงลงจากม้าก็รีบเดินเข้ามาหาเฟิ่งชิงเฉิน เขาสวมชุดผ้าทออันสง่างามทำให้รู้สึกแปลกไป แต่เมื่อเอ่ยปากออกมา ความรู้สึกของเฟิ่งชิงเฉินนั้นผิดไปโดยสิ้นเชิง ผู้ที่อยู่ด้านหน้าของนางยังคงเป็นโจวสิง
เมื่อเงยหน้าไปเห็นรอยยิ้มที่คุ้นเคยของหนานหลิงจิ่นสิง เฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกไปอย่างไม่เกรงใจว่า “เจ้าบ้าไปแล้ว”
ฮ่าฮ่าฮ่า......หนานหลิงจิ่นสิงหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ เรื่องนี้ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกหวาดกลัว ต้องรู้ก่อนว่าองค์รัชทายาทผู้นี้ไม่เคยยิ้มเช่นนี้ให้เห็นมาก่อน องค์รัชทายาทที่พวกเขารู้จักเวลายิ้มจะยิ้มออกมาเพียงแค่มุมปาก และขยับใบหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“พี่สาว พี่วางใจ ข้าไม่มีทางเป็นอะไรอยู่แล้ว ขอโทษที่ทำให้พี่ต้องออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง ไปกันเถอะ พวกเราเดินเข้าไปด้านในกัน” ใช้ชีวิตในพระราชวังมามากกว่าครึ่งปี หนานหลิงจิ่นสิงได้เรียนรู้การแสดงออกทางสีหน้าจนเข้าใจ
สังเกตการแสดงออกทางสีหน้าไม่ใช่แค่ผู้เป็นบ่าวเท่านั้นถึงต้องศึกษาทำความเข้าใจ แต่ผู้สูงศักดิ์อย่างองค์รัชทายาทเองก็ต้องเล่าเรียนเช่นกัน เห็นท่าทางของเฟิ่งชิงเฉิน หนานหลิงจิ่นสิงก็รู้ทันทีว่าเฟิ่งชิงเฉินลืมเรื่องที่ตนเองเป็นองค์รัชทายาทแห่งหนานหลิงไปชั่วขณะ ทำราวกับว่าตนเองเป็นโจวสิงเหมือนที่ผ่านมา แน่นอนว่าตีเหล็กมันต้องตีตอนร้อน เขาไม่พลาดโอกาสนี้แน่นอน
หนานหลิงจิ่นสิงโบกมือ สั่งให้เหล่าองครักษ์คอยคุ้มกันอยู่ด้านนอก ไม่อนุญาตให้เข้าไปด้านใน
ทุกคนต่างเห็นการกระทำของหนานหลิงจิ่นสิง แม้พวกเขาจะรู้ว่าการกระทำนี้เป็นการกระทำที่ผิดมารยาท แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา ยืนเงียบอยู่ด้านนอก เหล่าองครักษ์รีบกระจายตัวทำการคุ้มกันอย่างหนาแน่นรอบจวนเฟิ่ง
การกระทำนี้......มีหรือเฟิ่งชิงเฉินจะไม่รู้ แต่เป็นเพราะหนานหลิงจิ่นสิงต้องการแสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิด นางจึงให้ความร่วมมือ
ไม่ว่าจะพูดอย่างไรหนานหลิงจิ่นสิงกับนางก็มีความสัมพันธ์กัน นางเป็นคนส่งเขาออกไป ตามหลักการช่วยเหลือ เมื่อช่วยเหลือญาติไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล แน่นอนว่านางต้องให้ความร่วมมือกับหนานหลิงจิ่นสิง ให้คนนอกเห็นความสัมพันธ์ฉันพี่น้องของพวกเขาลึกซึ้ง ทำให้เห็นว่าการร่วมมือกันของเสด็จอาเก้าและหนานหลิงจิ่นสิงไม่มีวันแตกหัก
การมาครั้งนี้หาความคิดทางการเมือง เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกแปลกไม่น้อยเมื่อเดินเข้าไปในจวนเฟิ่งพร้อมกับหนานหลิงจิ่นสิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...