นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 736

สรุปบท บทที่ 736-2 จุดยืน การตัดสินใจคุณชายใหญ่: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 736-2 จุดยืน การตัดสินใจคุณชายใหญ่ – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 736-2 จุดยืน การตัดสินใจคุณชายใหญ่ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เฟิ่งชิงเฉินเปิดประตูก็เห็นเสด็จอาเก้ายืนรออยู่ด้านนอก เนื่องจากได้ยินเรื่องราวของหลานอีหลิน เฟิ่งชิงเฉินจึงรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย พยายามกล่าวออกมาว่า “ท่านได้ยินหมดแล้วใช่ไหม?”

“อือ” เสด็จอาเก้าพยักหน้าเพื่อบ่งบอกว่าตนเองได้ยินแล้ว ถึงต่อให้ไม่ได้ยิน การคาดเดาของเขาก็ถูกต้อง

หากเป็นเขา เขาเองก็คงทำเช่นนี้ บนโลกนี้จะมีคนโง่ที่จงรักภักดีสักกี่คน

“ยังจะส่งตัวนางให้ตระกูลชุยอีกหรือไม่? เมื่อกลับไป นางก็เป็นได้แค่หุ่นเชิดของตระกูลชุยเท่านั้น” เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกใจอ่อน เด็กผู้หญิงที่ชื่อหลานอีหลิน ทำให้นางคิดถึงตัวเองในตอนแรก หมดหนทางและหวาดกลัว แต่ก็ไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา

ในโลกมนุษย์อันแสนแปลกประหลาดนี้ พวกเขาคือผู้ถูกเอาเปรียบอย่างสมบูรณ์ แต่แค่นางกับหลานอีหลินเลือกทางที่แตกต่างกัน นางเลือกที่จะทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวนางอย่างระมัดระวังเพื่อก้าวเข้ามาในโลกใบนี้ แต่หลานอีหลินกลับแสดงตนว่าให้คนอื่นรู้จัก ซึ่งนั่นคือสิ่งที่แตกต่างออกไป

หากนางไม่ได้แซ่หลาน ไม่ถูกเลี้ยงดูมาโดยตระกูลชุย นางอาจจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี แต่ในความเป็นจริงนางอยู่ในมือของตระกูลชุย ไม่ว่าตนเองจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่สามารถเขย่ากองกำลังอันยิ่งใหญ่ได้

“หุ่นเชิด? พวกเราไม่ว่าใครก็ล้วนเป็นหุ่นเชิด เจ้าก็ใช่ ข้าเองก็ใช่ หากต้องการลิขิตชีวิตตนเอง ก็ต้องมีพลังเพียง นางจะเป็นอย่างไรจะโทษคนอื่นไม่ได้ ต้องโทษที่นางเกิดมามีแซ่หลาน นางไม่กลับไปตระกูลชุย ด้วยความสามารถของนางก็คงมีแค่ความตายเท่านั้นที่รออยู่ หากไม่อยากให้นางตายก็ส่งนางกลับไปตระกูลชุย ตระกูลชุยไม่มีทางสังหารนาง”

ตระกูลชุยคือผู้ปกป้องที่ดีที่สุดของหลานอีหลิน หากไม่มีตระกูลชุย หนทางด้านหน้าของหลานอีหลินก็คงมีแต่ความตาย เรื่องนี้เขาเชื่อว่าเฟิ่งชิงเฉินเข้าใจดี

ใช่ เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจดี ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงแค่พูด ขนาดตอนนี้พวกเขาเองยังถูกไล่ล่า แบบนั้นจะเอาอะไรไปช่วยปกป้องหลานอีหลิน

“ข้าเข้าใจแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินหลับตา ขจัดจิตใจที่อ่อนโยน

ไม่นางไม่คุณสมบัติที่จะไปสงสารหลานอีหลิน นางไม่มีความสามารถที่จะไปปกป้องสาวน้อยผู้ไร้เดียงสาคนนั้น

“ดูแลนางให้ดี ก่อนที่ตระกูลชุยจะมา อย่าให้นางฟื้นขึ้นมาเป็นอันขาด ข้าไม่อยากให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน” เสด็จอาเก้าสั่งอย่างไร้ความปราณี และเขารู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินสามารถทำได้

“ได้” เฟิ่งชิงเฉินตั้งใจที่จะป้อนยาให้หลานอีหลินตั้งแต่แรก เด็กคนนี้สามารถหนีออกมาได้ครั้งหนึ่งแล้ว ก็ต้องมีครั้งที่สองอย่างแน่นอน โชคดีที่ครั้งนี้ได้เจอกับพวกเขา ครั้งหน้านางจะจะถูกฆ่าหรือไม่ก็พาไปขาย

เฟิ่งชิงเฉินเดินกลับไปที่ห้อง ป้อนยาให้หลานอีหลิน ขณะที่เสด็จอาเก้าเดินไปทางด้านซ้าย เขาหยุดตรงมุมอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็เดินออกไปพร้อมกับคุณชายใหญ่ที่อยู่ตรงนั้น

ทั้งสองคนเดินมาถึงพื้นที่วาง พวกเขายืนอยู่ข้างกัน มองไปในระยะไกล สายลมพัดเข้ามา เสื้อผ้าของพวกเขาเต้นระบำ คนหนึ่งเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง อีกคนสงบนิ่งราวกับสายน้ำ แค่เหงาหลังของคนเพียงคนเดียวก็สามารถทำให้คนทั้งโลกโหยหา คิดจะก้าวไปด้านหน้า ต้องลองดูก่อนว่าผู้เป็นเจ้าของเงาหลังผู้นั้นเป็นคนแบบไหน

แต่ไม่มีใครกล้าก้าวออกไป เนื่องจากด้วยท่าทางที่ทั้งสองยืนอยู่ มันเหมือนกับจักรพรรดิกำลังยืนคุยกับเสนาบดีคนสนิทผู้มีปัญญาเหลือล้น และเป็นคนที่เขาไว้ใจที่สุด คนธรรมดาไม่กล้าเข้าใกล้

“เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม?” ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเสด็จอาเก้าก็เอ่ยปากออกมา

“ได้ยินแล้ว พระราชวงศ์ที่น่านับถือที่สุด กับตระกูลชุยที่ใกล้ชิดกับราชวงศ์มากที่สุด” ดวงตาของหวังจิ่นหลิงมองไปด้านหน้าอย่างว่างเปล่า

ปลายทางของตระกูลหลานเป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นสะเทือน บนโลกนี้สิ่งที่พึ่งพาได้มากที่สุดมีเพียงอำนาจเท่านั้น!

ราชวงศ์แห่งตระกูลหลานอันสูงส่ง ถูกเข่นฆ่าจนไม่เหลือใคร ผู้รอดชีวิตมาโดยบังเอิญถูกเลี้ยงดูราวกับสัตว์ เด็กที่เกิดมาโง่เท่านั้นถึงเอาชีวิตรอดต่อไปได้

ทำไมถึงได้เศร้าถึงขนาดนี้ หากวันหนึ่งตระกูลหวังถูกโค้นล้ม ทายาทของตระกูลหวังเกรงว่าคงจะน่าอนาถกว่าตระกูลหลาน ทายาทของตระกูลหลานยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ แต่ทายาทของตระกูลหวังนั้นไร้ค่า

“งั้นเจ้าจะตัดสินใจอย่างไร?” เสด็จอาเก้าหันไปมองหวังจิ่นหลิง ไม่อนุญาตให้เขาปฏิเสธหรือหลบหนี

การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากแล้ว พวกเขาต่างเป็นตัวละครตัวหนึ่งในการต่อสู้ครั้งนี้ ใครก็หนีไม่พ้น และเขาไม่สามารถปล่อยให้ตระกูลหวังตกเป็นของตระกูลชุย

“ใช่ ข้าเองก็สงสัย ดังนั้นข้าจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะไปว่าเจ้า” หวังจิ่นหลิงยิ้มอย่างขมขื่น “เจ้าไม่เสียใจอย่างนั้นหรือ?”

ตอนที่เขาเห็นร่างที่เปื้อนเลือดของเฟิ่งชิงเฉิน ในวินาทีที่เขาวิ่งเข้าไป เขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก

ทำไมต้องขุดคุ้ยความลับของเฟิ่งชิงเฉิน? เฟิ่งชิงเฉินในสภาพแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ทำไมพวกเขาจะต้องไปอยากรู้ในเรื่องที่เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากให้พวกเขารู้

“ทำไมต้องเสียใจ? เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้เป็นอะไรไม่ใช่หรือไง” เห็นท่าทางไม่เข้าใจของหวังจิ่นหลิง เสด็จอาเก้าอธิบายออกไปด้วยความลำบากใจ “ข้าไม่มีทางปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินต้องอยู่คนเดียวจริง ๆ หรอก ที่นี่ไม่ใช่พระราชวัง ที่นี่ไม่ใช่อาณาเขตของพวกเรา”

หรือพูดอีกอย่างก็คือ ต่อให้โจ่วอันไม่ยั้งมือ ก็ไม่มีทางเกิดอะไรขึ้นกับเฟิ่งชิงเฉิน

“เจ้า.....เจ้าช่างเป็นตา......เจ้าเล่ห์” หวังจิ่นหลิงอยากจะบอกว่าอีกฝ่ายเป็นตาแก่จอมเจ้าเล่ห์ แต่เมื่อคิดถึงความห่างของอายุพวกเขา มันก็เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น สุดท้ายจึงพูดออกมาแค่เพียงว่าเจ้าเล่ห์

“อย่ามาว่าข้าเลย เจ้าเองก็มีเหมือนกันไม่ใช่หรือไง” เสด็จอาเก้าตอบกลับไปอย่างประชดประชัน

ทั้งสองคนล้วนทิ้งไพ่ตายเอาไว้ ดังนั้นจึงว่ากันไม่ได้

หวังจิ่นหลิงถอนหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย คิดจะเอาเปรียบเสด็จอาเก้า บอกเลยว่ายาก!

ช่างมันเถอะ เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นไปแล้ว ตอนนี้จะมาบอกว่าใครถูกใครผิดมันก็ไม่มีความหมายอะไร หวังจิ่นหลิงจึงพูดเรื่องของตระกูลชุยขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าจะส่งหลานอีหลินกลับไปเช่นนี้จริงหรือ? จะปล่อยให้ตระกูลชุยทำตามใจอย่างนั้นหรือ?”

เรื่องบางเรื่องอาจจะหนีไปได้สักพักแต่ก็คงไม่มีทางหนีไปได้ทั้งชีวิต ความทะเยอทะยานของตระกูลชุยปรากฏชัด ตระกูลหวังไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จะไปอยู่ฝั่งไหนก็ยังไม่แน่ ตอนนี้ทำได้เพียงปกป้องตัวเอง สุดท้ายเมื่อทั้งสองฝ่ายเข้ากันไม่ได้ การต่อสู้ของจักรพรรดิจะเกิดขึ้น ไม่มีใครหลุดพ้นไปได้ และตระกูลหวังของเขาเองก็ต้องเลือกจุดยืน!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ