สรุปตอน บทที่ 745-2 เป็นกลางลำบากสุด – จากเรื่อง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย
ตอน บทที่ 745-2 เป็นกลางลำบากสุด ของนิยายInternetเรื่องดัง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน อาช้าย เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ในความมืด เซวียนเส้าฉีไม่เห็นว่าในตอนที่หลานจิ่วชิงกระโดดลงไปในหน้าผา มีเส้นลวดเส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของเขา ซึ่งเส้นลวดพุ่งขึ้นไปเกาะอยู่กับขอบหน้าผา ส่วนร่างกายของหลานจิ่วชิงก็ตกลงไป
เขาจะมาทิ้งชีวิตไว้แบบนี้ได้อย่างไร
“ท่านผู้นำ” องครักษ์ของเผ่าเสวียนเซียวกงรีบวิ่งตามมา เห็นเซวียนเส้าฉียืนอยู่ที่นั่นคนเดียว เซวียนเส้าฉีเองก็ไม่พูดอะไรมาก ชี้ไปยังหน้าผาด้านหน้า บอกให้องครักษ์ไปตรวจสอบ “ลองไปดูว่ามีคนอยู่หรือไม่?”
“ขอรับ” องครักษ์สองคนเดินไปริมหน้าผา หลังตรวจสอบเป็นระยะเวลาหนึ่งก้านธูป องครักษ์ก็ตอบกลับมาว่า “เรียนท่านผู้นำ ไม่มีใครอยู่ขอรับ”
องครักษ์จุดไฟสว่าง แต่ก็ไม่เห็นร่องรอยของหลานจิ่วชิง
กระโดดหน้าผา? หรือด้านล่างจะมีเส้นทางที่ข้าไม่รู้อยู่?
ดวงตาของเซวียนเส้าฉีเต็มไปด้วยความครุ่นคิด หันไปสั่งองครักษ์ว่า “ทิ้งคนเฝ้าที่นี่ไว้ยี่สิบคน ที่เหลือกลับ”
“ขอครับ!”
วันต่อมา ไม่รอให้เฟิ่งชิงเฉินถาม เซวียนเส้าฉีก็เล่าเรื่องราวของผู้บุกรุกให้เฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้า และหวังจิ่นหลิงฟัง สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทั้งสามคนต่างรู้ดี เมื่อได้ยินคำพูดของเซวียนเส้าฉี จึงไม่ได้รู้สึกตกใจสักเท่าไหร่
เสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงไม่มีเจตนาที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการของเผ่าเสวียนเซียวกง พวกเขาไม่ถามอะไรมาก แค่พยักหน้าบ่งบอกว่ารับรู้เรื่องราวเท่านั้น
มีเพียงเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้นที่ตกใจเมื่อได้ยินว่าผู้บุกรุกคือหลานจิ่วชิง ปากของนางเปิดกว้าง หากไม่ใช่เพราะเสด็จอาเก้าสะกิดเท้าของนาง นางคงไม่ฟื้นสติกลับมา แต่ถึงกระนั้นเซวียนเส้าฉีก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของนาง
“ชิงเฉิน เป็นอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“อ่า......ข้ากำลังคิดว่า กลไกของพวกเราแน่นหนาเสียขนาดนั้น เขาขึ้นมาบนเขาได้อย่างไร?” ข้อสงสัยนี้เกิดขึ้นจากความเข้าใจถึงกลไกและกับดักอันสมบูรณ์แบบของเผ่าเสวียนเซียวกงของเฟิ่งชิงเฉิน ไม่มีทางที่หลานจิ่วชิงจะบุกเข้ามาได้โดยไร้ร่องรอย
“เขาใช้ประโยชน์จากหน้าผาด้านหลังของเผ่าเสวียนเซียวกงในการบุกเข้ามา” รอทั้งคืนก็ยังไม่มีใครขึ้นมา เซวียนเส้าฉีมั่นใจแล้วว่าหลานจิ่วชิงได้หนีไปแล้ว
ผู้ร้ายยุคใหม่ที่โด่งดัง ไม่ธรรมดาอย่างที่คิด
“เอ๋? ตรงนั้นมันไม่ใช่ที่สำหรับการสังหารผู้คนอย่างนั้นหรือ? ลึกขนาดนั้นเขาจะปีนขึ้นมาได้อย่างไร?” เฟิ่งชิงเฉินคิดไม่ออก
เซวียนเส้าฉีส่ายหน้าพร้อมกล่าวออกมา “ไม่รู้ รอหลังจากเรื่องนี้เสร็จสิ้น ข้าจะสั่งให้คนลงไปตรวจสอบด้านล่าง จะปล่อยให้คนอื่นใช้ประโยชน์จากมันอีกต่อไปไม่ได้ ชิงเฉินเจ้าไม่ต้องกังวล ตอนที่เขาถูกค้นพบเมื่อวาน เผ่าเสวียนเซียวกงไม่ได้รับความเสียหายอะไร และหากเขาไม่ใช่ได้เข้ามาโดยใช้เส้นทางแห่งความตาย ต่อให้เข้ามาถึงเผ่าเสวียนเซียวกง เขาก็ไม่ได้รับประโยชน์อะไรอยู่ดี”
“อ่า” เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าและไม่พูดอะไรมากกว่านั้น แต่ดวงตาของนางสั่นเทา ดูเหมือนจะกำลังรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่เซวียนเส้าฉีไม่ได้สังเกตเห็น วันนี้ พวกเขาต้องการทดสอบผลการทดลองของการเปลี่ยนแปลงกับดักจึงต้องเตรียมหลายสิ่งหลายอย่าง
มองเวลา เห็นว่าอีกไม่นานก็ถึงเวลาเริ่ม เซวียนเส้าฉีทิ้งเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉิน และหวังจิ่นหลิงไว้เพื่อไปเตรียมการล่วงหน้า เสด็จอาเก้ากับหวังจิ่นหลิงพยักหน้าเพื่อบอกว่าให้เซวียนเส้าฉีรีบไป เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้พูดอะไร แต่เมื่อเห็นท่าทางของเซวียนเส้าฉี กลับดูเหมือนว่าต้องการพูดอะไรบางอย่าง
นางไม่รู้ว่าควรบอกกับเซวียนเส้าฉีหรือไม่ว่านางรู้จักกับหลานจิ่วชิง และก็ไม่รู้ว่าคำพูดของนางจะดูสมเหตุสมผลหรือไม่ ซึ่งทำให้นางสับสนเหลือเกิน
“อยากทำอะไรก็ทำ ไม่เห็นต้องคิดมากขนาดนั้น” คนอื่นไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เสด็จอาเก้ารับรู้เป็นอย่างดี หยิบชาซึ่งตั้งอยู่ข้างโต๊ะขึ้นมา เสด็จอาเก้าแนะนำด้วยความกรุณา
“แต่......” หากนางพูดออกไปจะเป็นการขายหลานจิ่วชิงหรือเปล่า
อ่า......ช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
เฟิ่งชิงเฉินจับศีรษะและขมวดคิ้ว
มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน......
“ชิงเฉิน ไหนเจ้าว่าบอกจะไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีกไง” ได้ยินคำพูดนี้ของเฟิ่งชิงเฉิน รอยย่นบนใบหน้าของหวังจิ่นหลิงก็ปรากฏออกมา
พูดหญิงนี่ช่างคิดเล็กคิดน้อยเสียจริง และอย่าไปเชื่อคำพูดของผู้หญิงเป็นอันขาด บอกอยู่ว่าไม่สนใจ แต่สุดท้ายก็ไม่ปล่อยวางกับมันเสียที
“ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ แต่เรื่องนั้นข้าไม่ได้โทษพวกเจ้าจริง ๆ เนื่องจากข้าไม่ใช่ข้าคนเดิม พวกเจ้าจะสงสัยมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร” จากท่าทางในการพูดนั้นดูสงบมาก นั่นหมายความว่านางไม่ได้ใส่ใจมันแล้ว
หลายวันที่ผ่านเอาแต่จมอยู่กับเรื่องกลไกและดินปืน เฟิ่งชิงเฉินพบว่านางไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้เลย เกิดเป็นผู้หญิงไม่มีอิสระเป็นของตนเองอะไรมากมาย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังความแตกต่างของตนเอง นางต้องการเผยเห็นให้ถึงความแตกต่างของตนเองมากขึ้น
นางเฟิ่งชิงเฉินแตกต่างจากผู้หญิงทั่วไป ดังนั้นหากไม่ชอบก็ไม่ต้องมาสนใจ
“เจ้าก็คือเจ้า เฟิ่งชิงเฉิน” เสด็จอาเก้าไม่ได้คาดหวังว่าเฟิ่งชิงเฉินจะพูดแบบนี้ออกมากะทันหัน เขาจึงพูดออกไปด้วยความตกใจ
“ชิงเฉิน......เจ้า” รูม่านตาของหวังจิ่นหลิงหดตัวลง และคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเฟิ่งชิงเฉินจะพูดแบบนี้ออกมากะทันหัน
“ไม่เป็นไร ที่จริงก็รู้อยู่ตั้งแต่แรกแล้วว่า การหลบซ่อนจากพวกเจ้านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และข้าก็ไม่มีเจตนาที่ต้องการปิดบัง” เฟิ่งชิงเฉินหันมายิ้มให้กับเสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงอย่างเข้มแข็ง เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ต้องการพูดแบบนี้ มันคือการบีบบังคับ
หวังจิ่นหลิงยังอยากจะพูดอะไรออกมา แต่จู่ ๆ เฟิ่งชิงเฉินก็ลุกขึ้น พูดตัดเขาออกมา “ใกล้ถึงเวลาแล้ว พวกเรารีบไปที่แท่นต่อสู้เพื่อดูพลังทำลายของกับดักแห่งเผ่าเสวียนเซียวกงกัน”
พูดจบนางก็เดินออกไป และไม่สนว่าเสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงจะคิดอย่างไร
เฮ้อ......ชายทั้งสองถอนหายใจ ทำได้แค่เพียงเดินตามไป พวกเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า กับดักและกลไกของเผ่าเสวียนเซียวกงนั้นมันสุดยอดแค่ไหน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...