นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 747

นี่เป็นการหักล้างและเป็นการต่อสู้ระหว่างเสด็จอาเก้าและเซวียนเส้าฉี ทั้งสองเลือกทีมน้ำเงิน เลือกเข้าโจมตีเผ่าเสวียนเซียวกง งั้นต้องมาดูกันว่าใครจะเป็นฝ่ายข้ามผ่านถนนแห่งความตายที่ได้รับการปรับแต่งจากเฟิ่งชิงเฉิน โดยเกิดการสูญเสียน้อยที่สุด

เรื่องนี้เสด็จอาเก้าไม่มีความได้เปรียบแต่อย่างใด เนื่องจากเขาเองก็ไม่เคยผ่านสนามรบมาก่อน นี่ถือเป็นครั้งแรกสำหรับพวกเขา อ่า......

ลืมไปเลย นี่ก็เป็นครั้งแรกสำหรับเฟิ่งชิงเฉินเช่นกัน เป็นครั้งแรกที่ได้ออกคำสั่งทางการรบ อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้แม้นางจะเคยผ่านสนามรบมาก่อน แต่ก็เป็นเพียงแค่หมอทหารธรรมดาคนหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะออกคำสั่งทางการรบ ขนาดในตอนที่กำลังรบกัน นางจะถูกปกป้องอยู่ตลอด รอจนการต่อสู้สิ้นสุด ตอนนั้นนางถึงจะปรากฏตัว

การต่อสู้ครั้งนี้ถือเป็นการต่อสู้ฉบับสมบูรณ์ของชายหนุ่มและหญิงสาวทั้งสี่ ผู้ซึ่งไม่เข้าใจสงคราม พูดไปพูดมามันก็น่าสนใจเหลือเกิน และในขณะเดียวกันต้องบอกเลยว่าความกล้าของพวกเขาทั้งสี่นั้นมันเกินกว่าที่คนทั่วไปจะมี

นอกจากการฝึกครั้งนี้ จะเป็นครั้งแรกในการสั่งการรบของพวกเขา พวกเขายังต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังผสมของสามประเทศ แม้จะบอกว่าเป็นเพียงกองกำลังส่วนน้อย แต่ความแข็งแกร่งของการร่วมมือกันจากกองกำลังถึงสามประเทศ มันเกินกำลังของคนทั่วไป

แต่พวกเขากลับไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่การร่วมมือกันของกองกำลังขนาดเล็กจากสามประเทศเลย ต่อให้กองกำลังของทั้งสี่ประเทศแห่งและเมืองจิ่วร่วมมือกันโจมตีเผ่าเสวียนเซียวกง พวกเขาทั้งสี่ก็ไม่กลัว และต้องการสู้จนถึงวินาทีสุดท้าย

“บุก !”

จากนั้น ภายใต้คำสั่งของเซวียนเส้าฉี ธงสีน้ำเงินโบกสะบัดในอากาศ รถรบที่ปักธงสีน้ำเงินไว้พุ่งออกมาจากทั้งสองด้าน เสียงรถดังลั่น รถรบจำนวนนับพันปรากฏขึ้นต่อสายตาผู้คน มองไปสุดลูกหูลูกตา

แม้ว่าจะเป็นแค่การซ้อมรบ แต่ถือได้ว่าเป็นการซ้อมรบครั้งยิ่งใหญ่ แค่คนบนรถรบนั้นไม่ใช่คน แต่เป็นแกะ แกะที่สามารถเชื่อใจได้

แน่นอนว่าแกะเหล่านี้ไม่ได้ใช้เพื่อโจมตี แต่ใช้แทนกองทหารเพื่อทดสอบพลังของกับดัก ด้านหลังของรถรบมีกองทัพจริงอยู่สามหมื่นคน พวกเขาส่งเสียงตะโกนออกมาอย่างกึกก้อง

“ฆ่า !”

“ฆ่า !”

แค่พยางค์เดียว แต่ความรุนแรงของมันทำให้ท้องฟ้าสั่นสะเทือน ทำให้ผู้คนรู้สึกประหม่าโดยไม่ตั้งใจ นี่คือการต่อสู้ในยุคที่ใช้เพียงการฟาดฟันหรือแทง ไม่มีรถถัง เครื่องบิน ปืนกล แต่บรรยากาศของมันช่างน่ากลัว ทำให้ผู้คนรู้สึกแตกตื่น

นี่คือสนามรบ คือโหมโรงของถนนแห่งความตาย ไม่ต้องเข้าปะทะแต่สงครามมันก็เริ่มขึ้นแล้ว ฝั่งสีน้ำเงินดูฮึกเหิมเป็นอย่างมาก

เมื่อกองทัพปรากฏออกมา ผลลัพธ์ที่ได้จากผู้คนคือภาพที่แข็งแกร่ง การต่อสู้ในยุคที่ใช้เพียงการฟาดฟัน ความฮึกเหิมและการข่มขวัญศัตรูของกองทัพเป็นเรื่องสำคัญ การที่มีกำลังทหารน้อยกว่าใช่ว่าจะหมดโอกาสชนะ แต่ทั้งนี้ทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาและสถานที่ พร้อมกับเงื่อนไขที่เหมาะสม มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะ เมื่อกองทัพของทั้งสองฝ่ายสู้กัน ผู้ชนะนั้นส่วนมากจะเป็นผู้ที่มีความกล้าหาญมากกว่า

นี่เป็นครั้งแรกที่เฟิ่งชิงเฉินได้เห็นการต่อสู้แบบนี้ ปกติแล้วนางจะได้เห็นเพียงกระสุนปืน การโจมตีของเครื่องบินบนอากาศ ระเบิดที่ถูกทิ้ง ห่ากระสุน ทุกอย่างก้าวเต็มไปด้วยอันตราย แต่ขาดความฮึกเหิมและการข่มขวัญของสงครามในยุคที่ใช้เพียงการฟาดฟัน

ในสายตาของเฟิ่งชิงเฉิน นี่เป็นการต่อสู้ทางกายภาพที่แท้จริง

บ้าระห่ำ!

ใช่ เกินความคาดหมายของทุกคน เมื่อเผชิญหน้ากับเสียงโห่ร้องแห่งกองทัพของเซวียนเส้าฉี เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้แสดงท่าทีตกใจแต่อย่างใด แต่ในทางกลับกัน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ดวงตาของนางเปล่งประกายด้วยแสงอันร้อนแรง

เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

“ผู้หญิงคนนี้ไม่เลว หากฮูยหยินของท่านผู้นำคนก่อนมีลักษณะท่าทางที่ดุดันเช่นนี้ ข้าไม่สนใจว่านางจะเป็นลู่อีหรานหรือลู่อี่โม่ ข้าสามารถยอมรับได้ทั้งหมด” แม่ทัพผู้ซึ่งมีเคราสีขาว ลูบเคราของตนเองพร้อมพยักหน้าด้วยความชื่นชม

การต่อสู้ในลักษณะนี้ ไม่ต้องพูดถึงเฟิ่งชิงเฉินเลย ต่อให้เป็นพวกเขาที่ได้เห็นเห็นลมและคลื่นขนาดใหญ่มามากมาย ก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นเทา

เซวียนเส้าฉี นี่มันน่าทึ่งเหลือเกิน

ฮู้ว......เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด แต่สิ่งที่ได้จากการกระทำนี้ ทำให้เฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ยิ่งอีกฝ่ายแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ การต่อสู้ก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ