นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 775

ชาโดว์เป็นองครักษ์เสื้อแพรยอดฝีมืออันดับที่สองของซีหลิง หากผู้บัญชาการใหญ่ที่ชื่อจวงฮั่นไม่มาด้วยตนเอง เสด็จอาเก้าก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีกฝ่าย ประกอบกับปืนที่เฟิ่งชิงเฉินมอบให้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาสามารถกวาดล้างอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย

หลังจากจัดการกับคนขององครักษ์เสื้อแพรเป็นอันเรียบร้อย เสด็จอาเก้าเดินกลับไปยังกระท่อม เตรียมพาเฟิ่งชิงเฉินหนี แต่ในตอนนั้นเอง ชายชุดดำหลายคนพุ่งมาทางด้านหน้าของเขา บนร่างของชายชุดดำเหล่านี้เต็มไปด้วยน้ำมันก๊าด เมื่อเข้าใกล้เสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าสามารถได้กลิ่นน้ำมันอย่างชัดเจน

เสด็จอาเก้ารีบหลังกลับมาทันที ไม่อยากเข้าไปยุ่งกับคนพวกนี้ รีบเล็งปืนไปยังอีกฝ่าย แต่มันก็สายเกินไปแล้ว ชายชุดดำเหล่านั้นเผาตนเองก่อนจะถึงระยะยิง และด้วยเสียงกรีดร้องแห่งความเจ็บปวด ลูกบอลเพลิงพุ่งเข้าหาเสด็จอาเก้า

เสด็จอาเก้ารีบถอยหลังกลับไป ทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้สัมผัสกับฝ่ายตรงข้าม คนเหล่านี้มีชื่อเรียกในองครักษ์เสื้อแพรว่า “เออร์เบียม” คนเหล่านี้ “เออร์เบียม” ไม่กลัวตาย ในตอนที่พวกเขาเดินออกมาจากองครักษ์เสื้อแพร พวกเขาก็ตัดสินใจพร้อมตาย สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือใช้ความตายของตนเองแลกมาซึ่งผลประโยชน์ที่มากที่สุด

ครืด......ครืด ร่างของมนุษย์ซึ่งอยู่ในเปลวไฟมีขนาดเล็กลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันเปลวไฟก็มีขนาดใหญ่ขึ้น เสด็จอาเก้าหมดหนทางต่อต้าน ทำได้แค่หลบและเตะลูกไฟที่เข้ามาข้างกายของเขาออกไป

เขานับถือองครักษ์เสื้อแพรแห่งซีหลิงเป็นอย่างมาก เพื่อจับเขา ถึงกับใช้สิ่งซึ่งเรียกว่า “เออร์เบียม” มากมายขนาดนี้

เข้ามาอย่างต่อเนื่อง องครักษ์เสื้อแพรไม่มีวี่แววว่าจะหยุดแม้จะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้เสด็จอาเก้าได้ ตรงกันข้าม ยิ่งไม่สามารถทำอะไรเสด็จอาเก้าได้ ความรุนแรงของพวกเขากลับเพิ่มมากขึ้น เสียงกรีดร้องแห่งความเจ็บปวดดังขึ้นจนไปถึงหมู่บ้านในระยะไกล ทำให้เหล่าชาวบ้านหวาดกลัวจนไม่กล้าออกมานอกบ้าน

เฟิ่งชิงเฉินซึ่งอยู่ในกระท่อมได้ยินเสียงนี้ เห็นแสงวาบผ่านดวงตาของนาง นางคาดเดาได้ทันทีว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น การฆ่าตัวตายหรือการเสียสละตนเองเพื่อผลประโยชน์ขององค์กรนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับนาง แต่แค่คิดไม่ถึงว่าองครักษ์เสื้อแพรแห่งซีหลิงจะนำวิธีนี้ออกมาใช้ ต้องบอกเลยว่าช่างเยือกเย็นเหลือเกิน

ฉวยโอกาสที่เสด็จอาเก้าไม่อยู่ เฟิ่งชิงเฉินฉีดยาเพื่อกระตุ้นตนเอง เพื่อให้แน่ใจว่านางสามารถป้องกันตนเองได้ เมื่อยาออกฤทธิ์ เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้นจากเตียงและเตรียมเดินออกไปด้านนอก

อีกฝ่ายยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อสร้างระเบิดแห่งเปลวเพลิงขึ้นมา เกรงว่ากระท่อมหลังนี้คงไม่มีทางรอด หากนางอยู่ในกระท่อมต่อไป ไม่แน่ว่านางอาจจะถูกเผาทั้งเป็น

ความคิดของเฟิ่งชิงเฉินนั้นถูกต้อง แต่นางช้าไปก้าวหนึ่ง ในตอนที่เดินออกมาหน้าประตู ลูกไฟมนุษย์สองลูกซึ่งหลุดรอดจากการป้องกันของเสด็จอาเก้าได้พุ่งมายังกระท่อม ปิดกั้นทางออกของเฟิ่งชิงเฉินไว้

บูม......

กระท่อมมุงจากเต็มไปด้วยหญ้าและไม้ บวกกับฝนไม่ตกมาหลายวัน กระท่อมลุกเป็นไฟในทันที ทำให้เฟิ่งชิงเฉินต้องถอยกลับเข้าไป

“แค๊ก แค๊ก......” เฟิ่งชิงเฉินจับมือซึ่งได้รับบาดเจ็บของนางและนอนลงบนเตียง มองไปยังคนสองคนที่ประตู ถูกล้อมรอบไปด้วยไฟซึ่งโหมกระหน่ำ กรีดร้องและวิ่งไปรอบ ๆ รู้สึกเห็นใจพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง

แต่คนพวกนี้น่าสมเพช ด้วยคำสั่งของเจ้านาย ถึงกับต้องเสียสละอย่างไรความหมาย มันไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย

กระท่อมไม้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เปลวไฟมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยลูกไฟมนุษย์ที่มีจำนวนมากขึ้น ทำให้ความสามารถในการควบคุมของเสด็จอาเก้านั้นต่ำลง มีลูกไฟมนุษย์อีกสองลูกพุ่งเข้ามาทางกระท่อม ปิดกั้นเส้นทางหลบหนีสุดท้ายของเฟิ่งชิงเฉินไว้

“ฮึ ฮึ” เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะอย่างขมขื่น ไม่ได้หมดหวังหรือโกรธแต่อย่างใด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางตกอยู่ในทะเลเพลิง นางคุ้นชินกับมันตั้งนานแล้ว

ครั้งแรกคือการเผาจวนเฟิ่ง ครั้งที่สองคือการเผาจวนของเจ้าเมือง ครั้งนี้เป็นเพียงการเผากระท่อม ชีวิตของนางช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยเปลวไฟจริง ๆ

นางตัดสินใจหันกลับไปหาซูเหวินชิงเพื่อเชิญช่างฝีมือจำนวนหนึ่ง เพื่อสร้างจวนที่เป็นอิฐหรือปูนขึ้นมา ดูว่าเปลวไฟมันยังจะใช้ได้ผลหรือไม่ แต่ตอนนี้นางรับไม่ไหวแล้ว กระท่อมแห่งนี้ทำมาจากไม้ มันร้อนเสียจนสามารถพรากชีวิตของนางไปได้ในทุกวินาที

เฟิ่งชิงเฉินกอดผ้าห่มไว้ในอ้อมแขนและวิ่งไปยังห้องครัว นางจำได้ว่ายังมีน้ำเหลืออยู่ในถัง นางใช้ผ้าห่มชุบน้ำจนเปียกและพันรอบตัว แบบนี้มันน่าจะฝ่าออกไปได้

บ้านไม้ก็มีข้อดีของบ้านไม้ คือผนังของมันไม่ทนทาน หากเป็นบ้านซึ่งสร้างขึ้นมาจากปูน แน่นอนว่าต่อให้นางพุ่งออกไปชนเข้ากับกำแพงจนตายมันก็ไม่มีประโยชน์

ด้วยอาการบาดเจ็บที่มือ แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินยังอยากเป็นหมอ นางไม่อยากให้มือของตนเองต้องเจ็บไปมากกว่านี้ ดังนั้นเฟิ่งชิงเฉินจึงพยายามใช้มือข้างที่เหลืออยู่ของนางนำผ้าห่มลงไปในถังน้ำเพื่อทำให้มันเปียก

ผ้านั้นเปียกง่าย แต่เมื่อเปียกไปแล้วนั้นยากจะยกขึ้นมา ต้องรู้ก่อนว่าผ้าซึ่งเปียกน้ำนั้นมันมีน้ำหนักมากแค่ไหน

“แค๊ก แค๊ก......”

เปลวไฟมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินแดงจนน่าตกใจ ควันที่หนาแน่นทำให้นางไม่สามารถลุกขึ้นยืนเหมือนปกติได้ แต่เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่านางไม่มีเวลามาลังเล แม้ว่าจะต้องตบลงด้วยการเป็นคนพิการ แต่นางก็ต้องเอาชีวิตรอดออกไปให้ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ