นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 776

สรุปบท บทที่ 776 พักชั่วคราว สองแสนแผ่นทองมาส่งถึงที่: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

สรุปตอน บทที่ 776 พักชั่วคราว สองแสนแผ่นทองมาส่งถึงที่ – จากเรื่อง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย

ตอน บทที่ 776 พักชั่วคราว สองแสนแผ่นทองมาส่งถึงที่ ของนิยายInternetเรื่องดัง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน อาช้าย เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

โจ่วอันคุ้นชินกับชีวิตที่มีศัตรูตามมาแก้แค้นตนเองมานานแล้ว ขอแค่สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่แปลก ๆ ซึ่งกำลังเข้าใกล้ที่พักของเขา โจ่วอันก็สามารถรับรู้ได้ทันที อีกอย่างเสด็จอาเก้าก็ไม่ได้ปกปิดร่องรอยของตนเองแต่อย่างใด หากโจ่วอันยังไม่รู้ถึงการมาของเสด็จอาเก้า แบบนั้นเขาก็คงไม่คู่ควรกับอาชีพมือสังหาร

โจ่วอันขวางอยู่หน้าประตู ไม่ได้ลงมือและไม่ปล่อยให้เสด็จอาเก้าเดินเข้าไป เสด็จอาเก้าเองก็ไม่พูดอะไร จ้องมองโจ่วอันอย่างนิ่งสงบ ซึ่งตรงกันข้ามกับความวิตกกังวลในใจของเขาอย่างสิ้นเชิง

เสด็จอาเก้าคุ้นเคยกับสถานการณ์เช่นนี้ดี โจ่วอันเองก็คุ้นเคยกับความเงียบ ทั้งสองคนจ้องหน้ากันอยู่นานโดยไม่พูดอะไร ราวกับกำลังแข่งกันว่าความอดทนของใครมากกว่า

เคยได้ยินมาว่าโจ่วอันเคยไม่พูดอะไรเป็นระยะเวลาสามเดือน ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวเสด็จอาเก้า อีกอย่างต่อให้ร้อนรน คนที่ร้อนรนก็ไม่น่าใช่เขา

แต่ตอนที่เห็นแววตาอันล้ำลึกของเสด็จอาเก้าเปลี่ยนเป็นดวงตาอันเยือกเย็น โจ่วอันรู้สึกว่ากำลังถูกสายตาอันน่าหวาดกลัวของอาจารย์จ้องมองอยู่

ร่างกายของโจ่วอันสั่นเทา เขาเลิกต่อสู้อย่างไร้ความหมายกับเสด็จอาเก้า แต่เขาก็ไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ไปทั้งแบบนี้ แววตาของโจ่วอันจับจ้องไปยังร่างของเฟิ่งชิงเฉิน ขมวดคิ้วและถามออกมาว่า “เสด็จอาเก้า นี่กำลังนำสองแสนแผ่นทองมามอบให้ข้าอย่างนั้นหรือ?”

สองแสนแผ่นทองนั้นหมายถึงเฟิ่งชิงเฉิน ซึ่งหมายถึงชีวิตของนาง

“เจ้ารับไหวอย่างนั้นหรือ” เสด็จอาเก้าเลิกคิ้วขึ้น แม้จะไม่ได้ปล่อยจิตสังหารออกมา แต่โจ่วอันรู้ดีว่าเสด็จอาเก้าไม่ชอบที่เขาพูดถึงเรื่องนี้

เอาล่ะ ไม่พูดก็ไม่พูด โจ่วอันยักไหล่ ปกติแล้วเขาก็ไม่ใช่คนพูดเก่ง เขาไม่จำเป็นต้องไปเปิดจุดของเสด็จอาเก้า โจ่วอันไม่สนใจเสด็จอาเก้า มาหาถึงที่ แน่นอนว่าต้องมีเรื่องให้ช่วย เขาไม่จำเป็นต้องลดตัวลงไปด้วยตนเอง

โจ่วอันยืนกอดอกพิงประตูด้วยท่าทางเกียจคร้าน มองมายังเสด็จอาเก้าอย่างนิ่งสงบ ต้องการดูว่าเสด็จอาเก้าจะพูดอะไรออกมา

ในโลกของโลกนักสังหารไม่มีใครเรียกชื่อของเฟิ่งชิงเฉิน พวกเขาต่างเรียกเฟิ่งชิงเฉินว่าสองแสนแผ่นทอง นี่มันทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นเต้น กระตือรือร้นจะฆ่าเมื่อได้พบ และคำถามที่พบบ่อยก็คือ “สองแสนแผ่นทองตายไปแล้วหรือยัง?” ไม่ก็ “สองแสนแผ่นทองอยู่ที่ไหน?”

ด้วยเหตุนี้สามารถเห็นได้ทันทีว่าสำหรับมือสังหารแล้ว เฟิ่งชิงเฉินน่าดึงดูดมากเพียงใด หากไม่มีเสด็จอาเก้าอยู่ด้วย เขาคงตัดคอของเฟิ่งชิงเฉินไปตั้งนานแล้ว

เสด็จอาเก้ารู้ดีว่าโจ่วอันเป็นคนอย่างไร ชีวิตนี้ของเขาเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับอาวุธ ของสิ่งอื่นเขาไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา ดังนั้นเสด็จอาเก้าจึงโยนปืนในมือให้โจ่วอันและกล่าวว่า “ข้าและเฟิ่งชิงเฉินขอพักอยู่กับเจ้าชั่วคราว”

“ได้ ไม่มีปัญหา ส่วนจะเป็นหรือตายนั้นไม่เกี่ยวกับข้า” โจ่วอันคว้าปืนไว้ ทำการศึกษาทันที เสด็จอาเก้าอุ้มเฟิ่งชิงเฉินเดินเข้าไปด้านใน เขาก็ไม่ได้ขวางเอาไว้ หรือพูดอีกอย่างก็คือเขาไม่ได้สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินรู้ถึงนิสัยของโจ่วอัน นางสงสัยเป็นอย่างมากว่าโจ่วอันมีชีวิตรอดมาได้อย่างไร สุดท้ายตอนนี้ถึงได้รู้ว่า โจ่วอันมีความสามารถที่รับรู้ถึงอันตรายโดยธรรมชาติ และมีความสามารถในการป้องกันตนเองของมือสังหารอยู่

เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินเข้ามาอาศัยอยู่ในที่พักของโจ่วอัน ทำให้เหล่าองครักษ์เสื้อแพรไม่พบเห็นร่องรอยของพวกเขามาเป็นเวลาหลายวัน

เนื่องจากใครก็ตามที่มีความสามารถต่างรู้ดีว่าเฟิ่งชิงเฉินมีมูลค่าสูงสุดในโลกของมือสังหาร ต่อให้พวกเขาตายก็คงคิดไม่ได้ว่า เสด็จอาเก้าพาเฟิ่งชิงเฉินซึ่งได้รับบาดเจ็บมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านของโจ่วอัน นี่ไม่ใช่แกว่งเท้าหาเสี้ยนอย่างนั้นหรือ แต่......

ช่วงนี้หลายคนทำตัวแปลกประหลาด เสด็จอาเก้ากล้าเข้ามาอาศัย โจ่วอันก็ไม่ลงมือสังหารเฟิ่งชิงเฉิน ปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินพักฟื้นอยู่ในบ้านของเขา นำยาและอาหารที่เขารวบรวมไว้เป็นอย่างดีกินเข้าไปเหมือนขนม

เอาเถอะ ในความเป็นจริงโจ่วอันผู้คลั่งไคล้ในอาวุธได้อยู่ในห้องทดลองของตนเองมาเป็นระยะเวลาห้าวันโดยไม่ออกมาด้านนอก เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้คลั่งไคล้ในอาวุธมากแค่ไหน เขาไม่ได้ถามเสด็จอาเก้าด้วยซ้ำว่าเสด็จอาเก้ามอบปืนกระบอกนี้ให้กับเขา หรือว่าให้เขายืมไปศึกษาเพียงเท่านั้น

ต้องบอกเลยว่าโจ่วอันใช้ชีวิตอยู่ในซีหลิงได้ไม่เลว เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินพักอยู่ในบ้านของเขามาเป็นเวลาห้าวัน องครักษ์เสื้อแพรถึงจะค้นพบร่องรอยบางอย่าง

โดยไม่คาดคิด เมื่อองครักษ์เสื้อแพรยืนยันข้อมูลว่าเป็นความจริง เตรียมพร้อมจะลงมือ รอยคล้ำใต้ดวงตา ตาแดง ผอมแห้ง แต่โจ่วอันกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเดินออกมาจากห้องวิจัยพร้อมกับชิ้นส่วนที่กระจัดกระจาย

โจ่วอันตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาอยากจะคุยกับเฟิ่งชิงเฉินซึ่งเป็นเจ้าของปืน สุดท้ายกลับพบว่าบ้านของตนเองถูกล้อมไปด้วยองครักษ์เสื้อแพร ใบหน้าของเขาเยือกเย็นขึ้นทันที ปล่อยจิตสังหารอันรุนแรงไปยังพวกขององครักษ์เสื้อแพร

จิตสังหารของโจ่วอันนั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก ผู้ที่เคยเห็นฉากอันน่ากลัวและผ่านการต่อสู้มามากมาย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับจิตสังหารของโจ่วอันกลับอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ฝืนก้าวไปด้านหน้า “คุณชายโจ่ว ข้าได้รับคำสั่งให้มาจับตัวผู้หลบหนี คุณชายโจ่วโปรดให้ความร่วมมือ”

อีกฝ่ายให้เกียรติมาก แต่โจ่วอันไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย “อย่ามาเรียกข้าว่าคุณชายโจ่ว อยากขอความร่วมมือก็ให้ไปขอกับแม่ของเจ้า อย่าเข้ามายุ่งในพื้นที่ของข้า”

เห็นได้ชัดว่าไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้ามา อย่างน้อยก่อนที่โจ่วอันจะรู้ถึงเหตุผลที่ชัดเจน เขาก็ไม่มีทางยอมปล่อยให้คนพวกนี้ทำร้ายเฟิ่งชิงเฉิน

“คุณ คุณชายโจ่ว เสด็จอาเก้าแห่งตงหลิงแอบเข้ามาในประเทศของเราด้วยเจตนาชั่วร้าย จักรพรรดิสั่งให้องครักษ์เสื้อแพรมากำจัดเขา คุณชายโจ่ว ข้ามาที่นี่เพราะคำสั่ง ขอคุณชายโจ่วโปรดอย่าทำให้พวกข้าต้องลำบากใจ” รองหัวหน้าของอีกฝ่ายกล่าวออกมา

คนอื่นไม่รู้แต่พวกเขาที่เป็นองครักษ์เสื้อแพรรู้ คุณชายโจ่วคือลูกชายขององค์หญิงจางกับอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย องค์หญิงจางมีลูกชายเพียงคนเดียว แม้จะไม่ยอมรับว่าเป็นลูกในไส้ของตนเอง แต่ก็รักและห่วงใยเป็นอย่างมาก ส่วนอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย ไม่ว่าเห็นแก่หน้าขององค์หญิงจาง หรือว่าเป็นเพราะรักลูกชายของเขา เขาไม่เคยทำให้โจ่วอันต้องเจ็บปวด

น่าเสียดาย ตั้งแต่ที่โจ่วอันบูชานักฆ่าเป็นอาจารย์ โดยพื้นฐานแล้วเขาต้องออกจากซีหลิง ตัดขาดกับซีหลิง เขาไม่ต้องการความช่วยเหลือจากซีหลิง ตรงกันข้าม มีแต่ซีหลิงต้องการความช่วยเหลือจากเขาเพื่อสังหารคนที่หมายหัว

โจ่วอันไม่มีแนวคิดเกี่ยวกับอำนาจของจักรวรรดิ และคำพูดของรองหัวหน้าทำให้ความอดทนของเขาใกล้จะหมดลง เขาพูดด้วยใบหน้าบูดบึ้งว่า “มันไม่ใช่เรื่องของข้า พวกเจ้าไสหัวไป ไม่ก็บุกเข้ามา”

หน้าเลือด! ใบหน้าที่ดูกังวลของโจ่วอันในตอนแรก ตอนนี้มันชัดเจนขึ้นมาก ใบหน้าขาวซีดราวกับศพ ร่างกายของเขาปล่อยรัศมีแห่งความกลัดกลุ้มใจออกมา มันช่างน่าสยองขวัญ

เสด็จอาเก้าไม่เห็นโจ่วอันอยู่ในสายตา เขาใช้ส้อมเสียบผลไม้ชิ้นหนึ่งป้อนเข้าไปในปากของเฟิ่งชิงเฉิน ขมวดคิ้วพร้อมพูดว่า “โจ่วอัน เจ้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ข้ายังไม่เคยพูดแม้แต่ครั้งเดียวว่าจะยกปืนกระบอกนี้ให้เจ้า แค่ให้เจ้าเก็บรักษาไว้ชั่วคราวเท่านั้น ตอนนี้ถึงเวลาคืนแล้วหรือเปล่า”

เสด็จอาเก้ายื่นฝ่ามือออกมาทางด้านหน้าของโจ่วอัน มันเหมือนกับการบังคับ

โจ่วอันรู้ดีว่าการโต้เถียงทางวาจากับเสด็จอาเก้า เขาจะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย รู้ว่าการโต้เถียงทางวาจากับ “เสด็จอาเก้า อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าสังหารพวกเจ้า”

โจ่วอันกัดฟันด้วยความโกรธ เขาไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายเช่นนี้ นี่เป็นตัวอย่างทั่วไปของการข้ามแม่น้ำและรื้อสะพาน แต่เขาคิดไม่ถึงว่าจะมาถูกเสด็จอาเก้าหลอกในวันนี้

สู้จนตัวตาย หากต้องการสังหารเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉิน มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับโจ่วอัน เรื่องนี้เสด็จอาเก้ารู้ดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลัวโจ่วอัน

เสด็จอาเก้าป้อนอาหารให้เฟิ่งชิงเฉินต่อไป พร้อมพูดกับโจ่วอันว่า “โจ่วอัน เจ้ารู้ถึงพลังทำลายของระเบิดเทียนเหล่ยหรือไม่”

“ระเบิดเทียนเหล่ย? เจ้าคิดจะทำอะไร” หัวใจของโจ่วอันสั่นสะท้าน เขารู้สึกได้ทันทีว่าเสด็จอาเก้ากำลังบีบคอเขา เขามองไปยังเสด็จอาเก้าด้วยความเกลียดชัง ตงหลิงจิ่ว เสด็จอาเก้า เป็นมือสังหารเฉกเช่นพวกเขา คุกคามผู้คน ซึ่งมันน่ารังเกียจเกินไป

“มันก็เป็นอย่างที่เจ้าคิด เจ้าสุดยอดมากก็จริง ข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้ แต่สิ่งที่เจ้ากำลังศึกษาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธหรือสถานที่ ทั้งหมดจะต้านความรุนแรงของระเบิดเทียนเหล่ยได้อย่างนั้นหรือ?”

นี่เป็นภัยคุกคาม ภัยคุกคามโดยสมบูรณ์ เสด็จอาเก้าใช้สิ่งที่โจ่วอันรักมากที่สุดในการข่มขู่เขา โจ่วอันสุดจะกลั้น ชักดาบออกมาและชี้ไปยังเสด็จอาเก้า “เจ้ากล้าอย่างนั้นหรือ!”

ชั่วพริบตา อุณหภูมิในห้องลดลงอย่างมาก เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินเชื่อ หากพวกเขากระตุ้นโจ่วอันไปมากกว่านี้ โจ่วอันจะต้องลงมือสังหารพวกเขาเป็นแน่

แต่เขาไม่มีทางปล่อยเปิดโอกาสให้โจ่วอัน เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจจิตสังหารของโจ่วอัน นางหยิบผ้าด้านข้างขึ้นมาเช็ดปาก

เสด็จอาเก้าโกรธจนหน้าดำ งั้นปล่อยให้นางรับบทเป็นคนดีแล้วกัน!

วันนี้พวกเขาจะต้องชักจูงโจ่วอันให้จงได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ