กรุบ......
รถม้าจอดอยู่ด้านนอกของศาลต้าหลี่ เหล่าประชาชนลุกขึ้นยืนด้วยตนเอง ทยอยถอยออกไปด้านหลัง ไม่กล้าเข้าใกล้รถม้าคันนั้นเนื่องจาก......
หลังจากรถม้าหยุดลงก็มีองครักษ์เสื้อโลหิตกลุ่มหนึ่งก้าวออกมา ปกป้องรถม้าคันนั้นไว้ คนที่ไม่รู้ยังคิดว่าผู้ที่อยู่ในรถม้าเป็นคนใหญ่คนโตมาจากที่ไหน
“เฟิ่งชิงเฉิน ข้าอยากรู้ว่าเจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกไหม” หัวหน้าฝ่ายคดีอาญาเชี่ยวพูดออกมาด้วยความภูมิใจ ใบหน้าที่ซีดขาวเหมือนคนตายกลับมามีชีวิตอีกครั้ง หันไปประสานมือให้หัวหน้าศาลต้าหลี่พร้อมกล่าวว่า “ใต้เท้า โปรดให้ข้าองครักษ์เสื้อโลหิตเบิกตัวพยานอีกครั้ง”
“อนุญาต” หัวหน้าศาลต้าหลี่ไม่กล้าหันไปมองเฟิ่งชิงเฉินและตี๋ตงหมิง โบกมืออนุญาตอย่างรวดเร็ว
คดีนี้ทำให้เหล่าผู้พิพากษาวุ่นวายเหลือเกิน สุดท้ายแล้วใครเป็นคนผิดกันแน่ เรื่องนี้ก็ยังไม่ชัดเจน หัวหน้าศาลต้าหลี่รู้สึกว่าหลังจากตนเองตัดสินคดีนี้จบ ผมของเขาคงร่วงไปมากกว่าครึ่งหัว
ได้รับการอนุญาตจากหัวหน้าศาลต้าหลี่ องครักษ์เสื้อโลหิตก้าวออกมาด้านหน้า เปิดม่านข้างรถม้าออก นำเปลออกมาจากด้านใน บนเปลมีร่างของคนผู้หนึ่งนอนอยู่ หน้าผากของคนผู้นั้นถูกพันไว้ด้วยผ้าสีขาว เลือดยังคงไหลซึมผ่านผ้าออกมา มีเพียงกอบตาเท่านั้นที่เปิดเผยออกมาให้เห็น
ตอนนี้ดวงตาของเขาปิดแน่น สังเกตไม่เห็นถึงความพิเศษแต่อย่างใด คางที่เปลือยเปล่า และรูปร่างของใบหน้ามีผ้าพันแผล แค่มองก็รู้สึกว่าเขาคล้ายกับซุนซือสิงเป็นอย่างมาก
“ใช่หมอเทวดาน้อยซุนจริง ๆ ทำไมเขาถึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้?”
“เขาคงถูกใครทำร้ายมา หมอเทวดาน้อยซุนน่าสงสารเหลือเกิน พวกองครักษ์เสื้อโลหิตช่างไร้มนุษยธรรม ทำไมถึงต้องลงมือรุนแรงเช่นนี้ด้วย”
เหล่าประชาชนไม่กล้าก้าวออกมาด้านหน้า พวกเขาลังเล เกรงกลัวต่อเหล่าองครักษ์เสื้อโลหิตที่ขวางทางอยู่ บางคนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้า หัวหน้าฝ่ายคดีอาญาเชี่ยวเห็นเช่นนั้นเขารู้สึกมีความสุขจากใจจริง ถึงขั้นหันไปมองเฟิ่งชิงเฉินด้วยแววตาที่เย้ยหยันในบางครั้ง
เฟิ่งชิงเฉินดูเฉยเมย ดวงตาคู่นั้นของนางจับจ้องตามการเคลื่อนไหวของเปล ในตอนที่เปลถูกวางลง เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้เห็น ถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา “เขาคือหมอเทวดาน้อยซุน? ทำไมเขาถึงได้กลายเป็นเช่นนี้? เป็นไปไม่ได้ ทำไมลูกศิษย์ของข้าถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ นี่ไม่ใช่ลูกศิษย์ของข้า”
คำพูดนี้ของเฟิ่งชิงเฉินดูเหมือนว่านางไม่อยากจะเชื่อ แม้จะเหมือนแต่ก็ไม่ยอมรับว่าคนผู้นี้คือซุนซือสิง ด้วยสภาพเช่นนี้ในสายตาขององครักษ์เสื้อโลหิตมันก็เหมือนกับการขาดความมั่นใจในตัวเอง
หัวหน้าฝ่ายสืบสวนแห่งองครักษ์เสื้อโลหิตไม่แม้แต่จะมองไปที่เฟิ่งชิงเฉิน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น ซุนซือสิงมาถึงแล้ว คราวนี้เฟิ่งชิงเฉินก็คงทำได้แค่รอความโชคร้าย กล้ามาต่อกรกับองครักษ์เสื้อโลหิต แบบนี้ไม่มีวันจบสวยแน่
หัวหน้าฝ่ายสืบสวนต้องการปิดคดีนี้ให้เร็วที่สุด เขาไม่สนใจเฟิ่งชิงเฉิน รีบเก็บสายตาของเขา ชี้ไปยังคนที่นอนอยู่บนเปลแล้วกล่าวออกมาต่อหน้าของหัวหน้าศาลต้าหลี่ว่า “ใต้เท้า คนผู้นี้ก็คือนักโทษหลบหนีซุนซือสิง เขาถูกพวกข้าจับได้ตรงหน้าประตูพร้อมกับสาวใช้และองครักษ์ของจวนเฟิ่ง พวกเขากำลังนำพาคนผู้นี้ออกมาไปนอกเมือง”
“ใต้เท้า นี่คือพยานหลักฐานทั้งหมด เมื่อคืนเฟิ่งชิงเฉินพาคนไปชิงตัวนักโทษที่เรือนจำองครักษ์เสื้อโลหิต วันนี้คิดจะพาตัวของเขาออกไปจากเมือง สุดท้ายบังเอิญไปถูกองครักษ์เสื้อโลหิตของพวกข้าเห็นเข้า ตอนแรกอยากจะจับเขากลับไปยังเรือนจำ แต่เมื่อได้ยินว่าแม่นางเฟิ่งมาฟ้องร้องถึงที่นี่ ใต้เท้าลู่จึงสั่งให้พวกข้าพาตัวคนผู้นี้มาส่งให้ท่านก่อน พิสูจน์ให้ใต้เท้าได้เห็นว่าองครักษ์เสื้อโลหิตของพวกเข้าเป็นฝ่ายบริสุทธิ์”
คนขององครักษ์เสื้อโลหิตใช่ว่าจะเป็นเหมือนหัวหน้าฝ่ายคดีอาญาเชี่ยวทุกคนที่เก่งจะเฉพาะการลงโทษ ไม่เก่งในเรื่องของคำพูด หัวหน้าฝ่ายสืบสวนผู้นี้เป็นหนึ่งในผู้ที่เก่งในเรื่องของการสื่อสารกับผู้อื่น
หัวหน้าฝ่ายคดีอาญาเชี่ยวรู้ถึงจุดอ่อนของตัวเองดี แม้จะบอกว่าหัวหน้าแต่ละคนจะไม่ถูกกัน แต่เมื่อองครักษ์เสื้อโลหิตของพวกเขาตกอยู่ในอันตราย พวกเขาก็ต้องรู้จักการร่วมมือ หัวหน้าฝ่ายคดีอาญาเชี่ยวจึงรีบถอยออกมา และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหัวหน้าหวัง
หัวหน้าหวังมีใบหน้าคล้ายรูปสี่เหลี่ยม คิ้วหนา ตาโต รูปร่างสูงใหญ่ มองแวบแรกก็สัมผัสได้ถึงคุณธรรม ประกอบกับคำพูดของเขา ที่มาพร้อมกับพยานบุคคล ทำให้ผู้คนหลงเชื่อในคำพูดของเขาอย่างง่ายดาย
ไม่ได้ดูดีเพียงแค่รูป แต่มีความสามารถด้วย
การเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยไม่สามารถรอดพ้นจากสายตาของเฟิ่งชิงเฉินไปได้ ตี๋ตงหมิงมองมาที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยสายตาเป็นห่วง มีคำตำหนิและความไม่พอใจในดวงตาของเขา
หากเฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถจัดการเรื่องของซุนซือสิงได้ ก็สามารถยกให้เป็นหน้าที่ของเขา เขามีวิธีการมากมายที่จะส่งซุนซือสิงออกไปนอกเมือง มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร ทำไมเฟิ่งชิงเฉินถึงปล่อยให้ซุนซือสิงตกไปอยู่ในมือขององครักษ์เสื้อโลหิต การโต้กลับทั้งหมดไร้ผล หลังจากนี้คงลำบาก
เฟิ่งชิงเฉินส่ายหน้าเล็กน้อย เพื่อบอกให้ตี๋ตงหมิงไม่ต้องกังวล นางมีแผนรับมืออยู่แล้ว การสื่อสารด้วยสายตาของทั้งสองเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น แต่ในตอนนั้นหัวหน้าศาลต้าหลี่ต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินออกมาชี้แจง
แม้ดูเหมือนหัวหน้าศาลต้าหลี่จะเป็นกลาง แต่ในความเป็นจริงเขาเอนเอียงไปทางฝั่งขององครักษ์เสื้อโลหิต องครักษ์เสื้อโลหิตนำพยานออกมา เขาเชื่อว่าเฟิ่งชิงเฉินมีความผิด เมื่อเห็นท่าทางที่ผิดปกติไปของเฟิ่งชิงเฉิน สำหรับเจ้าหน้าที่อย่างเขามันก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องไปปกป้อง
สิ่งที่หัวหน้าศาลต้าหลี่คิดก็คือ วันนี้เฟิ่งชิงเฉินกล้าฟ้องร้ององครักษ์เสื้อโลหิตและจวนซุ่นหนิงโหว วันหลังไม่แน่ว่าผู้ที่ถูกฟ้องร้องอาจกลายเป็นตัวเขาเอง มีประชาชนสนับสนุนถึงเพียงนี้ ไม่แน่ว่านางอาจจะได้เป็นคนของฝ่ายปกครอง แบบนั้นคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
น่าเสียดายที่ความคิดของหัวหน้าศาลต้าหลี่จะต้องพบกับความผิดหวัง เฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่คนที่จะยอมเสียเปรียบผู้อื่น เห็นท่าทางเอนเอียงของหัวหน้าศาลต้าหลี่ เฟิ่งชิงเฉินไม่พอใจเป็นอย่างมาก พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแย่
“ใต้เท้า เรื่องราวเมื่อสักครู่เป็นหลักฐานอย่างชัดเจนว่าข้าไม่มีเวลาเพียงพอที่จะก่ออาชญากรรมครั้งนี้ จะปล่อยให้องครักษ์เสื้อโลหิตหาเหตุผลต่างๆนานา มากล่าวหาว่าข้าก่ออาชญากรรมไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...