นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 804

ผิด?

หากคนที่นอนอยู่บนเปลเป็นเพียงผู้ป่วยทั่วไปหรือคนธรรมดา แน่นอนเฟิ่งชิงเฉินไม่มีความผิด และฝ่ายที่ผิดก็คือองครักษ์เสื้อโลหิตอย่างพวกเขา

แต่ว่ามันจะเป็นผู้ป่วยธรรมดาทั่วไปได้อย่างไร เห็นกันอยู่ว่าเขาคือซุนซือสิง คนที่ถูกเฟิ่งชิงเฉินลักพาตัวไป หากคนบนเปลไม่ใช่ซุนซือสิง แล้วแบบนั้นเขาจะไปอยู่ที่ไหน?

หัวหน้าหวังหันมามองคนที่นอนอยู่บนเปลอีกครั้ง ครั้งนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่มีความมั่นใจ หรี่ตาลง จ้องเขม็งไปที่เฟิ่งชิงเฉิน พยายามอ่านบางอย่างจากใบหน้าของนาง

ไม่ว่าจะเป็นความกังวลหรือความละอายใจมันไม่มีอยู่บนใบหน้าของนางเลย เฟิ่งชิงเฉินดูสงบเป็นอย่างมาก นางไม่สนใจคนที่พวกเขาพามา

หรือว่าคนที่อยู่บนเปลจะไม่ใช่ซุนซือสิงจริงๆ?

เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ หัวหน้าหวังรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งร่างกาย สถานการณ์ในตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยต่อองครักษ์เสื้อโลหิต ไม่ว่าคนบนเปลจะเป็นใคร เขาก็ทำได้แค่กัดฟันและพูดออกไปว่าคนผู้นั้นคือซุนซือสิง

หัวหน้าหวังมองมาที่เฟิ่งชิงเฉิน พูดออกมาด้วยใบหน้าอันแน่วแน่ “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าหยุดแก้ตัวได้แล้ว ผู้ป่วยคนนี้เป็นใคร ก็เห็นกันชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาคือนักโทษหลบหนีซุนซือสิง”

ยังคงเป็นคำพูดเดิม องครักษ์เสื้อโลหิตจะยอมแพ้ไม่ได้ เช่นเดียวกัน ไม่ว่าอย่างไรเฟิ่งชิงเฉินก็ต้องทำให้องครักษ์เสื้อโลหิตพ่ายแพ้ให้จงได้ แม้ว่าผู้นำขององครักษ์เสื้อโลหิตจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนาง แต่มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนการตัดสินใจของนางได้

“ซุนซือสิง? ใต้เท้า เจ้าแน่ใจหรือว่าคนผู้นี้คือซุนซือสิง? ข้าไม่เห็นเขามาสามวันแล้ว หากคนผู้นี้คือซุนซือสิง และมาจากจวนเฟิ่งของข้า งั้นทำไมข้าถึงต้องยอมเปลืองแรงมาฟ้องร้องถึงศาลต้าหลี่ด้วยตนเองเช่นนี้ ใต้เท้า เจ้ากำลังพยายามชี้นกให้เป็นนก ชี้ไม้ให้เป็นไม้ บีบบังคับให้ข้ายอมรับว่านี่คือซุนซือสิง แล้วตั้งข้อหาว่าข้าเป็นผู้ลักพาตัวผู้ต้องสงสัยใช่หรือไม่?”

ตั้งแต่แรก เฟิ่งชิงเฉินได้หาคนที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับซุนซือสิงมาคนหนึ่ง ทั้งหมดก็เพื่อจัดการกับองครักษ์เสื้อโลหิต ให้พวกเขาถอดผ้าพันแผลออก และพบว่าตนเองจับตัวคนผิดมา หลังจากนั้นทำให้พวกเขารู้สึกรำคาญและละอายใจ แต่ไม่ได้คิดว่า......

สุนัขกลุ่มนี้จะยอมเสียแรง พาตัวคนผู้นี้เข้ามาในห้องพิจารณาคดีโดยไม่ตรวจสอบ มันช่างน่าละอายใจเหลือเกิน

ใช่ นำตัวคนผู้นี้เข้ามายังห้องพิจารณาคดี แบบนี้ตอนที่นางถอดผ้าพันแผลออก ผลลัพธ์ของมันก็จะดีกว่าเดิมหลายเท่า เนื่องจากก่อนหน้านี้คนพวกนี้รับประกันเป็นอย่างดีว่าผู้ซึ่งนอนอยู่บนเปลคือซุนซือสิง แต่แท้จริงแล้วพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร แต่กลับพาตัวมาเพื่อจัดการกับนาง มันสมควรแล้วที่องครักษ์เสื้อโลหิตต้องพบกับความโชคร้ายครั้งนี้

ได้ยินคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน หัวหน้าหวังก็มั่นใจขึ้นมาทันทีว่า คนผู้นี้ไม่ใช่ซุนซือสิง ร่างกายของเขาด้านชา “เจ้าพูดอะไรของเจ้า? คนผู้นี้ไม่ใช่ซุนซือสิงอย่างนั้นหรือ?”

ในที่สุดหัวหน้าหวังก็เข้าใจว่าทำไมเฟิ่งชิงเฉินถึงปราศจากซึ่งความกลัว ครั้งนี้เป็นความขายหน้าขององครักษ์เสื้อโลหิตอย่างพวกเขา ใบหน้าที่ดูเย่อหยิ่งและภาคภูมิใจของพวกเขา กลายเป็นใบหน้าซีดขาวของคนตายในชั่วพริบตา

เฟิ่งชิงเฉินพอใจกับการเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก พูดออกอย่างเยือกเย็น “แน่นอนว่าไม่ใช่ เขาเป็นแค่คนไข้ธรรมดาคนหนึ่งของจวนเฟิ่ง ก่อนหน้านี้ได้รับการรักษาจากหมอเทวดาน้อยซุนมาโดยตลอด แต่เนื่องจากหมอเทวดาน้อยซุนไม่ได้กลับมาเป็นเวลาสามวัน ข้าเองก็ไม่มีใจที่จะรักษาเขา จึงนำตัวเขาส่งไปยังหุบเขาซวนยี เพื่อเชิญให้ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเป็นผู้รักษา ใต้เท้าเองก็น่าจะเข้าใจ จวนเฟิ่งของข้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับหุบเขาซวนยี เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเล็ก ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีไม่มีทางตำหนิข้า”

สำหรับเรื่องนี้ เฟิ่งชิงเฉินต้องการให้มีผู้เกี่ยวข้องน้อยที่สุด คนแรกคือเสด็จอาเก้า อีกคนคือปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี และสองคนนี้ ทั้งคู่ก็เป็นคนที่องครักษ์เสื้อโลหิตไม่สามารถแตะต้องได้ ต่อให้พวกเขามีใจก็ไม่สามารถหาคนที่มาสู้กับสองคนนี้ได้ และเมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา การที่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเข้ามาในเมืองหลวงครั้งนี้ก็ถือว่ามีเหตุผล

เฟิ่งชิงเฉินไม่เคยทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์ ให้คนปลอมตัวเป็นซุนซือสิงเพื่อดึงดูดความสนใจขององครักษ์เสื้อโลหิต แน่นอนว่ามันต้องมีประโยชน์

เห็นเหล่าองครักษ์เสื้อโลหิตเต็มไปด้วยความกังวล เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้พูดอะไรมาก หันไปพูดกับทงจือว่า “ไป ไปนำผ้าพันแผลบนใบหน้าของเขาออก ให้ใต้เท้าได้เห็นอย่างชัดเจน เขาจะได้ไม่มากล่าวหาว่าข้าเป็นผู้กระทำผิดอีก”

“เจ้าคะ คุณหนู” ทงจือยังอยู่ในสภาพเศร้าหมอง แต่หากนำผมหน้าม้าของนางออกก็สามารถเห็นรอยยิ้มที่ถูกซ่อนอยู่ได้อย่างชัดเจน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ