นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 809

เจ้าหน้าที่ของจวนซุ่นหนิงโหวเก็บตัวอยู่ในห้องหนังสือตลอดวันเพื่อค้นหาความหมายในการกระทำของเฟิ่งชิงเฉิน แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินทำดีกับพวกเขาแบบนี้เพื่ออะไร เฟิ่งชิงเฉินหลีกทางให้เพียงคนเดียวก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่นางบอกให้ตี๋ตงหมิงหลีกทางด้วย มันกำลังแสดงถึงความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อจวนซุ่นหนิงโหวหรือเปล่า

“ไม่มีเหตุผล จากความเห็นของข้า เฟิ่งชิงเฉินทำลงไปโดยไม่มีเหตุผล ไม่อย่างนั้นเฟิ่งชิงเฉินคงไม่มีทางสั่งให้ตี๋ตงหมิงหลีกทาง ในมือของเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าซุนซือสิงเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ตั้งแต่แรก นางทำดีต่อพวกเราก็เพื่อหวังให้พวกเราอะลุ่มอล่วยให้กับซุนซือสิงบ้าง”

หลังจากได้ยินคำกล่าวของเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง คนอื่นก็แสดงความคิดที่คล้ายกันออกมา แม้แต่ตัวซุ่นหนิงโหวเองก็คิดเช่นนั้น หากไม่ใช่ว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่มีหลักฐานหรือไม่มีเหตุผลอยู่ตั้งแต่แรก ว่าซุนซือสิงเป็นผู้บริสุทธิ์ แบบนั้นทำไมนางถึงสั่งให้ตี๋ตงหมิงหลักทางให้กับจวนซุ่นหนิงโหว

ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้จวนซุ่นหนิงโหวตกอยู่ในความตื่นตระหนก แม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้จะเหนือความคาดหมายของพวกเขา แต่ในมือของเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่มีหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าซุนซือสิงเป็นผู้บริสุทธิ์ นี่เป็นข้อบกพร่องอันยิ่งใหญ่ในตอนนั้น ด้วยสถานการณ์ที่วุ่นวาย ทำให้พวกเขาไม่สามารถไตร่ตรองได้อย่างเต็มที่ นอกจากจะยัดเยียดความเป็นโจรให้กับซุนซือสิง พวกเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะยัดเยียดมันให้กับใคร

เรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเขาทำได้แค่ยกการตายของคุณหนูลิ่วให้เป็นความผิดของซุนซือสิง แค่บอกว่าพวกเขาไม่รู้ว่าวิธีการของซุนซือสิงก็พอแล้ว แบบนี้ไม่ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะพูดอย่างไร คำพูดของพวกเขาก็ไม่มีทางเปลี่ยนไป เนื่องจากจะปล่อยให้เกิดเรื่องอื้อฉาวในจวนซุ่นหนิงโหวไม่ได้

ส่วนซุนซือสิงข่มขืนคุณหนูลิ่วอย่างไร เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวอะไรกับจวนซุ่นหนิงโหว เรื่องนี้ต้องไปถามตัวของซุนซือสิงเอง ไปตามหาตัวของซุนซือสิงให้พบ จากนั้นก็ไปถามเขาเอง......

หากหาซุนซือสิงไม่พบ คดีนี้ก็ไม่มีทางมีข้อตัดสิน พวกเขาก็แค่ยกเรื่องทั้งหมดให้เป็นความผิดของซุนซือสิงและถีบมันลงน้ำไปก็พอ

ในตอนที่จวนซุ่นหนิงโหวกำลังพูดคุยกันถึงวิธีจัดการกับเฟิ่งชิงเฉิน ตี๋ตงหมิงเองก็ถามเฟิ่งชิงเฉินถึงเรื่องราวซึ่งเกิดขึ้นในวันนี้ ก็เห็นอยู่ว่ากำลังได้เปรียบ แล้วทำไมถึงไม่ยอมจัดการจวนซุ่นหนิงโหวให้ตายภายในหมัดเดียว

“มันง่ายขนาดนั้นเสียที่ไหน ทางจวนซุ่นหนิงโหวเองก็เป็นพวกมีรากฐาน อีกอย่าง แม้เหตุผลที่ข้าพูดออกไปในวันนี้จะสมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าคุณหนูลิ่วเสียชีวิตไปได้อย่างไร ข้าคิดว่าคุณหนูลิ่วไม่ได้บริสุทธิ์ ครั้งนี้ซุนซือสิงช่างโชคร้ายเหลือเกิน ตอนนี้นอกจากจะหาผู้ร้ายตัวจริงให้พบ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่สามารถล้างมลทินให้กับซุนซือสิงได้ อาศัยแค่การวิเคราะห์สถานการณ์จากช่วงเวลาเพียงอย่างเดียวมันยังไม่เพียงพอ” เฟิ่งชิงเฉินเชื่อในตัวของตี๋ตงหมิง เรื่องจะชันสูตรศพนางยังไม่ได้พูดออกมา ด้วยความคิดของตี๋ตงหมิง นางต้องการเปิดโลงศพของผู้เสียชีวิตเพื่อตรวจสอบ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น

เฟิ่งชิงเฉินไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป นางชี้ไปยังสมุดรายชื่อในมือขององครักษ์ด้านหลัง ถามออกมาว่า “หมิงซื่อจื่อ เจ้าเก่งกาจเหลือเกิน เจ้าทำสมุดเล่มนี้ขึ้นมาได้อย่างไร?”

สมุดนี้เป็นของจริง แต่รายชื่อของทหารผู้เฝ้าประตูของเมื่อคืนวานนั้นเป็นของปลอม แต่เฟิ่งชิงเฉินไม่เข้าใจว่าตี๋ตงหมิงเช่นนั้นได้อย่างไร ด้วยคนนิสัยสะเพร่าอย่างเขาจะเตรียมของแบบนี้มาได้อย่างไร

ฮ่าฮ่าฮ่า......

เมื่อพูดถึงเรื่องของสมุดรายชื่อ ตี๋ตงหมิงก็หัวเราะขึ้นมาทันที นี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาภูมิใจ ตี๋ตงหมิงลืมเรื่องที่อยากถามเฟิ่งชิงเฉินไปในทันที ก้มศีรษะลงกระซิบข้างหูของเฟิ่งชิงเฉินว่า “เจ้าอยากรู้งั้นหรือ?”

ไม่อยาก!

แต่หากนางพูดออกไปว่าไม่ คิดว่าตี๋ตงหมิงคงต้องจุกอกตาย ดังนั้น......

เฟิ่งชิงเฉินจึงทำได้เพียงจำใจพยักหน้า “ใช่”

“ให้ตายข้าก็ไม่บอกเจ้าหรอก” ตี๋ตงหมิงพูดอย่างภาคภูมิ เชิดหน้าด้วยความเย่อหยิ่ง เดินไปด้วยฝีเท้าอันแผ่วเบา ร้องเพิ่งออกมา ดูเหมือนกับคุณชายเสเพลคนหนึ่ง

เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะจนน้ำตาแทบเล็ดออกมา แต่เมื่อคิดถึงเรื่องในวันนี้ หากไม่ได้การช่วยเหลือจากตี๋ตงหมิง ไม่แน่ว่านางอาจจะตกอยู่ในเงื้อมมือขององครักษ์เสื้อโลหิต ระงับความครื้นเครงในหัวใจ ยิ้มให้กับตี๋ตงหมิงพร้อมกล่าวว่า “ซื่อจื่อผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าทำได้อย่างไร? รีบบอกข้าเร็ว”

“ไม่บอก ยังไงข้าก็ไม่บอก นอกจากเจ้าจะขอร้องข้า” ตี๋ตงหมิงยังคงอวดเก่ง ราวกับเขาเป็นผู้รอบรู้ ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าเขาจะว่างท่าทางอวดดีแค่ไหน

“ซื่อจื่อผู้ยิ่งใหญ่ ข้าขอร้อง รีบบอกข้าเร็ว ข้าอยากรู้จะตายอยู่แล้ว” เฟิ่งชิงเฉินให้ความร่วมมือ ทำทุกอย่างให้ตี๋ตงหมิงพอใจ

เห็นทั้งสองคนที่อยู่ด้านหน้า คนหนึ่งภาคภูมิใจ ส่วนอีกคนก็ดูครื้นเครง องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังทั้งสี่รู้สึกหนักใจ พวกเขาแอบยิ้มในใจและคิดว่าควรนำเรื่องนี้ไปบอกท่านอ๋องดีหรือไม่

บนโลกใบนี้คนที่สามารถสยบซื่อจื่อของพวกเขาได้ นอกจากหวังจิ่นหลิงแล้วก็ยังมีเฟิ่งชิงเฉินอีกคน แม้ว่าวิธีการของพวกเขาทั้งสองจะต่างกัน แต่มันก็ได้ผลทั้งคู่

ท่าทางของตี๋ตงหมิงเหมือนกับผู้ได้รับชัยชนะ เขากระแอมในลำคอและกล่าวออกมาว่า “ก็ได้ ในเมื่อเจ้าอยากรู้ขนาดนี้ ข้าก็จะบอกเจ้าเพื่อเอาบุญ สมุดพวกนี้หลังจากบันทึกเรียบร้อยแล้วจะทำการคัดใหม่อีกครั้ง และสมุดที่ขัดใหม่นั้นจะปล่อยให้มีความผิดพลาดไม่ได้ หากผิดขึ้นมา สมุดนั้นก็ถือว่าไร้ประโยชน์ทันที ข้าก็แค่นำสมุดที่ถูกทิ้งเพราะความผิดพลาดจากไม่กี่เดือนที่แล้วมาสองสามเล่ม นำเนื้อหาข้อมูลที่เขียนอยู่ออก จากนั้นค่อยนำสิ่งที่ต้องการเข้ามาแทนที่”

การปลอมแปลงนั้นง่ายมาก สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีฝีมือที่ดี ทำให้คนอื่นตรวจสอบไม่พบ นี่มันคล้ายทักษะของการเกะสลักไม้

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” สิ่งต่าง ๆ บนโลกใบนี้อาจจะดูลึกลับ แต่เมื่อเข้าใจวิธีการและความหมายของมันแล้วมันก็เหมือนไม่มีอะไร หลังจากพูดจบตี๋ตงหมิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เฟิ่งชิงเฉินจึงกล่าวชื่นชมออกไปอย่างจริงใจ “คิดไม่ถึงเลยว่าลูกน้องของซื่อจื่อจะมีฝีมือถึงขนาดนี้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมซื่อจื่อถึงได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า?”

เฟิ่งชิงเฉินก็แค่ถามออกไปโดยไม่คิดอะไร แต่ใครจะไปคิดว่าคำถามนี้จะทำให้ตี๋ตงหมิงผู้หยิ่งผยองถึงกับอ้าปากค้างในทันที “ไม่ใช่ข้า เป็นจิ่นหลิง จิ่นหลิงบอกว่าทหารยามเฝ้าประตูเมืองในคืนเมื่อวาน และคนของพระราชวังได้เห็นเจ้ากับเสด็จอาเก้า องครักษ์เสื้อโลหิตหาตัวคนของพระราชวังไม่พบ แต่สามารถหาตัวทหารยามได้โดยง่าย ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงให้ข้าเตรียมสมุดรายชื่อนี้ไว้”

ตี๋ตงหมิงพูดจบก็ไม่ลืมหันมามองเฟิ่งชิงเฉินด้วยความโศกเศร้า ผู้หญิงที่เขารังเกียจ ทำไมถึงปล่อยให้เขาดีใจมากกว่านี้อีกหน่อยไม่ได้

“ที่แท้ก็เป็นเพราะจิ่นหลิง ข้าก็เคยบอกไปแล้วว่าซื่อจื่อคือแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ เกิดมาเพื่อนำทัพออกรบ กับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะไปเก็บมาใส่ใจได้อย่างไร” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวชื่นชมตี๋ตงหมิง ตี๋ตงหมิงจึงพูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจอีกว่า “มันก็จริง คนอย่างข้าทำแค่เรื่องที่ยิ่งใหญ่ เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ข้าจะไปสนใจทำไม”

หลังจากนั้นไม่จำเป็นต้องให้เฟิ่งชิงเฉินส่งเสริม ตี๋ตงหมิงโอ้อวดและชื่นชมตนเองไปต่าง ๆ นานา คิดว่าตนเองดีเลิศ เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่คิดจะเข้าไปขัดขวาง นางเงียบและฟัง รอให้ตี๋ตงหมิงพูดจบนางถึงกล่าวออกมาว่า “ใช่แล้ว ข้าได้ยินมาว่าจิ่นหลิงจะแต่งงาน ไม่รู้ว่าแต่งงานแม่นางผู้ใด และจะแต่งกันเมื่อใด?”

“แต่งงาน? แต่งงานอะไร? จิ่นหลิงจะแต่งงาน ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร?” ตี๋ตงหมิงตกใจ เขาหยุดชะงักในทันที โชคดีที่มีองครักษ์อยู่ด้านหลัง ไม่อย่างนั้นเขาคงหงายท้องไปแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินสับสน สงสัยมากกว่าตี๋ตงหมิงเสียอีก “หือ? ตระกูลหวังเตรียมคู่แต่งงานให้เขาแล้วไม่ใช่หรือ เห็นบอกว่าต้องการให้เขาแต่งงานโดยเร็ว?”

เป็นไปได้ไหมว่าข้อมูลของเสด็จอาเก้าจะผิดพลาด?

“อ๋อ เจ้าพูดถึงเรื่องนี้เอง” ตี๋ตงหมิงนึกขึ้นได้ในทันที “ครึ่งเดือนที่แล้วมีเรื่องแบบนี้อยู่จริง แต่จิ่นหลิงปฏิเสธไปแล้ว โดยให้เหตุผลว่าผู้หญิงของผู้นำตระกูลหวังไม่ใช่ว่าจะหามาจากที่ไหนก็ได้ ภรรยาของเขาไม่ใช่แค่ผู้หญิงในตำหนักหลัง แต่ยังเป็นนายหญิงของตระกูลหวังด้วย จึงจำเป็นต้องเลือกอย่างละเอียดถี่ถ้วน ภรรยาของเขาจำเป็นต้องเหมาะสมกับเขา เขาไม่มีทางแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่เหมาะสมที่เป็นนายหญิงแห่งตระกูลหวัง

แม้ว่าคำพูดนี้จะดูรุนแรงไปหน่อย และทำให้ผู้หญิงถึงเก้าสิบเก้าคนต้องขุ่นเคือง แต่ทุกอย่างของตระกูลหวังนั้นขึ้นอยู่กับจิ่นหลิง ประกอบกับคำพูดของจิ่นหลิงเองก็มีเหตุผล ดังนั้นเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลหวังจึงไม่สามารถบังคับจิ่นหลิงได้ อีกอย่างอายุของจิ่นหลิงตอนนี้ก็ไม่ได้มากมายอะไร รออีกสามปีค่อยแต่งงานมันก็ยังไม่สาย นายหญิงแห่งตระกูลหวังนั้นไม่ธรรมดา จะแต่งงานทั้งทีเขาต้องละเอียดรอบคอบ ไม่อย่างนั้นการแต่งงานอาจทำให้ชีวิตของเขาพังทลาย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ