ตี๋ตงหมิงนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่เขาแต่งงานกับภรรยา มันทำให้เขาเข้าใจว่าภรรยานั้นสำคัญกับผู้ชายมากแค่ไหน การแต่งงานกับคนที่ไม่ถูกใจและไม่ดีพอมันไม่เพียงแค่อยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุข แต่มันยังถ่วงแข้งถ่วงขาของตนเองอีกด้วย
ครั้งที่แล้วเขากลับบ้านไปบอกกับคุณปู่ว่าต้องการมีภรรยาและลูกให้เร็วที่สุด ปู่จึงสั่งให้ผู้หญิงทั้งเมืองเข้าแถวเรียงรายมาให้เขาเลือก ผ่านประสบการณ์มาแล้วครั้งหนึ่ง เขาได้เรียนรู้จากมันเป็นอย่างดี ด้วยความเกรงว่าผู้หญิงเหล่านั้นจะไม่จริงใจจึงได้ส่งให้คนไปแอบตรวจสอบดู สุดท้ายไม่ทันตรวจสอบอย่างใกล้ชิด แค่ไปเห็นก็ตกใจแทบแย่
ผู้หญิงซึ่งดูเป็นผู้ดีและมีคุณธรรมเหล่านั้น เมื่ออยู่ภายนอกหรือในบ้านของพวกนางเอง แต่ละคนล้วนอ่อนแอ ทำอะไรไม่เป็น ไม่มีความอดทน แค่เปลี่ยนเสื้อผ้ายังต้องใช้คนเป็นสิบคน ไม่ทันทำอะไรก็น้ำตาร่วง เขาทนดูไม่ได้อีกต่อไป จึงข่มใจเรื่องภรรยาเอาไว้ก่อน
ดังนั้นเขาจึงเข้าใจในตัวของจิ่นหลิง อีกอย่างไม่ว่าใครก็รู้ว่าในใจของจิ่นหลิงก็มีเฟิ่งชิงเฉินอยู่ ก่อนที่เฟิ่งชิงเฉินจะแต่งงาน แน่นอนว่าจิ่นหลิงไม่มีทางแต่งงานไปก่อน
แต่น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของตี๋ตงหมิง นางคิดแค่ว่าหวังจิ่นหลิงไม่ยอมรับผู้หญิงที่ตระกูลของเขาจัดหามาให้ จึงกล่าวออกไปด้วยความสนใจว่า “ผู้หญิงที่คู่ควรกับจิ่นหลิง? บนโลกนี้จะไปหาผู้หญิงที่คู่ควรกับจิ่นหลิงได้จากที่ไหน จิ่นหลิงคิดจะอยู่คนเดียวไปจนตายเลยอย่างนั้นหรือ?”
แต่นางไม่รู้ว่าต่อให้บนใต้หล้ามีผู้หญิงที่งดงามและเพียบพร้อมมากแค่ไหน มันก็ไม่สามารถทำให้เฟิ่งชิงเฉินพอใจได้ ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ทำให้เขาพอใจ ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยคิดจะแต่งงานกับเขาเลยสักครั้ง......
ในฐานะเพื่อนสนิทของหวังจิ่นหลิง ตี๋ตงหมิงรู้ดีว่าในใจของหวังจิ่นหลิงนั้นคิดอะไรอยู่ ได้ยินเฟิ่งชิงเฉินพูดออกมาเช่นนี้ เขาก็พูดออกไปอย่างหน้าด้านว่า “ข้าคิดว่าชิงเฉิน เจ้าเหมาะสมกับเขา มีเจ้าเป็นนายหญิงของตระกูลหวัง จิ่นหลิงจะต้องพอใจเป็นอย่างมาก”
“ข้า? ข้าไม่มีทาง ตระกูลหวังไม่มีทางยอมรับผู้หญิงที่แปดเปื้อนไปทั้งตัวอย่างข้าได้” เพราะความสูงส่งและด้วยเหตุผลต่าง ๆ ดังนั้นเฟิ่งชิงเฉินจึงไม่เคยนึกถึงความรู้สึกและความห่วงใยที่เฟิ่งชิงเฉินมีต่อนาง
จิ่นหลิงเป็นนักปราชญ์ ด้วยชื่อเสียงของนางไม่เหมาะแม้แต่เป็นคนรับใช้ของเฟิ่งชิงเฉินด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่ภรรยาเลย นอกจากตระกูลหวังจะล่มสลาย ไม่เช่นนั้นเฟิ่งชิงเฉินก็คงไม่สามารถแต่งงานกับนางได้
“นี่......เจ้าอย่าดูถูกตัวเอง นอกจากสถานะไม่ได้ ชื่อเสียงไม่ดี หน้าตาไม่ดี ฝีมือไม่ได้เรื่อง ที่เหลือเจ้าก็ดีหมด”
ตี๋ตงหมิงไม่เข้าใจการปลอบโยนผู้อื่น คำพูดนี้ของเขาก็เหมือนกับการโจมตี เฟิ่งชิงเฉินยิ้มโดยไม่ใส่ใจ ชี้ไปทิศตรงข้ามกับจวนเฟิ่งและถามออกมาว่า “ซื่อจื่อ ข้าต้องการไปจวนอ๋องเก้า ไปส่งข้าหน่อยได้หรือเปล่า?”
ตอนนี้นางกำลังตกอยู่ในอันตราย นางเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นองครักษ์เสื้อโลหิตหรือจวนซุ่นหนิงโหว ในตอนนี้พวกเขาล้วนแต่ต้องการกำจัดนางกันทั้งนั้น หากสามารถกำจัดนางได้ โลกนี้จะสงบสุขในทันที ผ่านไปครึ่งเดือนก็จะไม่มีใครจำการหายตัวไปของซุนซือสิงได้ มีแค่เฟิ่งชิงเฉินผู้นี้คนเดียวเท่านั้น
“ไปจวนอ๋องเก้า? เจ้ากับเสด็จอาเก้า?” คงไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วหรอกนะ?
ตี๋ตงหมิงมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยใบหน้าอันยุ่งเหยิง แบบนี้ไม่เท่ากับว่าจิ่นหลิงหมดโอกาสแล้วงั้นหรือ?
“ใช่ ดังนั้นไปส่งข้าที่จวนอ๋องเก้า” เฟิ่งชิงเฉินตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว ไม่คิดจะอธิบายเลยแม้แต่น้อย
อ่า......กลับจวนอ๋องเก้า? นี่เฟิ่งชิงเฉินเห็นจวนอ๋องเก้าเป็นบ้านของตนเองแล้วงั้นหรือ?
ตอนนี้หัวใจของตี๋ตงหมิงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถูกเฟิ่งชิงเฉินกระชากออกไป ความคิดของเขาเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง คิดถึงการกระทำทั้งหมดในช่วงเวลาที่ผ่านมาของจิ่นหลิง ทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่เข้าใจจิ่นหลิงเลยแม้แต่น้อย
เฟิ่งชิงเฉินย้ายมาอยู่กับเสด็จอาเก้าแล้ว ทำไมจิ่นหลิงยังไม่ยอมแพ้? ทำไมต้องทรมานตัวเองเหมือนตายทั้งเป็น ไม่ยอมแต่งงานและทนทุกข์ทรมานอยู่แบบนี้
ทำไมถึงต้องทำเรื่องที่ไม่คุ้มค่าเช่นนี้?
หวังจิ่นหลิงยิ้มอย่างขมขื่น เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตนเองต้องมาทำอะไรที่ไม่คุ้มค่าแบบนี้ด้วย เขาแค่รู้ว่าหากเขายังไม่แต่งงาน เขาก็ยังพอมีโอกาส แต่หากเขาแต่งงานไปแล้ว เขาจะไม่เหลือโอกาสเลยแม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าทำไม แต่เขาก็ยังอยากทำเช่นนี้ต่อไป นี่คือข้อเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา เหมือนกับในตอนที่เขาตาบอด ทั้งตระกูลหวังยอมแพ้และทอดทิ้งเขา แต่เขายังไม่ยอมแพ้ ความดื้อรั้นคือของเขาเป็นเหมือนความภาคภูมิใจของเขา แม้ว่าเขาจะผิด เขาก็ยังยืนยัน เพราะเขาคือหวังจิ่นหลิง
แค๊ก แค๊ก......หวังจิ่นหลิงรับยาที่คนรับใช้ส่งมาให้ ดื่มมันหมดในคราเดียว จานนั้นก็ยื่นถ้วยเปล่ากลับไป “ทั้งหมดออกไป”
ราวกับร่างกายมีไอเย็นปกคลุมอยู่ ปราศจากความอ่อนโยนและความอดทนเหมือนก่อนหน้านี้ คนรับใช้ไม่กล้าแม้แต่จะหายไป รีบพากันเดินออกไปทันที
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น การถูกคนในครอบครัววางยา จะทนกับความเจ็บปวดนั้นได้หรือไม่ อย่างที่รู้กัน คุณชายของพวกเขาช่างน่าสงสารเหลือเกิน
เหล่าคนใช้ทยอยเดินออกไป ทิ้งหวังจิ่นหลิงไว้ในห้องเพียงลำพัง
ตี๋ตงหมิงทำหน้าที่องครักษ์ของตนเองอย่างสุดความสามารถ พาเฟิ่งชิงเฉินมาส่งยังจวนอ๋องเก้า ยังไม่ทันถึงหน้าประตู ประตูของจวนอ๋องเก้าก็ถูกเปิดออก
พ่อบ้านที่คุ้นเคยเดินออกมา ไม่มีท่าทางของความชราเลยแม้แต่น้อย เดินออกมาโดยไม่สมวัย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทำความเคารพเฟิ่งชิงเฉินอย่างอ่อนน้อม จากนั้นยืนรอเฟิ่งชิงเฉินอยู่ด้านข้าง หลังจากเฟิ่งชิงเฉินกล่าวขอบคุณตี๋ตงหมิงเป็นอันเรียบร้อย นางก็เดินเข้าไปในจวน
แน่นอนว่าพ่อบ้านก็ไม่ได้ลืมตี๋ตงหมิง หลังจากเฟิ่งชิงเฉินเดินเข้าไปในจวน พ่อบ้านก็หันมาทำความเคารพตี๋ตงหมิง “ซื่อจื่อ ขอบคุณที่ท่านมาส่งแม่นางเฟิ่ง วันหน้าข้าจะต้องไปส่งและขอบคุณท่านให้ได้ วันนี้ข้าขอตัวก่อน เดินทางปลอดภัย”
พูดจบเขาก็หันหลังและเดินตามเฟิ่งชิงเฉินเข้าไป ระหว่างเดินเขาถามออกมาไม่ยอมหยุดว่าเฟิ่งชิงเฉินหิวหรือไม่ หนาวหรือเปล่า ทุกการกระทำอยู่ในการเฝ้ามองของตี๋ตงหมิง
ตี๋ตงหมิงยืนผงะอยู่ที่เดิม มองเงาหลังของเฟิ่งชิงเฉินที่กำลังเดินเข้าไปในจวนอ๋องเก้า เห็นคนเฝ้าประตูปิดประตูจวนอ๋องเก้า น้ำตาของเขาก็ไหลออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...