นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 812

สรุปบท บทที่ 812 หัวใจจักรพรรดิ เสด็จอาเก้าเคียงข้างเสมอ: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอน บทที่ 812 หัวใจจักรพรรดิ เสด็จอาเก้าเคียงข้างเสมอ จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 812 หัวใจจักรพรรดิ เสด็จอาเก้าเคียงข้างเสมอ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่เขียนโดย อาช้าย เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

แม้จะไม่พูดว่าโกรธหรือมีความสุข เสด็จอาเก้ามักจะมองมาจากที่สูง แสดงออกอย่างไร้ความรู้สึก เยือกเย็นและเย่อหยิ่งทำให้คนอื่นมองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อได้อยู่ด้วยกันมาระยะเวลาหนึ่ง เฟิ่งชิงเฉินก็สามารถรับรู้ได้ แม้จะไม่กล้าพูดออกมา แต่เวลาที่เสด็จอาเก้าโกรธนาง ดวงตาของเขาจะสั่นไหว ทำให้นางรับรู้ได้ทันที

เมื่อเปลือกตาของเสด็จอาเก้ายกขึ้น นางก็รู้ได้ทันทีว่าเสด็จอาเก้ากำลังโกรธนางอยู่ เฟิ่งชิงเฉินรีบส่ายหน้า กล่าวปลอบโยนออกมาว่า “ไม่ ข้าไม่รู้ว่าลู่เส้าหลินใช่สายลับหรือไม่ และก็ไม่รู้ว่าสายลับของตระกูลชุยในพระราชวังเป็นใคร แต่ข้ารู้ถึงการเคลื่อนไหวของลู่เส้าหลินในหลายปีที่ผ่านมา แน่นอนว่ามันต้องทำให้จักรพรรดิไม่พอใจ

ผู้มีอำนาจส่วนใหญ่มักสงสัย ต่อให้ผิดก็ไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้ ช่วงนี้ตระกูลชุยลงมือติดต่อกันหลายครั้ง แต่องครักษ์เสื้อโลหิตกลับไม่เคลื่อนไหว แน่นอนว่าจักรพรรดิจะต้องสงสัยในตัวของลู่เส้าหลิน ทำให้ลู่เส้าหลินขาดความเชื่อใจ

นอกจากนี้จักรพรรดิยังต้องพิจารณาเรื่องของการสอบ ทำอย่างไรจึงสามารถดึงดูดเหล่าบัณฑิตให้เข้ามาในเมืองได้ การกำจัดองครักษ์เสื้อโลหิตในตอนนี้ทำให้เหล่าบัณฑิตสามารถมองเห็นด้านดีของจักรพรรดิได้ เนื่องจากไม่ว่าอย่างไรองครักษ์เสื้อโลหิตก็ไม่ได้ดูดีในสายตาของประชาชนอยู่แล้ว

หากจักรพรรดิต้องการจัดการกับองครักษ์เสื้อโลหิต แน่นอนว่าต้องมีเหตุผล และเหตุผลนั้นจะต้องใหญ่พอ ไม่อย่างนั้นการที่จักรพรรดิลงมือกับหน่วยซึ่งตนเองสร้างขึ้นมากับมือ จะทำให้เหล่าขุนนางสั่นคลอน คิดว่าจักรพรรดิต้องการทำความสะอาดพระราชวัง เพื่อล้างตำแหน่งให้กับบัณฑิตใหม่ ดังนั้นข้าจึงมอบเหตุผลให้กับจักรพรรดิ ให้เขาได้ยกมีดเล่มใหญ่ในการทำความสะอาดองครักษ์เสื้อโลหิต

แม้เหตุผลนี้จะสร้างความเสื่อมเสียให้กับองครักษ์เสื้อโลหิตได้ แต่จะจักรพรรดิก็คงไม่มีทางเหลียวมอง จึงจำเป็นต้องสร้างความวุ่นวายให้มากขึ้น หากจักรพรรดิจัดการได้ดี เขาจะชนะใจของประชาชน และลดอำนาจขององครักษ์เสื้อโลหิตลงในขณะเดียวกัน หน่วยลับอย่างองครักษ์เสื้อโลหิตไม่ควรออกมาแสดงตัว พวกเขาควรทำงานอยู่ในความมืด และเปิดเผยตัวออกมาเป็นครั้งคราวเท่านั้น

เมื่อนำเหตุผลเหล่านี้มาประกอบเข้าด้วยกัน ข้าก็เดาว่าจักรพรรดิได้ทอดทิ้งลู่เส้าหลินไปแล้ว ดังนั้นข้าจึงกล้าพาคนบุกเข้าไปในเรือนจำขององครักษ์เสื้อโลหิต สร้างสถานการณ์ต่าง ๆ ของมา และสุดท้ายก็ไปฟ้องร้องกับศาลต้าหลี่”

การอ่านใจของจักรพรรดินั้นถือเป็นความสามารถเฉพาะตัว แม้เฟิ่งชิงเฉินจะพูดออกมาอย่างมีเหตุผล แต่ก็ไม่กล้าแน่ใจ หลังจากพูดจบนางก็หันไปมองเสด็จอาเก้าและถามออกมาว่า “ข้าพูดถูกหรือไม่?”

ความโกรธทั้งหมดของเสด็จอาเก้าหายไป กล่าวออกมาอย่างชื่นชม “แม้จะไม่ถูกทั้งหมด แต่ก็ถือว่าถูกเป็นส่วนใหญ่ จักรพรรดิต้องการสะสางกิจการของรัฐบาล องครักษ์เสื้อโลหิตโอหังและหยิ่งผยองมากเกินไป แน่นอนว่าต้องทำให้จักรพรรดิไม่พอใจ”

ใบหน้าอันแข็งทื่อของเสด็จอาเก้าเผยให้เห็นรอยยิ้มอันอ่อนโยน ดวงตาที่ลึกล้ำของเขาเป็นประกายเล็กน้อย “เจ้าฉลาดมาก สิ่งที่องค์ชายหลายคนคิดไม่ถึง แต่เจ้ากลับคิดออกมาได้”

จักรพรรดิไม่ได้เพิ่งมาคิดจัดการกับองครักษ์เสื้อโลหิตเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่เป็นเพราะจักรพรรดิยังเชื่อใจลู่เส้าหลินอยู่ ประกอบกับในมือยังไม่มีใครเหมาะสมจะสร้างเรื่องขึ้นมา จึงเอาแต่เฝ้าดู ไม่ลงมือ

ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินกล่าวหาองครักษ์เสื้อโลหิต มันก็ไปสะกิดความคิดที่จะทำความสะอาดองครักษ์เสื้อโลหิตของจักรพรรดิ ตอนนี้สามารถจัดการกับองครักษ์เสื้อโลหิตได้ จึงเป็นโอกาสดีในการหาตัวของสายลับจากหนานหลิง ซีหลิง ตระกูลชุยและตระกูลที่ซ่อนเร้นทั้งหลาย

เมื่อได้การยืนยันจากเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินละทิ้งความกังวลก่อนหน้านี้ออกไป ร่างทั้งร่างเปล่งประกาย พูดในสิ่งที่ตนเองไม่กล้าพูดและเก็บเอาไว้ทั้งหมดออกไป

“จากเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องพิจารณาคดีวันนี้ เขาเองก็คิดว่าสิ่งที่ข้าเดานั้นถูกต้อง หากจักรพรรดิไม่ต้องการจัดการกับองครักษ์เสื้อโลหิต ข้าจะมีโอกาสเข้าไปในห้องพิจารณาคดีได้อย่างไร องครักษ์เสื้อโลหิตก็แค่หาเหตุผลอะไรมาสักข้อ จากนั้นสร้างพยานเท็จขึ้นมา เท่านั้นก็สามารถจัดการจวนเฟิ่งได้แล้ว

นอกจากนี้ยังมีการช่วยเหลือจากซู่ชินอ๋อง ตี๋ตงหมิงมาช่วยเหลือข้าจากใจจริง เรื่องนี้ข้าเชื่อ แต่ซู่ชินอ๋องไม่มีทางยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือข้าโดยเปล่าประโยชน์ ต่อให้เขาโกรธองครักษ์เสื้อโลหิตในเรื่องที่มีสายลับขององครักษ์เสื้อโลหิตอยู่ในจวนซู่ชินอ๋อง เขาก็ไม่จำเป็นต้องจัดการอีกฝ่ายอย่างชัดเจนถึงขนาดนี้

ข้าเอาว่าซู่ชินอ๋องเองก็น่าจะเข้าใจความคิดของจักรพรรดิที่ต้องการจัดการกับองครักษ์เสื้อโลหิต ดังนั้นจึงยื่นมือเขามาช่วย หากข้าเดาไม่ผิด เรื่องที่องครักษ์เสื้อโลหิตปล่อยให้ซุนซือสิงหายตัวไป เรื่องนี้มันจะต้องเกี่ยวข้องกับการทูตต่างประเทศ แต่ไม่รู้ว่าประเทศไหนจะเป็นผู้โชคร้าย” มีจักรพรรดิและเสด็จอาเก้าอยู่เบื้องหลัง องครักษ์เสื้อโลหิตยังมีอะไรให้นางต้องกลัว

แฮ่ม แฮ่ม เฟิ่งชิงเฉินรีบหันหน้าไปทางอื่น “จักรพรรดิจะร่วมมือกับเจ้าได้อย่างไร เข้าไม่กลัวหรือไง การร่วมมือกับเจ้า สุดท้ายแล้วเขาอาจจะถูกหักหลังเองก็ได้?”

“นี่คือคำแนะนำของฝู่หลิน ข้าได้ตอบรับไปแล้ว จักรพรรดิคิดว่าสามารถควบคุมข้าได้ หลังจากใช้ประโยชน์จากข้าเรียบร้อย เขาก็จะเขี่ยข้าทิ้ง” รอบกายของเสด็จอาเก้าเต็มไปด้วยรัศมีแห่งความอันตราย เช่นเดียวกับราชาแห่งป่าใหญ่ เขาไม่เคยเห็นคู่ต่อสู้อยู่ในสายตา......

“ฝู่หลิน? เขาคิดจะทำอะไร?” ฝู่หลินก็เป็นแค่คนหลอกลวงคนหนึ่ง เฟิ่งชิงเฉินพบว่านางอ่านเขาไม่ออก

“เขา? เขาอยากเป็นอัครมหาเสนาบดีที่ช่วยรวมแผ่นดินจิ่วโจวให้เป็นหนึ่ง และความเคารพจากอารามเทพ” แม้เสด็จอาเก้าจะไม่ชอบคนที่ต่อสู้เพื่อเกียรติยศของครอบครัว แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจ

เพื่อให้ได้รับความสามารถและสิทธิต่าง ๆ จากสกุลที่ได้รับมา คนผู้นั้นจะต้องแบกรับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ โดยพื้นฐานแล้ว ฝู่หลินเหมือนกับเขาที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อนามสกุลที่ได้สืบต่อมา และทำในสิ่งที่ควรทำ

“เขาเลือกจักรพรรดิ?” เฟิ่งชิงเฉินขมวดคิ้ว สงสัยในตัวของคนหลอกลวงอย่างฝู่หลินเป็นอย่างมาก สายตาของเขาสู้จิ่นหลิงยังไม่ได้ แต่กลับได้เป็นทายาทของอารามเทพ

“น่าจะเป็นเช่นนั้น” เสด็จอาเก้าตอบออกมาอย่างไม่ค่อยแน่ใจ

เรื่องของฝู่หลิน ตอนนี้เขาเองก็ยังมองไม่ออกเช่นกัน จักรพรรดิกล้าใช้ฝู่หลิน มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชื่อฝู่หลิน นี่ทำให้เสด็จอาเก้ารู้สึกนับถือเป็นอย่างมาก หากเปลี่ยนเป็นเขา เขาไม่กล้าทำเช่นนี้เด็ดขาด......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ