นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 822

สรุปบท บทที่ 822 เป็นจักรพรรดินั้นช่างยากลำบาก: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอน บทที่ 822 เป็นจักรพรรดินั้นช่างยากลำบาก จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 822 เป็นจักรพรรดินั้นช่างยากลำบาก คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่เขียนโดย อาช้าย เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

กระตุ้นให้ผู้อื่นทำสิ่งต่าง ๆ โดยคำพูด ดีกว่าขอให้เขาทำให้โดยตรง เสด็จอาเก้าเข้าใจในตัวของเฟิ่งชิงเฉินเป็นอย่างดี แม้เฟิ่งชิงเฉินจะกล้าได้กล้าเสียและเป็นกันเอง แต่สำหรับเรื่องบนเตียง เฟิ่งชิงเฉินก็ยังเป็นแค่มือใหม่ นางมีความสุขกับความรักและความสัมพันธ์เช่นนี้ และเช่นเดียวกันนางก็ไม่สามารถปล่อยวางได้ในหลายกรณี

เฟิ่งชิงเฉินชอบความขัดแย้งเล็กน้อยในอารมณ์ของเฟิ่งชิงเฉิน การกลั่นแกล้งเช่นนี้ถึงจะน่าสนใจไม่ใช่หรือไง แต่เช่นเดียวกัน เสด็จอาเก้าก็ชอบที่จะปล่อยเฟิ่งชิงเฉินไปมากกว่า

ไม่ง่ายเลยว่าเฟิ่งชิงเฉินจะยอมปล่อยมือและเท้า เพื่อเตรียมพร้อมกับการรบครั้งใหม่ แน่นอนว่าเสด็จอาเก้าจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ดื่มด่ำกับมันจนถึงที่สุด เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินกำลังจะถอยกลับไป เสด็จอาเก้าถึงพูดประโยคดังกล่าวออกมาอย่างไม่รีบร้อน

แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินที่กำลังจะพักผ่อน เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เมื่อนางได้ยินสิ่งนี้ “แน่นอนว่าไม่ เจ้ารอข้าก่อน หากวันนี้ไม่สามารถทำให้เจ้าพอใจได้ เจ้าก็อย่ามาเรียกข้าว่าเฟิ่งชิงเฉิน”

จิตวิญญาณของเฟิ่งชิงเฉินกลับมาอีกครั้ง ดูเหมือนว่าอาการเจ็บที่มือของนางจะดีขึ้นไม่น้อย

มีรอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของเสด็จอาเก้า เขาพอใจกับการคำนวณของเขามาก แต่น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินมองไม่เห็น เนื่องจากนั่งหันหลังให้กับเขา

หลังจากพูดจาอวดดี แน่นอน เฟิ่งชิงเฉินไม่มีทางนั่งอยู่เฉย ๆ กวาดสายตามองไปยังเสาหยกที่ฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง เฟิ่งชิงเฉินก้มหน้าลง จูบลงด้านบน ใช้ปลายลิ้นกดลงไป เล่นกับน้องชายของเสด็จอาเก้าอย่างซุกซน

“อ่า......” เสาหยกที่เพิ่งหกตัวลงและฟื้นกลับขึ้นมาใหม่ เนื่องจากการจูบอีกครั้งของเฟิ่งชิงเฉิน ทำให้ร่างกายของมันกลายเป็นสีแดง

เฟิ่งชิงเฉินจูบเสาหยกพร้อมกับนำมือลูบไปที่ต้นขาของเสด็จอาเก้า การเคลื่อนไหวเช่นนี้ทำให้เสด็จอาเก้ารู้สึกสบายเป็นอย่างมาก แต่เห็นได้ชัดว่ามันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เสด็จอาเก้าสูญเสียการควบคุม

เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจดีว่าความสุขของผู้ชายอยู่ที่ใต้เสาหยก หากนางต้องการทำให้เสด็จอาเก้าพึงพอใจ นางต้องปรนนิบัติเด็กน้อยให้ดีและทำให้เขามีความสุข

“เดี๋ยวก่อน......” หลังจากเฟิ่งชิงเฉินจูบลงไปตรงลูกน้อยของเสด็จอาเก้า นางยืนขึ้นและยกกาสุราเล็ก ๆ ข้างบ่อน้ำน้ำพุเข้ามา หลังจากนั้น......

เฟิ่งชิงเฉินจิบมันเข้าไปในปากของนาง หลังจากแน่ใจว่ามันเป็นสุรา นางลดศีรษะลงและป้อนสุราเข้าไปในปากของเสด็จอาเก้า และแน่นอนว่า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากการอ้อยอิ่ง ดูดและจูบ

หากจะกล่าวว่าการป้อนสุราและผลไม้เป็นจุดเริ่มต้นเดียวกัน แน่นอนว่า การกระทำต่อไปนี้ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก ที่นี่ไม่มีเครื่องมือใด ๆ ที่สามารถเพิ่มความสนุก ดังนั้นจึงทำได้เพียงใช้วิธีที่ง่ายที่สุดเท่านั้น

เฟิ่งชิงเฉินเทสุราลงบนตัวของเสด็จอาเก้า สุราไหลไปตามร่างกายของเสด็จอาเก้า สุดท้ายก็ไหลตรงมาที่สะดือ เฟิ่งชิงเฉินนอนลงบนร่างกายของเสด็จอาเก้า เลียลงไปตามแนวยาว สุราบนร่างกายของเสด็จอาเก้าถูกเลียอย่างหมดจด ไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว มันทำให้เสด็จอาเก้าสั่นสะท้านไปทั้งตัว ร่างกายของเขาบิดตัวอย่างควบคุมไม่ได้ เขาต้องการมากกว่านี้

“เจ้าไปเรียนมาจากไหน ทำไมเจ้าถึง......” เสด็จอาเก้าอ้าปากค้าง ร่างกายอันบอบบางของเขาไม่สามารถทนต่อการสัมผัสใด ๆ ได้ เพียงแค่ดีดนิ้วเบา ๆ หนึ่งครั้งก็ทำให้ร่างกายของเขาชาไปทั้งตัว

“เจ้าไปเรียนมาจากที่ไหน ข้าก็ไปเรียนมาจากที่นั่น ที่รัก เจ้าพอใจหรือเปล่า”

ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินใช้ลิ้นเลียสุราหยดสุดท้ายตรงสะดือของเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าแทบจะทนไม่ไหวอีกต่อไป “พอใจเป็นอย่างมาก แต่หากเจ้าช่วยเติมเต็มให้ข้า ข้ายิ่งพอใจขึ้นไปอีก”

มือทั้งสองข้างของเสด็จอาเก้ากดลงบนหัวไหล่ของเฟิ่งชิงเฉิน พยายามควบคุมน้องสาวของนางให้สัมผัสกับน้องชายของเขา และกดร่างของนางลงไป แต่น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินไม่ให้ความร่วมมือ และในตอนนี้เสด็จอาเก้าก็ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะขัดขืนนาง

เสด็จอาเก้าหมดหนทาง ทำได้เพียงยอมให้กับเฟิ่งชิงเฉิน ส่งเสียงอ้อนวอนออกมา “ชิงเฉินที่รัก ช่วยข้า เจ้าอย่า อย่าทรมานข้าเลย”

ใช่ ทรมาน การกระทำของเฟิ่งชิงเฉิน สำหรับเสด็จอาเก้าแล้วมันคือการทรมานอันหอมหวาน ส่วนล่างของเขาจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับลีลา ไม่ยอมเติมเต็มมันให้กับเขา แต่กลับทำให้ความต้องการของเขาสูงขึ้น ความรู้สึกนี้เหมือนกับถูกยาปลุกกำหนัด ทรมานจนเกินทน ริมฝีปากของเขาถูกกัด กลิ่นเลือดกระจายไปทั่วระหว่างริมฝีปากและฟันของเขา แต่มันกลับกระตุ้นให้เขามีความต้องการมากขึ้น

“เร็ว ชิงเฉิน เร็ว ให้ข้าเข้าไปเร็ว หากไม่ยอมให้ข้าเข้าไป ข้าอาจจะตายได้” เสด็จอาเก้ารู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังระเบิด อยากจะเข้าไปทำลายร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินให้แหลกละเอียดจนไม่เหลือชิ้นดี

เฟิ่งชิงเฉินลูบน้องชายของเฟิ่งชิงเฉินด้วยความรู้สึกปลอบโยน แต่ดวงตาของนางกลับเผยให้เห็นถึงแสงแห่งความชั่วร้าย “ที่รักอย่าเป็นแบบนี้ เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่เคยทรมานเจ้า เจ้าอย่าได้รีบร้อน ข้าจะทำให้เข้าพอใจในทันที”

ในโลกนี้ไม่มีอะไรประสบความสำเร็จไปมากกว่าการที่ได้เห็นเสด็จอาเก้าสูญเสียการควบคุม และได้เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนของเสด็จอาเก้า

“เร็วเข้า เร็วกว่านี้ ข้ารอไม่ไหวแล้ว” เสด็จอาเก้าหายใจหอบ น้องชายของเขากระตุกขึ้นลงโดยปราศจากการใช้มือ นี่มันเป็นสัญญาณบอกกับเฟิ่งชิงเฉินว่า มันถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว

“ได้เลย นายท่าน” เฟิ่งชิงเฉินเปลี่ยนคำเรียกอีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้เสด็จอาเก้าทั้งรักทั้งเกลียด

ไม่ปล่อยให้เสด็จอาเก้ารอนาน เฟิ่งชิงเฉินเทสุราที่เหลือทั้งหมดในกาลงไปบนเสาหยกของเสด็จอาเก้า ก้มหน้าลง “ครั้งนี้ข้าจะมอบความพึงพอใจที่สุดให้กับเจ้า เจ้าจะต้องขอร้องความเมตตาภายใต้ร่างกายของข้า”

พูดจบนางก็ก้มศีรษะ และมุ่งหน้าลงสู่เสาหยกของเสด็จอาเก้า

ระหว่างการต่อสู้ของเสด็จอาเก้ากับเฟิ่งชิงเฉินในบ่อน้ำพุร้อน ตอนที่ทั้งสองกำลังใช้ร่างกายของตนเองเพื่อพิชิตฝ่ายตรงข้าม ตอนนั้นผู้คนจากทุกทิศทุกทางก็เคลื่อนไหวไปด้วยเช่นกัน องครักษ์เสื้อโลหิตไม่รู้ว่าตอนนี้ซุนซือสิงไปอยู่ที่ไหน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าชนชั้นสูงอย่างจักรพรรดิจะไม่รู้

เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินหวังว่าซุนซือสิงจะมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะมีความคิดแบบเดียวกัน ในสายตาของใครหลายคน การตายของซุนซือสิง ถึงเป็นเรื่องที่ปลอดภัยที่สุด

เสด็จอาเก้ากำลังเพลิดเพลินกับความงามในอ้อมแขนของเขา จักรพรรดิผู้แข็งกระด้างยังคงทำงานในห้องหนังสือ เมื่อรู้ว่าเสด็จอาเก้านำซุนซือสิงออกจากเมือง จักรพรรดิครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาถาม “เสนาบดี เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้”

ระยะเวลาไม่ถึงครึ่งปีก็ได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดิอย่างเปี่ยมล้น สามารถจัดการเรื่องส่วนตัวแทนจักรพรรดิได้ ด้วยความสามารถของฝู่หลิน เขาไม่เคยทำให้จักรพรรดิผิดหวัง เขารู้ว่าในใจของจักรพรรดิได้ตัดสินใจไว้แล้ว แต่สำหรับเรื่องบางเรื่องมันก็พูดยาก

“องค์จักรพรรดิ เสด็จอาเก้ามีเมตตาเกินกว่าสตรี สตรีมิสามารถทำการใหญ่ได้สำเร็จ คนผู้นั้นสมควรกำจัดให้สิ้นซาก” ฝู่หลินพูดความคิดในใจของจักรพรรดิที่จักรพรรดิไม่กล้าพูดออกมา

ใช่ จักรพรรดิต้องการกำจัดซุนซือสิง แต่ในฐานะจักรพรรดิผู้เมตตาและชาญฉลาด เขาไม่สามารถพูดมันออกมาได้โดยตรง

“พ่อของเขาเคยช่วยชีวิตข้าเอาไว้” นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมจักรพรรดิจึงไม่อยากพูดออกมาว่าต้องการกำจัดซุนซือสิงด้วยตัวเอง

เขาไม่สามารถปล่อยให้ขุนนางผิดหวังอย่างเจ็บปวดได้ แต่ฝู่หลินพูดออกมานั้นมันต่างกัน ฝู่หลินเสนอให้กำจัดคนผู้นั้น เขาก็แค่ทำตามคำแนะนำของขุนนาง

“องค์จักรพรรดิ หมอหลวงซุนเป็นหมอหลวง การรักษาจักรพรรดิเป็นความรับผิดชอบของเขา นอกจากนี้หมอหลวงซุนออกจากหน้าที่อย่างกะทันหัน จักรพรรดิ ท่านไม่ลงโทษเขา นี่ก็คือเป็นคุณธรรมอันยิ่งใหญ่แล้ว องค์จักรพรรดิ ท่านคือผู้นำประเทศ โปรดให้ความสำคัญกับประเทศเป็นอันดับหนึ่ง” หรือพูดอีกอย่างก็คือ จักรพรรดิได้ตอบแทนความช่วยเหลือของซุนเจิ้งเต้าไปตั้งนานแล้ว จักรพรรดิ เจ้าไม่ต้องกังวลกับเรื่องพวกนี้อีกต่อไป เนื่องจากทุกการกระทำของเจ้านั้น ทำลงไปเพื่อประเทศชาติ

ฝู่หลินกลายเป็นคนสนิทของจักรพรรดิไปโดยปริยาย เมื่อจักรพรรดิต้องการสร้างคุณธรรม เขาเป็นคนสร้างโอกาสให้กับจักรพรรดิ เมื่อจักรพรรดิต้องการกำจัดขวากหนาม เขาก็จะเป็นคนก้าวออกมาพูดในสิ่งที่จักรพรรดิปรารถนา

จักรพรรดิถอนหายใจด้วยความเสียใจ หลับตาลง พยักหน้าเล็กน้อย “งั้นก็เอาตามความเห็นของท่านเสนาบดี”

ด้วยท่าทางเสียใจ หากผู้ไม่รู้เรื่องราวเห็นท่าทางของจักรพรรดิคงคิดว่าเขาไม่เต็มใจที่จะกำจัดซุนซือสิง แต่ฝู่หลินเข้าใจดี นี่เป็นเพียงท่าทางภายนอกที่จักรพรรดิแสดงออกมาให้เห็นเท่านั้น

“ขอรับ” ฝู่หลินรับราชโองการ เดินออกไปจากประตู แสงอันเฉียบคมก็ส่องเข้ามาในดวงตาของเขา

ครั้งนี้จักรพรรดิลงมือกับองครักษ์เสื้อโลหิตอย่างเหี้ยมโหด สายลับในองครักษ์เสื้อโลหิต และสายลับในเมืองจักรพรรดิต้องพบกับความโชคร้าย และไม่รู้ว่าหลังจากลู่เส้าหลินหลุดจากตำแหน่ง ใครจะก้าวขึ้นมาแทนที่ และเขาจะได้รับอะไรจากตำแหน่งนั้น......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ