นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 823

จวนจิ่วอ๋องนั้นแน่นหนายิ่ง คนธรรมดาทั่วไปไม่อาจเข้าไปได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจวนจิ่วอ๋องจะปลอดภัย ด้านนอกจวนจิ่วอ๋องมีทั้งคนและรถม้ามากมายที่คอยแอบซ่อน ในเมืองหลวงมีคนมากมายเท่าไหร่กันที่กำลังจับจ้องความเคลื่อนไหวของจวนจิ่วอ๋อง

ในค่ำคืนนั้น ตอนที่รถม้าของจวนจิ่วอ๋องขับแล่นออกไป แม้จะค่อนข้างเงียบเฉียบ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ทิ้งร่องรอยใดไว้เลย และการที่มีร่องรอยทิ้งไว้นั่นก็หมายความว่าต้องมีคนรู้ ในเมื่อองค์จักรพรรดิได้รับรู้ แล้วคนอื่นๆ จะไม่รู้ได้อย่างไร

ลู่เส้าหลินได้ยินข่าวนี้แล้วก็ไม่ได้รีรอ ได้รีบสั่งการให้คนสนิทที่ซ่อนกายอยู่นอกเมือง จะต้องนำคนที่อยู่ในรถม้ากลับมาให้ได้ หรือแม้เป็นศพก็ยังดี

ภายในรถม้านั้นเป็นใครลู่เส้าหลินไม่เห็น แต่ใช้หัวเข่าคิดก็คงรู้ได้ ในเวลานี้คนที่เสด็จอาเก้าจะส่งออกมาจากจวนอย่างลับๆ นอกจากซุนซือสิงแล้วจะมีใครอีก ต่อให้ไม่ใช่ซุนซือสิง การที่เขาเข้าไปขัดแผนการของเสด็จอาเก้าได้ ก็นับว่ามีประโยชน์ต่อเขา

องครักษ์ลับก็ลงมือเช่นกัน องครักษ์เสื้อโลหิตก็พร้อมที่จะลงมือ องครักษ์ข้างกายของซีหลิงเทียนเหล่ยก็อยู่รอคำสั่งเสมอ ผู้มีความสามารถของตระกูลชุยเอง ก็ได้ซ่อนกายอยู่ที่นอกเมือง จุดประสงค์ของพวกเขานั้นเรียบง่าย นั่นก็คือจับตัวซุนซือสิงกลับมาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นหรือตายก็ตาม

เพียงแค่องครักษ์เสื้อโลหิตสามารถตามตัวซุนซือสิงได้เจอ ก็ถือว่าพวกเขาทำผลงานหักล้างความผิดได้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นผู้ที่ถูกลงโทษมากที่สุดก็คงจะเป็นคนที่เกี่ยวข้อง หากจักรพรรดิต้องการที่จะลงมือกับองครักษ์เสื้อโลหิตอย่างเด็ดขาด คาดว่าก็ยังมีโอกาสอื่น และยังมีเวลาเหลือพอให้พวกเขาจัดการกับตนจนสะอาดสะอ้าน

กองกำลังทั้งหลายในเมืองหลวง ค่ำนี้ล้วนพากันออกมาเคลื่อนไหวเพื่อซุนซือสิง โดยจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไป องค์จักรพรรดิต้องการให้ซุนซือสิงหายไปจากโลกนี้ ตลอดชีวิต โดยไม่ให้ผู้ใดตามหาตัวเจออีก นั่นหมายความว่าไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูก

จักรพรรดิคงจะไม่อนุญาตให้ซุนซือสิงกลับมายังเมืองหลวงอีกอย่างแน่นอน ด้วยเกรงว่าจะทำลายแผนการของเขา ความลับของอาณาจักรนั้นสำคัญยิ่ง แต่ก็มีสายสืบแอบซ่อนเข้ามาเสมอ องค์จักรพรรดิไม่อาจยินยอมได้ แม้ว่าตัวเขาเองจะส่งหน่วยสืบแนมเอาไว้อีกสามแคว้นและในเมืองจิ่วเฉิงไม่น้อย แต่เขาก็ไม่อนุญาตให้ในองครักษ์เสื้อโลหิตมีคนอื่น

ตระกูลหวังเองก็มีสายสืบอยู่ในองครักษ์เสื้อโลหิต เมื่อรู้ที่มาที่ไปของซุนซือสิงพวกเขาก็ต้องการจะเคลื่อนไหวเช่นกัน แต่เนื่องจากถูกแรงกดดันจากหวังจิ่นหลิง จึงจำเป็นต้องละทิ้งความคิดนี้ ตระกูลหวังจึงได้อยู่เงียบๆ ไม่ขยับเขยื้อน

วินาทีที่คนเหล่านี้เดินทางออกจากเมืองไป องค์จักรพรรดิก็ได้รับรายงานลับ นึกถึงเมื่อตอนกลางวันที่เสด็จอาเก้ากล่าวว่าจะล่อเสือออกจากถ้ำ สีหน้าขององค์จักรพรรดิก็เผยรอยยิ้มออกมา

ตระกูลหวังเฉลียวฉลาดยิ่ง! คืนนี้คงจะครึกครื้นน่าดู!

ที่ด้านนอกเมือง แสงประกายจากดาบแวววาว ห่างออกไปจากกำแพงเมืองประมาณสิบลี้ รถม้าจากจวนจิ่วอ๋องถูกบุคคลกลุ่มหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดเข้ามาล้อมเอาไว้ หัวหน้าผู้คุ้มกันชักดาบออกมาแล้วออกคำสั่งเสียงสูงว่า “คุ้มกันรถม้า!”

ผู้ที่เดินทางมานั้นมีคนและกองกำลังมากกว่า ทั้งยังมีวิทยายุทธสูงส่ง ผู้คุ้มกันจากจวนจิ่วอ๋องในไม่ช้าก็ไม่อาจต้านทานได้ ในขณะนั้นเองก็มีคนชุดดำอีกกลุ่มหนึ่งพุ่งตรงออกมา เหล่าผู้คุ้มกันจวนจิ่วอ๋องราวกับกำลังถูกโจมตีจากศัตรูมากมาย คาดไม่ถึงว่าคนเหล่านี้จะมาช่วยพวกเขาไว้ จึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และมีพลังฮึดสู้อีกครั้ง

ที่ด้านนอกลมหนาวพัดเข้าไปในกระดูกดำ สายเลือดสาดดั่งสายฝน แต่ภายในจวนจิ่วอ๋องกลับดูเร่าร้อน

ด้วยความพยายามของเฟิ่งชิงเฉิน ทำให้เสด็จอาเก้าเกือบจะไปถึงจุดสุดยอด เสด็จอาเก้าในบัดนี้ไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน ร่างกายของเขาแดงเรื่อ ผมยาวสลวยพันอยู่ที่ร่างกายของเขา เรียกได้ว่าหาที่เปรียบไม่ได้ ดวงตากลมดำขลับคู่นั้นช่างดึงดูดหัวใจ ทำให้ไม่อาจหักห้ามใจได้เลย

แต่ตัวเฟิ่งชิงเฉินในตอนนี้ไม่มีอารมณ์ไปสนใจเขา แม้กระทั่งไม่สนใจบรรยากาศรอบกายเช่นนี้ ฮือๆๆ......นางเมื่อยปากเหลือเกิน หากรู้ว่าจะวุ่นวายยุ่งยากแบบนี้นางคงไม่เล่นแน่

“ทำไมยังไม่ปลดปล่อยออกมาอีก?” เฟิ่งชิงเฉินคายเจ้าท่อนนั้นออกมาแล้วหายใจเหนื่อยหอบ ใบหน้าของนางแดงเรื่อ ความงดงามจากรูปลักษณ์ภายนอกของนางไม่ด้อยไปกว่าเสด็จอาเก้าเลย

ร่างกายของทั้งสองในตอนนี้ราวกับถูกครอบงำอยู่ภายใต้อารมณ์รุกร้อน ท่ามกลางบรรยากาศเช่นนี้ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่อยากจะกดนางลงไป

“ให้ข้าเข้าไปสิ เท่านี้ก็คงเสร็จ หรือเจ้าจะทำเองก็ได้” เสด็จอาเก้าเองก็แทบจะขาดใจ ความต้องการของเขาทะเยอทะยานสูงขึ้น แต่ก็ไม่ปลดปล่อยออกมาสักที น้ำเสียงของเขาตอนนี้ก็แหบแห้ง

“ไม่......ข้าจะทำต่อ”

เฟิ่งชิงเฉินหายใจเหนื่อยหอบแล้วอมมันเข้าไปอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเฟิ่งชิงเฉินพยายามอย่างยิ่ง หรือว่าเสด็จอาเก้าไปถึงจุดสุดยอดแล้ว เฟิ่งชิงเฉินขยับเขยื้อนอยู่อีกสองหน เสด็จอาเก้าก็ปลดปล่อยมันออกมา โชคดีที่เฟิ่งชิงเฉินปฏิกิริยาว่องไวจึงไม่ได้ทำปากของนางเปียกปอน แต่ถึงกระนั้นก็ทำให้ร่างของนางเต็มไปด้วยน้ำของเขา

“ฟู่......” ในที่สุดเสด็จอาเก้าก็สุขสมอารมณ์หมาย เฟิ่งชิงเฉินเหนื่อยล้ามาก นางไม่อยากจะขยับเขยื้อนตัวเพื่อขจัดคราบบนร่างกาย ดังนั้นจึงได้หงายหลังหล่นลงไปในน้ำ

“ชิงเฉิน......” เสด็จอาการเพิ่งจะอิ่มเอมจากเมื่อครู่ ร่างกายของเขาดูผ่อนคลายหลังจากได้รับการปลดปล่อย ทั้งยังเป็นเฟิ่งชิงเฉินที่เป็นผู้กระทำ ทำให้เขาหวนถึงอย่างหวานชื่น ใครจะรู้กันเล่าว่าวินาทีต่อมาเขาจะเห็นเฟิ่งชิงเฉินตกลงไปในน้ำเช่นนั้น

เสด็จอาเก้าตกใจมาก ความต้องการต่างๆ และความรู้สึกหอมหวานเหล่านั้นล้วนจางหายไป เสด็จอาเก้ารีบกระโดดขึ้นตามสัญชาตญาณแล้วเข้าไปคว้าตัวเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้ แต่คิดไม่ถึงว่าเฟิ่งชิงเฉินจะยื่นแขนออกมา ดึงคอของเขาแล้วทั้งสองก็จมลงสู่น้ำ

“ตูม......!” ร่างของทั้งสองที่ร่วงลงสู่น้ำนั้นทำให้เกิดน้ำกระจัดกระจาย โชคดีเหลือเกินที่บ่อน้ำนี้กว้างและลึกพอ ไม่อย่างนั้นการที่ทั้งสองกระโดดลงไปเช่นนี้ ไม่ตายก็คงจะพิการ

บุ๋มๆๆ ทั้งสองจมลงสู่เบื้องล่าง ผมยาวสลวยถูกสายน้ำพัดไปด้านหลัง ทั้งสองคนกอดกันแน่น วินาทีต่อมาริมฝีปากนั้นก็ประกบกัน

ตอนที่ลิ้นของเฟิ่งชิงเฉินสอดแทรกเข้าไปในปากของเขา เสด็จอาเก้าก็รู้ดีว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่เป็นอะไรแล้ว เขาจึงวางใจลงแล้วโอบอุ้มเฟิ่งชิงเฉินพัวพันกันอยู่ใต้น้ำ

เขายื่นมือออกมาโอบกอดเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้ เจ้าสิ่งที่อยู่เบื้องล่างของเขาตอนนี้อ่อนปวกเปียกลง มันสัมผัสเข้ากับเบื้องล่างของเฟิ่งชิงเฉิน แม้ตอนนี้จะไม่ได้น่าเกรงขาม แต่เมื่อถูกโจมตีใต้น้ำเช่นนี้ก็ทำให้นางรู้สึกเสียวซ่านไปทั่ว

ดูเหมือนทั้งสองคนจะลืมนึกถึงสถานการณ์ในบัดนี้ไปแล้ว ทั้งสองโอบรัดกันแน่นจนกระทั่งแทบหายใจไม่ออก เสด็จอาเก้าจึงอุ้มเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมา เสียงของน้ำดังซ่า และกระจายออกไปทางด้านข้าง......

เมื่อพุ่งขึ้นมาจากบ่อน้ำ ทั้งสองคนก็หายใจเหนื่อยหอบ หลังจากที่ลมหายใจกลับคืนสู่ปกติแล้ว ทั้งสองก็มองไปยังดวงตาของอีกฝ่าย เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความรู้สึกลึกล้ำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ