นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 833

ดวงตาของชายทั้งสองปะทะกันในอากาศ เปลวไฟลุกโชนไปทุกแห่งหน นัยน์ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ......

“ข้ามารับเฟิ่งชิงเฉินในฐานะเพื่อนไม่ได้หรืออย่างไร เจ้าคนขี้ตระหนี่” หวังจิ่นหลิงจ้องมองเสด็จอาเก้าด้วยสายตาดูถูก

เสด็จอาเก้าเองก็มองเขากลับไปด้วยสายตาแบบเดียวกัน “ได้ แต่วันนี้ไม่ได้ มีข้าอยู่ ไม่จำเป็นต้องลำบากเจ้า”

ทั้งสองคนปะทะกันด้วยสายตา หลังจากได้พูดคุยกันเล็กน้อย พวกเขาก็แยกจากกัน ทั้งสองล้วนเป็นคนฉลาด ไม่มีทางปล่อยให้ไฟแห่งสงครามรั่วไหลออกไป มองจากคนภายนอก ทั้งสองเป็นชายผู้สง่างามและยิ่งใหญ่ เป็นผู้สูงศักดิ์อย่างแม้จริง พวกเขามองตากันและทักทายด้วยรอยยิ้ม ดูแล้วเป็นมิตรกันอย่างมาก

ภายใต้การแสดงระดับสูงของทั้งสอง การแสดงที่ผ่านมาของเฟิ่งชิงเฉินถือว่าเทียบไม่ติด นางไม่รู้ถึงความผิดปกติระหว่างเสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิง เมื่อเห็นการมาของเสด็จอาเก้า รอยยิ้มของเฟิ่งชิงเฉินจัดเจนขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า มองรถม้าที่ออกมาจากพระราชวัง ถามออกไปด้วยความสงสัย “เจ้ากำลังรอข้างั้นหรือ? เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะออกจากวังวันนี้”

เฟิ่งชิงเฉินยืนอยู่ที่เดิม รอให้เสด็จอาเก้าก้าวเข้ามา นางรู้ไม่ว่านางจะอยู่แห่งหนใด ขอแค่เสด็จอาเก้าต้องการ เขาจะต้องมาอยู่ข้างกายนางเป็นแน่

“สนมเอกเซี่ยส่งคนไปแจ้งข้า” เสด็จอาเก้าหาเหตุผลมาอ้าง จากนั้นจ้องมองไปยังหวังจิ่นหลิงด้วยสายตาซึ่งไร้ความปรานี “คุณชายใหญ่ ตระกูลหวังกับจวนเฟิ่งไปคนละทางกัน อีกอย่างท่านก็ไม่ได้ตั้งใจจะมารอชิงเฉิน ชิงเฉินเองก็คงไม่อยากรบกวนท่าน”

เห็นได้ชัดว่าหวังจิ่นหลิงมาที่นี่เพื่อรอเฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้าจงใจพูดออกไปเช่นนี้ก็เพื่อต้องการให้หวังจิ่นหลิงจุกอกตาย

โชคดีที่อารมณ์ของหวังจิ่นหลิงไม่ได้คล้อยตาม ไม่ได้ตั้งใจ? เขายิ้มและตอบกลับไปว่า “ข้ากับชิงเฉินไม่ได้เจอกันนานแล้ว เสด็จอาเก้า ท่านคงไม่ใช่คนตระหนี่ ถึงขั้นที่ไม่ปล่อยให้ชิงเฉินได้พบเจอกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นเวลานาน”

“ชิงเฉินพบปะกับเพื่อน แน่นอนว่าข้าไม่คัดค้าน คุณชายใหญ่ต้องการพบเจอกับชิงเฉิน ไว้วันหลังค่อยว่ากันใหม่ วันนี้นางเพิ่งออกมาจากวัง นางกำลังเหนื่อย” ต่อหน้าข้า จะกล้ามาแย่งเฟิ่งชิงเฉินไป เจ้าเห็นว่าข้าไม่มีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไร

ชิงตัว? ใครเป็นคนชิงตัวใครกันแน่? ตงหลิงจิ่ว เจ้าอย่าทำอะไรเกินไปหน่อยเลย

ในจุดที่เฟิ่งชิงเฉินมองไม่เห็น เสด็จอาเก้ากับหวังจิ่นหลิงต่อสู้กันด้วยสายตาอีกครั้ง แต่เนื่องจากทั้งสองควบคุมมันได้อย่างไร้ที่ติ นอกจากพวกเขาสองคนก็ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น

“เสด็จอาเก้าช่างเป็นคนเอาใจใส่ยิ่งนัก ถือว่าเป็นพรของชิงเฉิน ในฐานะเพื่อนของชิงเฉิน ข้าก็รู้สึกโล่งใจเมื่อได้เห็นนางโชคดีถึงเพียงนี้ ข้าเองก็รู้ว่าชิงเฉินเหนื่อย ดังนั้นข้าจึงอยากให้โอกาสตอนนั่งรถม้าให้ชิงเฉินตรวจโรคให้ข้าสักเล็กน้อย” หวังจิ่นหลิงยิ้มอย่างอ่อนโยนซึ่งดูสง่างามและสุภาพสำหรับคนนอก แต่ในสายตาของเสด็จอาเก้า มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนสุนัขจิ้งจอกที่ประสบความสำเร็จในการวางแผน

เฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่คนโง่ ไฟสงครามระหว่างเสด็จอาเก้ากับหวังจิ่นหลิง นางสังเกตเห็นตั้งแต่เผ่าเสวียนเซียวกง แต่จะให้นางเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ได้อย่างไร เมื่อได้คำพูดของหวังจิ่นหลิง เฟิ่งชิงเฉินจึงถามออกไปด้วยความเป็นห่วงว่า “จิ่นหลิง เจ้าไม่สบายงั้นหรือ?”

เมื่อลองสังเกตดูให้ชัดเจน ท่าทางของหวังจิ่นหลิงดูไม่ค่อยดีนัก นางคิดว่าเป็นเพราะงานราชการ แต่เวลานี้ดูเหมือนว่าสาเหตุของการผกผันคือร่างกาย ซึ่งเป็นความประมาทเลินเล่อของนาง

หวังจิ่นหลิงพยักหน้าเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มอันโดดเดี่ยวบนใบหน้าของเขา “ก่อนหน้านี้ข้าถูกพิษ ชิงเฉิน ข้าต้องขอโทษเรื่องซือสิงด้วย”

ไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจชีวิตและความตายของซุนซือสิง แต่เขาในตอนนั้นแค่มีชีวิตรอดต่อไปยังลำบาก

“ถูกพิษ? ให้ตรวจตรวจดูหน่อย” เฟิ่งชิงเฉินไม่พูดมาก เดินเข้าไปตรวจชีพจรของหวังจิ่นหลิง “ร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ ขึ้นรถม้า ข้าจะตรวจสอบให้เจ้าอย่างละเอียด ปล่อยไว้เช่นนี้อาจจะเป็นเรื้อรัง”

“ตกลง” ดวงตาของหวังจิ่นหลิงมีแค่เฟิ่งชิงเฉินผู้เดียวเท่านั้น ส่วนเสด็จอาเก้าที่กำลังเผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้ แน่นอนว่าเขาไม่เห็นอยู่ในสายตา

รอบนี้เขาชนะแล้วไม่ใช่หรือไง

เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าและเตรียมหันไปพูดกับเสด็จอาเก้า แต่เสด็จอาเก้าพูดออกมาเร็วกว่านางก้าวหนึ่ง “อาการของคุณชายใหญ่สาหัสมากเลยใช่หรือไม่? ชิงเฉิน พวกเรารีบขึ้นรถม้าเร็ว เจ้าจะได้รีบรักษาอาการให้คุณชายใหญ่”

ประโยคหลังเสด็จอาเก้าต้องกัดฟันถึงจะพูดมันออกมาได้ เขาพูดออกมาพร้อมพยุงเฟิ่งชิงเฉินขึ้นรถม้าของหวังจิ่นหลิง ส่วนหวังจิ่นหลิงซึ่งเป็นเจ้าของรถม้าไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ