นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 851

สรุปบท บทที่ 851 ปัญหา อย่าคิดว่าจะอยู่เพียงลำพังได้: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 851 ปัญหา อย่าคิดว่าจะอยู่เพียงลำพังได้ – ตอนที่ต้องอ่านของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 851 ปัญหา อย่าคิดว่าจะอยู่เพียงลำพังได้ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เฟิ่งชิงเฉินตื่นขึ้นมาในตอนเช้า พบว่าตนเองกำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของชายผู้หนึ่ง มันทำให้นางตกใจแทบแย่ ได้กลิ่นไผ่อันคุ้นเคย รู้ว่าเป็นเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล ค่อย ๆ นำมือของอีกฝ่ายออก แต่จะไปรู้ได้อย่างไรว่าจะทำให้เสด็จอาเก้าตื่น

“อย่าขยับ ข้าไม่สบาย ต้องการพักผ่อน” น่าจะเป็นเพราะเพิ่งตื่น เสียงของเสด็จอาเก้าจึงนุ่มนวลกว่าปกติ ไม่เย็นชาหรือไร้อารมณ์เหมือนกับที่ผ่านมา เขาในตอนนี้ราวกับว่าเป็นเด็กทารก

เฟิ่งชิงเฉินเองก็ให้ความร่วมมือ พูดอย่างเคอะเขิน “ได้ ไม่ขยับ เจ้านอนต่อเถิด”

“อืม” เสด็จอาเก้าพอใจเป็นอย่างมาก นำศีรษะของตนซุกเข้าไปในซอกคอของเฟิ่งชิงเฉิน ไม่นานลมหายใจก็สงบลง และหลับไป

เฟิ่งชิงเฉินผงะไปครู่หนึ่ง ดวงตาของนางเผยให้เห็นถึงความทุกข์ใจ “คนผู้นี้ไม่ได้หลับสบายมานานแค่ไหนแล้ว ทำไมถึงได้หลับเร็วถึงเพียงนี้”

เฟิ่งชิงเฉินเป็นห่วงเสด็จอาเก้า อยากให้เสด็จอาเก้าได้นอนหลับพักผ่อนมากขึ้น ดังนั้นจึงกอดเฟิ่งชิงเฉินไว้ในอ้อมแขนโดยไม่เคลื่อนไหว หลังจากผ่านพักใหญ่ คนรับรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของนายหญิง พวกนางร้อนรนเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงหรือเข้าไปรบกวน

หยุนเซียวและหมออีกสองคนตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ ตอนแรกคนว่าวันนี้พวกเขาสามารถออกเดินทางได้แล้ว แต่รอมาถึงกลางวัน พวกเขาไม่เห็นแม้แต่เงาของเฟิ่งชิงเฉินและเสด็จอาเก้า หมอทั้งสองไม่ได้คิดอะไรมากมาย คิดว่าพวกเขากำลังยุ่ง แต่สำหรับหยุนเซียว ความคิดชั่วร้ายได้ผุดขึ้นมาจากใจของเขาแล้ว

ทั้งสองคนคงไม่ได้ทำอะไรเช่นนั้นในตอนกลางวันแสก ๆ......

แฮ่ม หยุนเซียวชั่วร้ายเหลือเกิน ครั้งนี้เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินบริสุทธิ์ใจจริง พวกเขาไม่ได้ทำอะไร แค่ผลอยหลับไปโดยไม่ระวังเท่านั้น

ในตอนที่ทั้งสองคนตื่นมาก็เวลาประมาณเที่ยงวัน หลังจากเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินสวมชุดเรียบร้อย พวกเขาก็ให้คนรับใช้มาอาบน้ำให้เพื่อทำให้ร่างกายสดชื่น นี่เป็นครั้งแรกที่ตนเองนอนกับเสด็จอาเก้าในจวนของตนเอง ในตอนที่คนรับใช้เข้ามา เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเขินอายเล็กน้อย ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไร แต่นางรู้สึกว่าตนเองเป็นเหมือนนางสนมของเสด็จอาเก้า ส่วนเสด็จอาเก้าไม่ได้คิดอะไรมาก จึงไม่รับรู้ถึงความผิดปกติเหล่านี้

เครื่องแต่งกายของพระชายาอ๋องเก้า ปิ่นเฟิ่งจากเสด็จแม่ของเขา เขามอบทุกอย่างให้กับเฟิ่งชิงเฉิน ด้วยการสนับสนุนจากปิ่นเฟิ่ง มันให้ความน่าเชื่อถือมากกว่าชื่อของพระชายาอ๋องเก้า แต่เสด็จอาเก้าลืมไปเสียสนิท เขาไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเฟิ่งชิงเฉิน ดังนั้น......

เสด็จอาเก้าต้องพบกับความโศกเศร้า เขาถูกความโกรธของเฟิ่งชิงเฉินครอบงำ เฟิ่งชิงเฉินฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครพูดออกมาด้วยความโกรธ “ทำไมวันนี้เจ้าถึงไม่ยอมออกไปก่อน”

นี่เป็นครั้งแรกที่เสด็จอาเก้าเดินออกจากห้องของนางอย่างเปิดเผย โดยปกติแล้วเขาจะออกไปก่อนเวลาโดยไม่ให้มีใครรับรู้

“ข้าป่วยแล้ว” เสด็จอาเก้าเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ไม่มีร่องรอยของความเจ็บป่วย แต่เขาพูดด้วยความมั่นใจ

“เจ้าอย่ามาเสแสร้ง” เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าตนเองทะเลาะสู้เสด็จอาเก้าไม่ได้ ดังนั้นนางจึงไม่สนใจ หันหลังและพูดออกมาว่า “ข้าจะไปดูอาการขององค์ชายอวี่และจิ่นหลิง”

อาหารกลางวันยังไม่มา เฟิ่งชิงเฉินฉวยโอกาสใช้เวลานี้ไปในการไปตรวจอาการของทั้งสอง ในฐานะของหมอที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบ สิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินแสดงออกมานั้นเป็นสิ่งที่นางควรทำ

“ข้ายังไม่ได้บอกเจ้างั้นหรือ เมื่อวานข้าส่งตัวจิ่นหลิงออกไปแล้ว” จิตใจของเสด็จอาเก้าชั่วร้าย เขารอให้เฟิ่งชิงเฉินเดินไปถึงหน้าประตูก่อนแล้วค่อยกล่าวออกมา

ฮึ ใครใช้ให้นางเป็นห่วงเป็นใยหวังจิ่นหลิงจนเกินหน้าเกินตา โดยใช้ซีหลิงเทียนอวี่เป็นโล่กำบัง

“ส่งตัวไปแล้ว?” ร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินหยุดนิ่งทันที รีบหันกลับมาถามเสด็จอาเก้า

แม้เฟิ่งชิงเฉินจะอธิบายออกมาอย่างชัดเจน ทำให้หัวใจของเขารู้สึกผ่อนคลาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมให้เฟิ่งชิงเฉินเป็นห่วงเป็นใยหวังจิ่นหลิงถึงเพียงนี้

ยังดีที่หลังจากทานอาหารเสร็จ เสด็จอาเก้าไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป เขาเดินออกไปหาซีหลิงเทียนอวี่ เฟิ่งชิงเฉินจึงยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาด้วยความรู้สึกโล่งใจ

เบียดเบียนผลประโยชน์ของผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ซีหลิงเทียนอวี่ เจ้าต้องอดทนมากกว่านี้

“เจ้าเป็นอะไรงั้นหรือ?” เห็นอยู่ว่าหยุนเซียวแสร้งถามออกมา เฟิ่งชิงเฉินจ้องเขม็งไปที่เขาด้วยความโกรธ เบี่ยงเบนความสนใจของพวกอยากรู้อยากเห็นอย่างหยุนเซียวโดยการพูดออกมาว่า “เจ้ามาที่จวนเฟิ่งของข้าพอดี งั้นเรามาคุยเรื่องสำคัญกัน”

“เรื่องสำคัญอะไร?” หยุนเซียวถอยกลับเล็กน้อย ท่าทางดูระมัดระวังมากขึ้น

เขากลัวว่าเฟิ่งชิงเฉินจะถามเขาเกี่ยวกับเรื่องของหวังจิ่นหลิง เรื่องนี้ไม่ต้องพูดว่าเขารู้เกี่ยวกับมันมากน้อยแค่ไหน ต่อให้เขารู้เรื่องราวทั้งหมด เขาก็ไม่สามารถพูดออกมาได้

แสดงออกชัดเจนขนาดนี้ เฟิ่งชิงเฉินจ้องมองหยุนเซียวด้วยความดูถูก “เจ้าวางใจ ข้าจะไม่ถามเจ้าเกี่ยวกับเรื่องของหวังจิ่นหลิง และไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลหวัง เสด็จอาเก้าลงมือด้วยตัวเอง ไม่มีทางเกิดเรื่องกับหวังจิ่นหลิงอย่างแน่นอน ตระกูลหวังก็ไม่มีทางสร้างเรื่องให้ข้าลำบากใจได้” หากนางไม่มีความมั่นใจ นางคงไม่อยู่กับเสด็จอาเก้ามาได้นานถึงเพียงนี้

หยุนเซียวรู้สึกโล่งใจ เขานั่งลงและพูดว่า “เจ้ารู้ก็ดีแล้ว ตระกูลหวังต่อต้านบุคคลภายนอกเป็นอย่างมาก เรื่องของพวกเขา คนนอกไม่ควรสอดมือเข้าไปยุ่ง หากไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลหวัง มีเรื่องอันใดเจ้าพูดออกมาได้เลย หากต้องการความช่วยเหลือจากตระกูลหยุน เจ้าสามารถเอ่ยปากได้ตลอดเวลา”

หากรู้จักหยุนเซียวเป็นอย่างดี จะรู้ว่าแม้ว่าเขามักจะชอบพูดอะไรคลุมเครือและลึกลับ แต่เมื่อเขาซื่อสัตย์กับใครบางคน เขาจะตรงไปตรงมา และไม่มีทางหักหลังหรือเปลี่ยนใจเป็นอันขาด

“ข้ามาหาเจ้าแล้วจำเป็นต้องมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าเท่านั้นอย่างนั้นหรือ เจ้าเห็นว่าข้าเป็นคนเช่นไร เป็นตัวสร้างปัญหาอย่างนั้นหรือ” เฟิ่งชิงเฉินอารมณ์ไม่ดี แต่หลังจากนั้นนางก็รู้สึกเหมือนว่าตนเองเป็นผู้สร้างปัญหาอย่างแท้จริง

“มันก็ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก แต่สิ่งที่เรียกว่าปัญหามันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าคิดจะหลีกเลี่ยงแล้วมันจะสามารถหลีกเลี่ยงได้ เจ้าไม่สร้างปัญหา ปัญหามันก็จะเข้ามาหาเจ้าเอง มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ไม่มีใครสามารถอยู่ลำพังได้ และไม่มีใครสามารถหลุดพ้นกับปัญหาได้เช่นกัน” คำพูดนี้ไม่รู้ว่ากำลังปลอบใจเฟิ่งชิงเฉินหรือปลอบใจตนเองอยู่กันแน่ ชีวิตของพวกเขาเกี่ยวข้องกับปัญหาของผู้อื่นอย่างแท้จริง......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ