นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 868

สรุปบท บทที่ 868 เจ้าแพ้แน่ครานี้: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

ตอน บทที่ 868 เจ้าแพ้แน่ครานี้ จาก นางสนมแพทย์อัจฉริยะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 868 เจ้าแพ้แน่ครานี้ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet นางสนมแพทย์อัจฉริยะ ที่เขียนโดย อาช้าย เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ในอุทยานหลวง ลมหนาวพัดโชยมา จักรพรรดิรู้สึกหนาวไปทั่วร่างกาย สูดลมหายใจเข้า หยิบถ้วยชาขึ้นมาถือเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ฝ่ามือ ทำให้รู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายลงเล็กน้อย

เสด็จอาเก้ากะพริบตาเบา ๆ หยิบหมากสีดำขึ้นมาด้วยนิ้วอันเรียวยาว จากนั้นก็วางลงไปบนกระดานอย่างมั่นคง “จักรพรรดิ ท่านแพ้แล้ว!”

หลังจากวางหมากลงไป เสด็จอาเก้าเอนหลังเล็กน้อย ดูผ่อนคลาย แอบคำนวณอยู่ในใจว่าเวลานี้องค์รัชทายาทคงรวบตัวของพวกลั่วอ๋องเอาไว้แล้ว

เขาไม่ได้ต้องการให้องค์รัชทายาททำอะไรมากมาย ขอแค่องค์รัชทายาทอยู่ในจวนเฟิ่ง รั้งคนพวกนั้นเอาไว้ก็เพียงพอ ส่วนจักรพรรดิ? หวังว่าเขาจะไม่ทำอะไรเลยเถิด มิเช่นนั้นเขาจะกลายเป็นผู้มีความผิด

จักรพรรดิผ่อนคลายพระวรกายลงเล็กน้อย ยิ้มและกล่าวออกมาว่า “มิเจอกันนาน หมากล้อมของน้องเก้าพัฒนาขึ้นมาก”

ในตอนใกล้จบ ผลแพ้ชนะได้ออกมาอย่างชัดเจน จักรพรรดิไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด เพียงแค่......

มองมายังกระดานหมากล้อมและเบนหน้าหนี

ในตงหลิง ผู้ที่กล้าเล่นหมากล้อมชนะเขามีเพียงแค่ตงหลิงจิ่วผู้เดียวเท่านั้น และผู้ที่กล้าเอาชนะเขาด้วยตัวหมากเพียงตัวเดียวก็มีแค่ตงหลิงจิ่ว

“ช่วงนี้ข้าว่าง มิมีอะไรทำก็เล่นหมากล้อมทุกวัน หากมิสามารถเอาชนะได้ก็คงเป็นได้เพียงแค่เรื่องตลก” เสด็จอาเก้ากล่าวอย่างเฉียบขาด จักรพรรดิยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร ลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นซึ่งไม่มีอยู่บนร่างกายของเขา พูดกับเสด็จอาเก้าว่า “นี่ก็ดึกมากแล้ว อยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนข้าเถิด”

“ข้าขอน้อมรับคำสั่ง” เสด็จอาเก้าลุกขึ้นยืน แต่เขาไม่ได้มองไปยังจักรพรรดิ เขามองไปยังกำแพงของพระราชวัง

จักรพรรดิอยู่กับเสด็จอาเก้าทั้งวัน เขาต้องการควบคุมเสด็จอาเก้า ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องการควบคุมตัวเอง เวลานี้จักรพรรดิยังไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องที่องค์รัชทายาททำลงในจวนเฟิ่ง และไม่รู้ว่าตงหลิงจื่อลั่วถูกองค์รัชทายาทจับตัวไว้

แม้ว่าองค์รัชทายาทจะบ้าเกินไปหน่อย แต่เขาก็ไม่ได้บ้าถึงขั้นไม่สนใจอะไร เขาจับพวกของตงหลิงจื่อลั่วทั้งสามคนมัดเอาไว้ในลานของจวนเฟิ่ง ให้คนของตนเองเฝ้ายาม เพื่อป้องกันไม่ให้จักรพรรดิขุ่นเคืองคนของจวนเฟิ่ง

องค์รัชทายาทนั้นแข็งกร้าว แม้แต่ตงหลิงจื่อลั่วยังไม่เห็นอยู่ในสายตา แล้วเขาจะไปเห็นหวังจิ่นหลิงและหวังชีอยู่ในสายตาได้อย่างไร องค์รัชทายาทออกคำสั่งให้ปิดล้อมตระกูลหวังทั้งหมด นำตัวทุกคนออกไปในลาน หลังจากทำเรื่องราวเหล่านี้เสร็จสิ้น เขาถึงมีเวลาว่างไปหาซีหลิงเทียนอวี่

หลังจากทั้งสองกล่าวทักทายกันเป็นอันเรียบร้อย พวกเขาก็ไปยังสถานที่ผ่อนคลายเพื่อเล่นหมากรุกและดื่มชา เพลิดเพลินกับการพักผ่อนที่หาได้ยากยิ่ง ซีหลิงเทียนอวี่เห็นว่าองค์รัชทายาทเต็มไปด้วยความพึงพอใจ ไม่กังวลเกี่ยวกับผลที่จะตามมา เขาแอบนับถือเสด็จอาเก้าในใจ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ช่างยอดเยี่ยม มีเพียงตงหลิงจื่อลั่วผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถกระตุ้นองค์รัชทายาทได้ ทำให้องค์รัชทายาทละทิ้งความกังวลทั้งหมด และลงมืออย่างไม่ลังเล

คนของจวนเฟิ่งรู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดสงบลงแล้ว พวกเขาเดินออกมาจากมุมห้อง ภายใต้คำสั่งของพ่อบ้าน ทุกคนสงบสติอารมณ์ ทำใจให้สบาย และเริ่มทำความสะอาดจวนเฟิ่งอย่างเงียบ ๆ

พรุ่งนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ วันนี้พวกเขาจำเป็นต้องทำความสะอาดให้เรียบร้อย มิเช่นนั้นคงไม่สามารถข้ามผ่านเรื่องราวในปีนี้ไปได้ นอกจากทงจือที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุกคนร่วมกันเคลื่อนไหว ตี๋ตงหมิงเองก็พาสายลับมาเพื่อช่วยในการเคลื่อนย้ายสิ่งของ

ทุกสิ่งที่สามารถทุบและทำลายได้ในจวนเฟิ่งถูกองครักษ์เสื้อโลหิตทำลายจนสิ้นซาก สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือนำเศษที่แตกสลายเหล่านี้ออกไปทิ้ง หลังจากนั้นก็ทำการซื้อสิ่งของเข้ามาตกแต่งภายในใหม่อีกครั้ง

เรื่องทำความสะอาดถือเป็นเรื่องง่าย แต่การที่จะซื้อของตกแต่งที่จำเป็นทั้งหมดในระยะเวลาหนึ่งวันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย อีกอย่างจวนเฟิ่งไม่ได้ร่ำรวยหรือมีรายได้จากทางใด พวกเขาไม่มีกำลังมากพอที่จะทำการซื้อสิ่งของมากมายถึงขนาดนั้น และแผ่นกระดาษเงินที่พวกเขามีอยู่ก็ถูกองครักษ์เสื้อโลหิตฉีกทำลายไปด้วยเช่นกัน

แม้จะมีความสามารถแต่ก็ไม่สามารถทำหน้าที่ให้สำเร็จได้หากมีเงื่อนไขบางอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่มีเงินแล้วจะทำเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร? ในช่วงเวลาที่พ่อบ้านกำลังเป็นทุกข์ ซูเหวินชิงเข้ามาบอกกับพ่อบ้านว่าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงิน สิ่งของที่จวนเฟิ่งต้องการ เขาจะเป็นคนนำมันมาให้เอง ส่วนเรื่องเงิน ไว้เข้าจะไปคุยกับเฟิ่งชิงเฉินภายหลัง

ไม่ใช่ว่าจวนเฟิ่งไม่มีเงิน เพียงแค่เงินยังมาไม่ถึงมือเท่านั้น ยาป้องกันการแท้งบุตรของตระกูลหยุนขายดีเสียขนาดนั้น ขายหมดตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด ราวกับถูกปล้นสะดม

“พวกเจ้าควรรู้ว่าเจ้านายของพวกเจ้าคือใคร เวลานี้ข้าคือเจ้านายของพวกเจ้า ข้าเฟิ่งชิงเฉินไม่ต้องการคนที่ไม่ฟังคำสั่ง” ท่าทางของเฟิ่งชิงเฉินดุร้าย ทำให้สาวใช้ทั้งสองไม่กล้าต่อต้านหรือขัดขืน

สาวใช้ทั้งสองมองหน้ากัน กัดฟัน คุกเข่า ก้มหัวแล้วกล่าวว่า “พวกข้าผิดไปแล้ว พวกข้าจะปฏิบัติตามคำสั่ง”

เวลานั้นเฟิ่งชิงเฉินถึงรู้สึกพอใจและเก็บสายตาอันดุร้ายของนาง พูดออกมาอีกครั้งก่อนจากไปว่า “จดจำสถานะของตนเองให้ดี และจดจำว่าตนเองมีหน้าที่ต้องทำอะไร”

“ข้าเข้าใจแล้ว” สาวใช้ไม่กล้าขัดคำสั่ง ดูแลหวังจิ่นหานอยู่ในห้องผ่าตัดอย่างเชื่อฟัง

นอกห้องผ่าตัด มีคนคอยเฝ้าประตูอยู่ ทันทีที่เห็นเฟิ่งชิงเฉินเดินออกมา พวกเขาก็รับเข้ามาทันที “คุณหนู”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เฟิ่งชิงเฉินเดินออกมา บอกให้พวกเขาเฝ้าประตูและดูแลหวังจิ่นหานต่อไป ส่วนนางรีบเดินไปยังห้องโถงทันที

ผู้เฝ้าประตูที่พูดกับเฟิ่งชิงเฉินในตอนแรกเดินตามหลังนางมา เล่าเรื่องที่คนตระกูลหวังเดินทางมา เล่าเรื่องตงหลิงจื่อลั่วพาองครักษ์เสื้อโลหิตมาข่มขู่ เล่าเรื่ององค์รัชทายาทสังหารเหล่าองครักษ์เสื้อโลหิตให้กับเฟิ่งชิงเฉินฟังคร่าว ๆ

“ข้าเข้าใจแล้ว พาข้าไปหาองค์รัชทายาท” เฟิ่งชิงเฉินสูดลมหายใจเข้าด้วยท่าทางที่ไร้ความรู้สึก

ภายใต้การนำทางของผู้เฝ้าประตู เฟิ่งชิงเฉินเดินทางไปยังลานที่ซีหลิงเทียนอวี่พักอาศัยอยู่ เมื่อเห็นจวนเฟิ่งอันเป็นที่รักของนางอยู่ในสภาพยุ่งเหยิง สวนที่ถูกตกแต่งด้วยหินล่ำค่า ภูเขาจำลองที่สร้างขึ้นมา รวมถึงต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมดถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดี

ชั่วพริบตา จวนเฟิ่งกลับไปมีสภาพเหมือนปีที่แล้ว มีกลิ่นอายของความทรุดโทรมและเหี่ยวเฉาไปทั่วทุกหนทุกแห่ง......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ