จุดประสงค์ของหนานหลิงจิ่นสิงนั้นชัดเจนมาก แม้แต่เฟิ่งชิงเฉินอยากแสร้งทำเป็นไม่รู้ก็คงไม่ได้ หากเป็นในอดีต นางคงเหนื่อยและเบื่อกับการถูกใช้แบบนี้ แต่หลังจากได้เห็นความขัดแย้งภายในตระกูลหวัง เฟิ่งชิงเฉินก็เข้าใจว่าทุกคนล้วนไม่อาจเลือกได้ตามใจตน
ตัวตนของหนานหลิงจิ่นสิง ทำให้เขาต้องต่อสู้ หากเขาไม่สู้ จุดจบคือความตาย อีกอย่างเขาเดินทางกลับมาถึงหนานหลิงอย่างยากเย็น จะไม่ให้เขาต่อสู้ได้อย่างไร
หากความคิดของทุกคนเรียบง่ายเหมือนซือสิง โลกนี้ก็คงจะตกอยู่ในความโกลาหล เฟิ่งชิงเฉินปฏิบัติต่อซูโหรวอย่างแปลกแยก แต่นางยังคงปฏิบัติต่อหนานหลิงจิ่นสิงดังเดิม
หลังจากสนทนากันเล็กน้อยแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ให้คนรับใช้ของนางเชิญซูโหรวไปยังห้องโถงดอกไม้ ส่วนตนพาหนานหลิงจิ่นสิงไปแนะนำให้รู้จักกับซีหลิงเทียนอวี่เป็นการส่วนตัว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นระหว่างพวกเขานั้น เฟิ่งชิงเฉินไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับมัน จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ทั้งสองจะไม่มีใครเสียเปรียบแน่
น้อยนักที่จะมีสตรีเดินทางมาจวนเฟิ่ง ห้องโถงดอกไม้ของจวนเฟิ่งก็ไม่ค่อยได้ใช้ ซูโหรวนั่งอยู่ที่นั่นค่อนข้างไม่สบายใจ เฟิ่งชิงเฉินจงใจส่งเสียงดังขึ้นที่ประตู ซูโหรวมองหันกลับไปแล้วลุกขึ้นทันที "คุณหนูเฟิ่ง"
ท่าทางที่ดูถ่อมตน ทำให้เฟิ่งชิงเฉินต้องป้องกันตัวเอาไว้
“คุณหนูซูโหรวไม่ต้องมากพิธี นั่งลงเถิด" เมื่อเทียบกับซูโหรวแล้ว ท่าทางของเฟิ่งชิงเฉินดูเปิดกว้างกว่า นางทำท่าทางดั่งสตรีผู้สูงศักดิ์ ซูโหรวรู้สึกคลุมเครือ
ซูโหรวไม่สนใจ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางเผยออกมาเล็กน้อย "คุณหนูเฟิ่ง ข้าขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งก่อน ข้าเองก็ไม่อาจเลือกได้ในตอนนั้น”
ซูโหรวรู้ถึงนิสัยของเฟิ่งชิงเฉินจากหนานหลิงจิ่นสิงแล้ว ดังนั้นนางจึงเอ่ยตรงไปตรงมาทันทีที่นางมาถึง
“คุณหนูซูโหรวเกรงใจกินไปแล้ว ก็แค่เรื่องเล็กน้อย" ครั้งก่อน? หมายถึงการแข่งขันหรืออะไร?
แน่นอนว่าซูโหรวไม่ได้หมายถึงการแข่งขันทักษะการแพทย์ นางมั่นใจมากในความสามารถการสะกดจิตของตน และนางยังมั่นใจว่านางไม่ได้เปิดเผยข้อบกพร่องใดออกมา ดังนั้นคำพูดของซูโหรวจึงไม่มีความหมายเลย
เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะเย้ยหยัน ซูโหรวกล่าวได้ไพเราะจริงๆ นางเอ่ยขอโทษออกมาแต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องอะไรเป็นพิเศษ เมื่อถึงเวลาอาจง่ายที่จะปฏิเสธ
"คุณหนูเฟิ่งไม่ถือสาก็เป็นดี นี่เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่ข้าเตรียมไว้ คุณหนูเฟิ่งลองดูว่าชื่นชอบหรือไม่" ซูโหรวหยิบกล่องผ้าทอออกมาวางบนโต๊ะ
ทั้งขอโทษ ทั้งของขวัญ เฟิ่งชิงเฉินไม่เข้าใจว่าทำไมซูโหรวถึงทำตัวถ่อมตนเช่นนี้
เฟิ่งชิงเฉินเปิดกล่องผ้าทอออก มีขวดหยกสีเขียวมรกตขวดเล็ก ๆ อยู่ในกล่องผ้านั้น ขวดหยกมีขนาดประมาณนิ้วหัวแม่มือ มีความแวววาวดูนุ่มนวล เมื่อมองแวบแรกก็รู้ว่ามีราคา
"สวยมาก ข้าชอบมัน ขอบใจแม่นางซูโหรว" ของขวัญต้องรับไว้ แต่แค้นก็ต้องชำระเช่นกัน นี่คือสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินได้เรียนรู้จากเสด็จอาเก้า ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับซูโหรวเป็นเรื่องยากที่จะพูด ตราบใดที่ซูโหรวยังไม่เข้าวัง พวกนางยังคงเป็นคู่แข่งกัน นางยินดีที่จะปล่อยซูโหรวไป แต่ซูรูอาจไม่เต็มใจปล่อยนางไป
ซูโหรวถอนหายใจด้วยความโล่งอก รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็สดใสขึ้นอีกครั้ง "ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ ข้ากังวลว่าคุณหนูเฟิ่งจะไม่ชอบมัน แต่ตอนนี้เมื่อข้าเห็นว่าคุณหนูเฟิ่งชอบ ข้าจึงรู้สึกโล่งใจ
“คุณหนูเฟิ่งไม่ทราบหรอก ข้าได้ยินองค์ชายจิ่นสิงกล่าวตอนในหนานสิงว่าคุณหนูเฟิ่งไม่เพียงเป็นคนดีเท่านั้น แต่ยังเก่งเรื่องยาอีกด้วย ข้าก็อยากรู้จักยิ่งนัก สตรีแบบใดกันที่มีความสามารถเก่งกาจเพียงนี้ หากได้เจอสักครั้งในชีวิตนี้ ข้ายอมตายก็ไม่เสียใจ”
พี่ชิงเฉินคงไม่รู้หรอกว่าทั้งเรื่องพิณ หมากรุก การเขียนตัวอักษรและภาพวาด ทักษะเหล่านี้ของพี่หว่านหว่านล้วนได้รับการสั่งสอนจากปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงในหนานหลิง ไม่มีใครสามารถเอาชนะนางได้ ข้าจึงคิดไม่ถึงว่าพี่ชิงเฉินจะเก่งกว่านาง”
ด้วยดวงตาอันน่ารักและน้ำเสียงที่ไร้เดียงสา นางเปลี่ยนการเรียกจากคุณหนูเฟิ่งเป็นพี่ชิงเฉิน ต้องบอกว่าแม่นางซูโหรวนั้นไม่ได้ว่านอนสอนง่ายและน่ารักอย่างที่เห็นภายนอก
หากเป็นในอดีต เฟิ่งชิงเฉินคงจะกล่าวอย่างไม่ไว้หน้าว่า "อย่าเรียกข้าว่าพี่ชิงเฉิน ข้าไม่มีน้องสาว" แต่ตอนนี้ซูโหรวเรียกนางอย่างนี้นางก็ปล่อยให้เรียกไป เพราะนางไม่ได้เสียอะไรสักหน่อย
นอกจากนี้ อีกฝ่ายจะได้เป็นสนมของจักรพรรดิในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ตามสถานะของนางในฐานะบุตรสาวของตระกูลซูในหนานหลิง ถึงอย่างไรก็เป็นสนมได้แน่ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่นางจะให้จักรพรรดิหันมาเข้าข้างนาง นางไม่อยากให้จักรพรรดิถูกซูโหรวเป่าหูยามนอนข้างหมอน เพื่อให้จักรพรรดิเกลียดนางอีก และอาจให้คนบุกเข้ามาฆ่านางก็เป็นได้
เฟิ่งชิงเฉินกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า"น้องซูโหรวช่างเกรงใจยิ่งนัก คุณหนูซูหว่านมีพรสวรรค์ ชิงเฉินชื่นชมเป็นอย่างมาก ชิงเฉินสามารถเอาชนะคุณหนูซูหว่านได้เพราะโชค แต่เรื่องมารยาท ศิลปะการต่อสู้และทักษะทางการแพทย์ ชิงเฉินล้วนแพ้นาง”
"นั่นเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ พี่ชิงเฉินมีกิริยาท่าทางที่อ่อนช้อย ท่าทีโดดเด่น ไม่จำเป็นต้องแข่งขันก็รู้ได้ว่าพี่ชิงเฉินไม่ได้แย่ไปกว่าองค์หญิงเลย นอกจากนี้ เมื่อกล่าวถึงการแพทย์และศิลปะการต่อสู้ ใครก็รู้ว่าพี่ชิงเฉินมีมือวิเศษคู่ที่ช่วยรักษาดวงตาคุณชายใหญ่ และอาการเจ็บป่วยของคุณชายชุยได้”
พี่ชิงเฉินมีมือวิเศษที่สามารถรักษาโรคได้ทุกโรค ทั้งยังสามารถฝึกม้าที่ดุร้ายได้ ถึงตอนนี้ สตรีชั้นสูงทั้งหลายยังคงกล่าวถึงการที่ท่านฝึกม้าสีโลหิตในสนามประลองครั้งนั้นไม่ขาดปาก” ซูโหรวดูเหมือนว่ากำลังไม่พอใจที่เฟิ่งชิงเฉินแพ้ แต่เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่านางกำลังลองเชิง
ดูเหมือนว่าการแข่งขันขี่ม้าและยิงธนูหลังฤดูใบไม้ผลิจะมีความสำคัญต่อซูโหรวมาก ทว่าทุกคนก็รู้ว่าทักษะการขี่ม้าของเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่ธรรมดา
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่ดูเร่าร้อนของซูโหรว เฟิ่งชิงเฉินจึงได้เพียงยิ้มไม่ได้พูดอะไร นางชี้ไปที่จานผลไม้บนโต๊ะ "น้องซูโหรวลองชิมสิ นี่คือผลไม้แห้งระดับพิเศษที่จวนข้าทำออกมา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...