เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่เต็มใจที่จะรักษาฝู่หลินมากนัก แล้วก็โดนหมอหลวงพวกนนี้บังคับ ในใจยิ่งโกรธเข้าไปอีก
ยิ่งหมอหลวงเหล่านี้ไม่ต้องการให้เธอมารักษาอาการบาดเจ็บที่ขาของฝู่หลิน แต่เป็นการเอาเธอมาเป็นตัวแทนตัวตายและมารับโทษแทนหมอหลวงพวกนี้
เมื่อเห็นการแสดงออกของหมอหลวง สามารถมั่นใจได้ว่าครั้งนี้ไม่ใช่เสด็จอาเก้าทรยศต่อเธอ แต่เธอกลับถูกหมอหลวงเหล่านั้นผลักออกมาเป็นตัวแทนตัวตาย
เฟิ่งชิงเฉิน กล่าวกับฝูงชนด้วยรอยยิ้มที่ไม่ใส่ใจ: "ขอบคุณผู้อาวุโสทุกท่านสำหรับความรักนี้ ชิงเฉิน จะทำตามความคาดหวังที่สูงของผู้อาวุโสทุกท่านอย่างแน่นอน ข้าไม่รู้ว่าผู้อาวุโสคนใดสามารถบอกชิงเฉินเกี่ยวกับสถานการณ์ของนายท่านฝู่ได้บ้าง"
"ข้าน้อยไม่เก่งอาการบาดเจ็บ สถานการณ์ของนายท่านฝู่ ขอเชิญคุณเฟิ่งตรวจสอบด้วยตัวเองเถอะ เพื่อไม่ให้พลาดสิ่งใดที่จะส่งผลต่อการรักษาของคุณเฟิ่ง" ไม่ว่าหมอหลวงเหล่านี้จะไม่เข้ากันแค่ไหน ตอนนี้ยังไงก็ร่วมใจกัน เมื่อเผชิญหน้ากับเฟิ่งชิงเฉิน ก็ปิดข่าวอย่างไม่มีร่องรอย ไม่ยอมเอาตัวเองไปเสี่ยง
“หมอหลวงเหลียงพูดถูก ข้าน้อยจะไม่รบกวนคุณเฟิ่งแล้วล่ะ ข้าน้อยรู้ว่าในระหว่างที่คุณเฟฟิ่งทำการรักษา ไม่ชอบคนนอกอยู่ด้วย ข้าน้อยจะออกไปเดี๋ยวนี้” ชายชราเดินออกไปและพูดอย่างสุภาพ หลังจากพูดไม่กี่คำ เขาก็เป็นผู้นำและเดินออกไปราวกับว่ามีคนไล่เขาออกไป
“ถ้าหมอหลวงถันไม่พูดพวกข้าก็คงลืมไปเลย คุณเฟิงข้าน้อยไม่รบกวนเจ้าแล้ว ข้าน้อยจะรอที่ห้องถัดไป ถ้าเจ้าต้องการอะไร เจ้าสามารถสั่งเภสัชไปเรียกได้” หมอหลวงเหลียงยิ้มอย่างใจดี ถ้าคนที่ไม่รู้ก็คงคิดว่าขานั้นเป็นคนที่เอ็นดูรุ่นหลาน
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้พูดอะไร พยักหน้าใส่หมอหลวงเหลียงหมอหลวงถัน ราวกับว่าเธอไม่สนใจพฤติกรรมของทุกคนที่ผลักเธอออกไป
มีหมอหลวงสองคนนำหน้า เฟิ่งชิงเฉิงไม่ได้ขัดแย้ง แน่นอนคนอื่นๆก็ไม่อยู่ต่อเหมือนกัน สองในสามของหมอหลวงหลายสิบคนในห้องออกไปในทันที พวกเขาก็ไม่อยากทำแบบนี้ แต่ว่าชีวิตทั้งตระกูลนั้นสำคัญกว่า แน่นอนพวกเขาต้องเลือกให้เฟิ่งชิงเฉิงอยู่
มีอีกสามคนที่ไม่ได้จากไป พวกเขามองไปที่เฟิ่งชิงเฉินอย่างแน่วแน่ มีการต่อสู้และความกังวลในสายตาของพวกเขา แต่พวกเขายังคงยืนหยัดอยู่กับที่ ทั้งสามคนนี้ยืนอยู่ตรงมุมห้อง ถ้าไม่ใช่ว่าคนในห้องออกไปหมดเฟิ่งชิงเฉิงคงไม่เห็นตัวพวกเขา
“พวกเจ้าไม่ออกไปเหรอ” เฟิ่งชิงเฉินวางกล่องยาไว้ข้างเตียงของฝู่หลิน แล้วลากเก้าอี้มาเพื่อวางอุปกรณ์อย่างสะดวก
ทั้งสามมองหน้ากันแล้วพยักหน้าอย่างหนักแน่น: "พวกข้าไม่ไป พวกข้าเป็นหมอ"
"พวกเจ้ามีความสามารถที่จะช่วยนายท่านฝู่ได้เหรอ" เฟิ่งชิงเฉินหยุดชั่วคราว เงยหน้าขึ้นมองทั้งสามคน แววตาเย้ยหยัน
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ชื่นชมสามคนนี้ บางครั้ง ความกล้าหาญและความยุติธรรมที่ไร้ความสามารถก็ไม่เพียงพอและความยุติธรรมก็กินไม่ได้ด้วยเช่นกัน
“ไม่มี” ทั้งสามก้มหน้าลงและจ้องที่ปลายรองเท้า
แน่นอน เฟิ่งชิงเฉินเปิดกล่องยาอย่างรวดเร็ว และรีบหยิบอุปกรณ์ยาออกมาใช้ทีละชิ้น หลังจากที่เธอหยิบของต่างๆ ขึ้นมา สวมเสื้อคลุมสีขาว แขวนหน้ากาก และมัดผมของเธอ ถึงมีอารามณ์พูดกับทั้งสามคนว่า: "ในเมื่อพวกเจ้าไม่มีความสามารถที่รักษานายท่านฝู่ได้ งั้นก็ออกไป อยู่ที่นี่รอตายทำไม"
“เราจะทิ้งคุณเฟิ่งไว้ที่นี่คนเดียวไม่ได้ เราต้องเดินไปด้วยกัน” ชายในชุดสีเทาอายุประมาณสามสิบปีกำหมัดแน่นและพูด ดูเหมือนเป็นผู้ส่งสารแห่งความยุติธรรม
เฟิ่งชิงเฉิน เย้ยหยัน: "พวกเจ้าอยู่แล้วทำไม ถ้าหากข้าสามารถช่วยนายท่านฝู่ได้ ไม่สำคัญว่าพวกเจ้าจะอยู่หรือไม่ ยังไงผลดีก็เป็นของพวกเจ้า จะมีผลดีล้นเหลือที่พวกเจ้าเท่าไหร่นั้นก็ต้องดูความสามารถพวกเจ้าแล้ว ถ้าข้าไม่สารมารถช่วยนายท่านฝู่ได้ พวกเจ้าทั้งสามจะตายเปล่าๆ"
"พวกข้าไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น เราแค่ไม่ชอบคนพวกนั้น ผลักผู้หญิงคนนึงให้มารับโทษแทน และให้พวกข้าต้องเผชิญหน้ากับการที่ผู้หญิงต้องตัดหัวคนเดียว พวกข้าทำไม่ได้จริงๆ" คนข้างซ้ายก็พูดอย่างชอบธรรมด้วยสายตาที่ดูเหมือนจะเป็นนักเรียน
เฟิ่งชิงเฉิงยอมที่จะพูดคุยกับคนนอกพวกนั้นก็ไม่ยอมที่จะต้องคุยกับเด็กนักเรียนที่งี่เง่าเช่นนี้ คนที่อยู่ข้างนอก เฟิ่งชิงเฉินยังสามารถเดาได้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่แล้วสามคนที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาล่ะ?
พวกเขาตรงไปตรงมาเกินไปหรือพูดได้ว่าโง่ที่อ่านหนังสือปราชญ์ เฟิ่งชิงเฉินไม่เคยเป็นคนแบบนี้ ดังนั้นเธอจึงไม่เข้าใจพฤติกรรมของทั้งสามคนนี้ และเธอไม่สามารถรู้สึกถึงความยุติธรรมของทั้งสามคนนี้ได้ มันเหนื่อยที่ต้องรับมือกับคนที่ไม่จริงจังกับชีวิตตัวเอง ดังนั้น...
"พวกเจ้าออกไปเถอะ ถ้านายท่านฝู่เป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า" เฟิ่งชิงเฉินชี้ไปที่ประตู ไล่ผู้คนออกไปอย่างหยาบคาย
ใบหน้าของหมอหลวงหนุ่มทั้งสามแดงก่ำ และพวกเขาส่ายหัวอย่างแน่วแน่: "ทำสิ่งนี้ได้อย่างไร พวกข้าปล่อยให้เจ้าอยู่คนเดียวไม่ได้ นายท่านฝู่คือผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาโดยพวกข้าหมอหลวงหลายคน พวกข้าควรรับผิดชอบกับอุบัติเหตุต่างๆ นั้นด้วย จะปล่อยให้รับผิดชอบคนเดียวได้ยังไง”
“แต่ถ้าพวกเจ้าอยู่ต่อแล้วจะช่วยอะไรได้ พวกเจ้าช่วยข้าไม่ได้ อยู่ที่นี่มีแต่จะขวางทาง ถ้าอยากจะรับผิดชอบร่วมกันก็ยิ่งไม่จำเป็น หมอสำหรับคนไข้นั้นคือผู้เดียวที่จะช่วยชีวิตตัวเอง ถ้าสามารถหลีกเลี่ยงคนตายให้น้อยลงก็หลีกเลี่ยง ถ้านายท่านฝู่เป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ข้าตายคนเดียวก้พอแล้วจะลากคนอื่นลงน้ำอีกทำไม”
ไม่ใช่ว่าเธอใจกว้าง แต่เป็นเธอเห็นแก่ตัว
แต่เพราะคำพูดจาที่เห็นแก่ตัวแบบนี้เองทำให้หมอหลวงทั้งสามก้มหน้าด้วยความละอายใจ: "คุณเฟิ่ง พูดถูก หมอมีความสำคัญต่อผู้ป่วยมาก เราไม่สามารถเอาความตายมาล้อเล่นได้ คุณเฟิ่งเราไม่เก่งเท่าเจ้า ”
พวกเขาอยู่ในโรงพยาบาลหมอหลวงมาเป็นเวลานานและพวกเขาคิดอยู่เสมอว่าจะปัดความรับผิดชอบอย่างไรและจะลากคนลงน้ำได้อย่างไร พวกเขาไม่เคยคิดว่าถ้าคน ๆ หนึ่งรับผิดชอบ คนอื่น ๆ จะสามารถรอดชีวิตได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...