ฝู่หลินไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมา แต่สิ่งที่น่ายินดีก็คือบาดแผลและอาการของฝู่หลินนั้นไม่ได้แย่ลง วันนี้ภายใต้การสั่งสอนของเฟิ่งชิงเฉิน หมอหลวงทั้งสามใช้เวลาหมกมุ่นอยู่กับการเล่าเรียน และเห็นอาการป่วยของฝู่หลินเป็นเพียงเรื่องรอง
ภายใต้การแสดงออกดังกล่าวของเฟิ่งชิงเฉิน วันนี้ไม่ใช่วันที่น่าเบื่อ นางชอบพูดคุยกับคนที่อยู่ในสายอาชีพเดียวกัน การพูดคุยถึงปัญหาและแนวคิดกับบุคคลที่อยู่ในสายอาชีพเดียวกันทำให้ตนเองมีความคิดที่กว้างขึ้น หากเป็นเช่นนี้นางสามารถมาอยู่ที่จวนฝู่ได้ทุกวัน และนางก็ไม่สนใจเรื่องของการเดินทาง
พูดคุยกับคนในสายอาชีพเดียวกันแตกต่างจากการพูดคุยกับเสด็จอาเก้าและพวกของคุณชายใหญ่โดยสิ้นเชิง นางเป็นหมอ ต้องการเพื่อนที่เป็นหมอ ไม่อย่างนั้นเมื่อนางไปถึงทางตันจะมีแต่ทำให้ทักษะทางการแพทย์ของนางแย่ลง และไม่มีวันก้าวหน้าตลอดไป
ยิ่งไปกว่านั้น สามารถเข้าไปเป็นหมอหลวงในพระราชวังได้ ทักษะทางการแพทย์ของพวกเขาต้องไม่ธรรมดา เฟิ่งชิงเฉินได้เรียนรู้อะไรมากมายจากพวกเขา
ท้องฟ้ามืดลง เฟิ่งชิงเฉินกล่าวลาหมอหลวงทั้งสาม ทั้งสามคนล่ำลาโดยไม่เต็มใจ ปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินนั่งรถม้ากลับจวน
เนื่องจากเฟิ่งชิงเฉินเป็นผู้หญิง ต่อให้จักรพรรดิเป็นห่วงฝู่หลินมากเพียงใด โกรธเคืองฝู่หลินมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถสั่งให้เฟิ่งชิงเฉินค้างคืนที่จวนฝู่ได้ ไม่เช่นนั้นเสด็จอาเก้าคงบุกเข้าไปในพระราชวัง ถึงเวลาจักรพรรดิคงไม่น่าดูเท่าไหร่นัก
ส่วนหมอหลวงทั้งสาม พวกเขายังต้องเฝ้าอยู่ที่นี่อีกหนึ่งคืน หลังจากมีคนมาเปลี่ยนพวกเขาในวันพรุ่งนี้ พวกเขาถึงจะสามารถกลับบ้านได้
หลังจากเฟิ่งชิงเฉินกลับมาถึงจวนและทานอาหารเย็นเป็นอันเรียบร้อย นางอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เข้าไปจัดการธุระบางอย่างในห้องหนังสือ เมื่อใกล้ยามเที่ยงคืน ภายใต้การดูแลของสาวใช้สายลับทั้งสอง นางนั่งรถม้าเพื่อเดินทางไปยังเรือนกระจก
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกผิดเล็กน้อยกับการออกมาพบกับเพศตรงข้ามในยามค่ำคืนเป็นการส่วนตัว ด้วยนิสัยขี้หึงของเสด็จอาเก้า หากเขารู้เรื่องนี้ขึ้นมา ฉากต่อไปของนางคงอนาถน่าดู
เวลานี้เฟิ่งชิงเฉินหวังว่าคำเตือนของนางจะเป็นผล ขออย่าให้สายลับและสาวใช้ของนางนำเรื่องนี้ไปรายงานกับเสด็จอาเก้าเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นนางคงต้องเจอดีแน่
เฮ้อ......เสรีภาพและความเสมอภาคนั้นถูกต้อง แต่นางออกมาพบกับชายเป็นการส่วนตัวในยามค่ำคืน ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นคนผิดก่อน แต่สิ่งที่ตงหลิงจิ่วร้องขอเป็นเพียงแค่อาหารมื้อเดียว นางเองก็ไม่อยากปฏิเสธ นางทำได้เพียงหวังว่าช่วงนี้เสด็จอาเก้ายุ่งมาก ยุ่งจนลืมว่ามีนางอยู่ไปได้เลยก็ดี
เฟิ่งชิงเฉินออกเดินทาง แน่นอนว่าตงหลิงจิ่วต้องมาถึงก่อน ในห้องลับของตระกูลซู หลังจากตงหลิงจิ่วจัดการเรื่องของทหารม้าทมิฬเป็นที่เรียบร้อย เขาก็เริ่มออกมาเดินทาง
“ทางด้านเรือนกระจก ทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?” ก่อนออกเดินทาง ตงหลิงจิ่วหันมาถามอีกครั้ง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขานับพบกับเฟิ่งชิงเฉิน เขาต้องการสร้างความทรงจำอันลึกซึ้งให้กับเฟิ่งชิงเฉิน อย่าน้อยก็ห้ามทำให้เฟิ่งชิงเฉินเกลียดเขาหรือหาว่าเขาสะเพร่า
ซูเหวินชิงพยักหน้า “ทุกอย่างถูกเตรียมไว้เรียบร้อย แต่.....จิ่วชิง เจ้าจะเลือกเรือนดอกไม้จริงงั้นหรือ? หากเกิดเรื่องมิคาดคิดขึ้น เจ้าจะทำเช่นไร?”
“มิมีทางเกิดเรื่องไม่คาดคิด” ตงหลิงจิ่วกล่าวอย่างหนักแน่น
“แต่เจ้าแพ้เกสรดอกไม้” ปากของซูเหวินชิงกล่าวว่าเป็นห่วง แต่ในใจเขากลับรู้สึกมีความสุขหากเกิดเรื่องไม่คาดฝัน
แม้ว่าเขาไม่กล้าทำให้เรื่องเสียหาย แต่เมื่อเขาจินตนาการถึงเวลาที่ตงหลิงจิ่วกระสับกระส่ายเนื่องจากแพ้เกสรดอกไม้ เขาก็คิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ไม่เลว
“ข้าเองก็เคยอยู่ที่อุทยานหลวงมาก่อน” ตงหลิงจิ่วมองไปที่สายตาของซูเหวินชิง หากเขาปล่อยให้ซูเหวินชิงเป็นคนจัดการ เขาจะบอกกับซูเหวินชิงได้อย่างไรว่าเขากำลังไปทานอาหารมื้อค่ำกับเฟิ่งชิงเฉินที่เรือนกระจก
“มันไม่เหมือนกัน ทุกครั้งที่เจ้าอยู่ในอุทยานหลวง เจ้าจะเลือกสถานที่ซึ่งห่างไกลจากดอกไม้ที่สุด ครั้งนี้ร่างกายของเจ้าต้องตกอยู่ในดงดอกไม้ ต่อให้เจ้าใช้ยาที่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีมอบให้เจ้า ข้าก็คิดว่ามันคงไม่ได้มีผลดีขึ้นเพียงนั้น
ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเป็นคนบอกเจ้าเองว่ายานี้มิใช่ยาครอบจักรวาล แม้จะสามารถระงับกลิ่นดอกไม้และดอกไผ่ที่อยู่บนร่างกายของเจ้าได้ แต่หากกลิ่นมันรุนแรงเกินไป มันก็อาจทำให้มิเกิดผล จิ่วชิง เจ้ามิควรทำเรื่องที่มิควรจะเกิดขึ้น ข้าว่าเจ้าเปลี่ยนสถานที่จะดีกว่า เหตุใดต้องเป็นเรือนกระจกด้วย แค่ทานอาหาร ที่ไหนก็ได้มิใช่หรือไง” ซูเหวินชิงเตือนออกมาด้วยความหวังดี แต่ตงหลิงจิ่วปฏิเสธออกไปโดยไม่คิด
“ข้าได้เตรียมตัวไว้เป็นอย่างดีแล้ว มิมีทางแพ้เกสรดอกไม้เป็นอันขาด” ตงหลิงจิ่วมีถุงยาระงับกลิ่นดอกไม้อยู่บนร่างกาย ระงับกลิ่นไผ่จาง ๆ บนร่างกายของเขา
กลิ่นไผ่บนร่างกายของเสด็จอาเก้าคือสิ่งที่พวกเขาจงใจสร้างขึ้นมา เพื่อบอกให้คนที่เข้าใกล้เสด็จอาเก้าได้รู้ว่า หากได้กลิ่นไผ่บนร่างกายก็รับรู้ได้ว่าเป็นเสด็จอาเก้า ส่วนตงหลิงจิ่ว ร่างกายของเขาไม่มีทางมีกลิ่นที่เหมือนกับเสด็จอาเก้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...