นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 919

ฝู่หลินไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมา แต่สิ่งที่น่ายินดีก็คือบาดแผลและอาการของฝู่หลินนั้นไม่ได้แย่ลง วันนี้ภายใต้การสั่งสอนของเฟิ่งชิงเฉิน หมอหลวงทั้งสามใช้เวลาหมกมุ่นอยู่กับการเล่าเรียน และเห็นอาการป่วยของฝู่หลินเป็นเพียงเรื่องรอง

ภายใต้การแสดงออกดังกล่าวของเฟิ่งชิงเฉิน วันนี้ไม่ใช่วันที่น่าเบื่อ นางชอบพูดคุยกับคนที่อยู่ในสายอาชีพเดียวกัน การพูดคุยถึงปัญหาและแนวคิดกับบุคคลที่อยู่ในสายอาชีพเดียวกันทำให้ตนเองมีความคิดที่กว้างขึ้น หากเป็นเช่นนี้นางสามารถมาอยู่ที่จวนฝู่ได้ทุกวัน และนางก็ไม่สนใจเรื่องของการเดินทาง

พูดคุยกับคนในสายอาชีพเดียวกันแตกต่างจากการพูดคุยกับเสด็จอาเก้าและพวกของคุณชายใหญ่โดยสิ้นเชิง นางเป็นหมอ ต้องการเพื่อนที่เป็นหมอ ไม่อย่างนั้นเมื่อนางไปถึงทางตันจะมีแต่ทำให้ทักษะทางการแพทย์ของนางแย่ลง และไม่มีวันก้าวหน้าตลอดไป

ยิ่งไปกว่านั้น สามารถเข้าไปเป็นหมอหลวงในพระราชวังได้ ทักษะทางการแพทย์ของพวกเขาต้องไม่ธรรมดา เฟิ่งชิงเฉินได้เรียนรู้อะไรมากมายจากพวกเขา

ท้องฟ้ามืดลง เฟิ่งชิงเฉินกล่าวลาหมอหลวงทั้งสาม ทั้งสามคนล่ำลาโดยไม่เต็มใจ ปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินนั่งรถม้ากลับจวน

เนื่องจากเฟิ่งชิงเฉินเป็นผู้หญิง ต่อให้จักรพรรดิเป็นห่วงฝู่หลินมากเพียงใด โกรธเคืองฝู่หลินมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถสั่งให้เฟิ่งชิงเฉินค้างคืนที่จวนฝู่ได้ ไม่เช่นนั้นเสด็จอาเก้าคงบุกเข้าไปในพระราชวัง ถึงเวลาจักรพรรดิคงไม่น่าดูเท่าไหร่นัก

ส่วนหมอหลวงทั้งสาม พวกเขายังต้องเฝ้าอยู่ที่นี่อีกหนึ่งคืน หลังจากมีคนมาเปลี่ยนพวกเขาในวันพรุ่งนี้ พวกเขาถึงจะสามารถกลับบ้านได้

หลังจากเฟิ่งชิงเฉินกลับมาถึงจวนและทานอาหารเย็นเป็นอันเรียบร้อย นางอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เข้าไปจัดการธุระบางอย่างในห้องหนังสือ เมื่อใกล้ยามเที่ยงคืน ภายใต้การดูแลของสาวใช้สายลับทั้งสอง นางนั่งรถม้าเพื่อเดินทางไปยังเรือนกระจก

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกผิดเล็กน้อยกับการออกมาพบกับเพศตรงข้ามในยามค่ำคืนเป็นการส่วนตัว ด้วยนิสัยขี้หึงของเสด็จอาเก้า หากเขารู้เรื่องนี้ขึ้นมา ฉากต่อไปของนางคงอนาถน่าดู

เวลานี้เฟิ่งชิงเฉินหวังว่าคำเตือนของนางจะเป็นผล ขออย่าให้สายลับและสาวใช้ของนางนำเรื่องนี้ไปรายงานกับเสด็จอาเก้าเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นนางคงต้องเจอดีแน่

เฮ้อ......เสรีภาพและความเสมอภาคนั้นถูกต้อง แต่นางออกมาพบกับชายเป็นการส่วนตัวในยามค่ำคืน ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นคนผิดก่อน แต่สิ่งที่ตงหลิงจิ่วร้องขอเป็นเพียงแค่อาหารมื้อเดียว นางเองก็ไม่อยากปฏิเสธ นางทำได้เพียงหวังว่าช่วงนี้เสด็จอาเก้ายุ่งมาก ยุ่งจนลืมว่ามีนางอยู่ไปได้เลยก็ดี

เฟิ่งชิงเฉินออกเดินทาง แน่นอนว่าตงหลิงจิ่วต้องมาถึงก่อน ในห้องลับของตระกูลซู หลังจากตงหลิงจิ่วจัดการเรื่องของทหารม้าทมิฬเป็นที่เรียบร้อย เขาก็เริ่มออกมาเดินทาง

“ทางด้านเรือนกระจก ทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?” ก่อนออกเดินทาง ตงหลิงจิ่วหันมาถามอีกครั้ง

นี่เป็นครั้งแรกที่เขานับพบกับเฟิ่งชิงเฉิน เขาต้องการสร้างความทรงจำอันลึกซึ้งให้กับเฟิ่งชิงเฉิน อย่าน้อยก็ห้ามทำให้เฟิ่งชิงเฉินเกลียดเขาหรือหาว่าเขาสะเพร่า

ซูเหวินชิงพยักหน้า “ทุกอย่างถูกเตรียมไว้เรียบร้อย แต่.....จิ่วชิง เจ้าจะเลือกเรือนดอกไม้จริงงั้นหรือ? หากเกิดเรื่องมิคาดคิดขึ้น เจ้าจะทำเช่นไร?”

“มิมีทางเกิดเรื่องไม่คาดคิด” ตงหลิงจิ่วกล่าวอย่างหนักแน่น

“แต่เจ้าแพ้เกสรดอกไม้” ปากของซูเหวินชิงกล่าวว่าเป็นห่วง แต่ในใจเขากลับรู้สึกมีความสุขหากเกิดเรื่องไม่คาดฝัน

แม้ว่าเขาไม่กล้าทำให้เรื่องเสียหาย แต่เมื่อเขาจินตนาการถึงเวลาที่ตงหลิงจิ่วกระสับกระส่ายเนื่องจากแพ้เกสรดอกไม้ เขาก็คิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ไม่เลว

“ข้าเองก็เคยอยู่ที่อุทยานหลวงมาก่อน” ตงหลิงจิ่วมองไปที่สายตาของซูเหวินชิง หากเขาปล่อยให้ซูเหวินชิงเป็นคนจัดการ เขาจะบอกกับซูเหวินชิงได้อย่างไรว่าเขากำลังไปทานอาหารมื้อค่ำกับเฟิ่งชิงเฉินที่เรือนกระจก

“มันไม่เหมือนกัน ทุกครั้งที่เจ้าอยู่ในอุทยานหลวง เจ้าจะเลือกสถานที่ซึ่งห่างไกลจากดอกไม้ที่สุด ครั้งนี้ร่างกายของเจ้าต้องตกอยู่ในดงดอกไม้ ต่อให้เจ้าใช้ยาที่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีมอบให้เจ้า ข้าก็คิดว่ามันคงไม่ได้มีผลดีขึ้นเพียงนั้น

ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเป็นคนบอกเจ้าเองว่ายานี้มิใช่ยาครอบจักรวาล แม้จะสามารถระงับกลิ่นดอกไม้และดอกไผ่ที่อยู่บนร่างกายของเจ้าได้ แต่หากกลิ่นมันรุนแรงเกินไป มันก็อาจทำให้มิเกิดผล จิ่วชิง เจ้ามิควรทำเรื่องที่มิควรจะเกิดขึ้น ข้าว่าเจ้าเปลี่ยนสถานที่จะดีกว่า เหตุใดต้องเป็นเรือนกระจกด้วย แค่ทานอาหาร ที่ไหนก็ได้มิใช่หรือไง” ซูเหวินชิงเตือนออกมาด้วยความหวังดี แต่ตงหลิงจิ่วปฏิเสธออกไปโดยไม่คิด

“ข้าได้เตรียมตัวไว้เป็นอย่างดีแล้ว มิมีทางแพ้เกสรดอกไม้เป็นอันขาด” ตงหลิงจิ่วมีถุงยาระงับกลิ่นดอกไม้อยู่บนร่างกาย ระงับกลิ่นไผ่จาง ๆ บนร่างกายของเขา

กลิ่นไผ่บนร่างกายของเสด็จอาเก้าคือสิ่งที่พวกเขาจงใจสร้างขึ้นมา เพื่อบอกให้คนที่เข้าใกล้เสด็จอาเก้าได้รู้ว่า หากได้กลิ่นไผ่บนร่างกายก็รับรู้ได้ว่าเป็นเสด็จอาเก้า ส่วนตงหลิงจิ่ว ร่างกายของเขาไม่มีทางมีกลิ่นที่เหมือนกับเสด็จอาเก้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ