อุบัติเหตุที่สนามม้า ทำให้ทุกคนตื่นตกใจกลัวกันไปตาม ๆ กัน ยิ่งไปกว่านั้นเสด็จอาเก้าก็ไม่ได้ไว้หน้าจักรพรรดิ จึงทำให้ในตอนนั้นจักรพรรดิรู้สึกอับอายอย่างยิ่ง และเป็นครั้งแรกที่หวังจิ่งหลิงได้แถลงถึงฐานะตำแหน่งของตนอย่างชัดเจน แต่นี่กลับทำให้จักรพรรดิรู้สึกโกรธและอับอายขายหน้าเป็นอย่างยิ่ง
“ตรวจสอบ เอามาให้ข้าตรวจสอบ ข้าต้องการรู้ว่าอะไรที่คนกินแล้วใจกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้ บังอาจมาวุ่นวายอยู่ใตหน้าตาข้า” จักรพรรดิไม่สามารถทำอะไรกับเสด็จอาเก้ากับหวังจิ่งหลิงได้ ทำได้เพียงแค่เลือกที่จะระบายอารมณ์กับทหารอารักขา
“รับคำสั่ง ! ” ตี๋ตงหมิงปฏิบัติตามคำสั่งอย่างไม่ลังเล ทำให้สีหน้าขององจักรพรรดิดูดีขึ้นมาเล็กน้อย
ความวุ่นวายเมื่อครู่นี้ ทำใหทุกคนต่างก็ไม่มีกระจิตกระใจที่จะอยู่ในสวนสัตว์ต่อแล้ว จักรพรรดิสะบัดชายผ้าพร้อมกลับพระราชวังแล้ว พระสนมเอกหลังวังก็ตามกลับไปด้วยอาการกลัวจนตัวสั่น พวกนางเดินตามกลับไปอย่างว่านอนสอนง่าย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะถูกทำให้ตกใจกลัวหรือว่าเพราะเหตุใดกันแน่
ในฐานะที่เป็นผู้ได้รับบาดเจ็บมากที่สุดในเหตุการณ์ครั้งนี้ ซูโหยวที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั่วทั้งร่างกายถูกเผาไหม้เป็นวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งใบหน้าที่ถูกแผดเผานั้น ถึงแม้ว่าจะรอดชีวิตมาได้แต่ก็เหมือนชีวิตเกือบพังทลายลง
สำหรับการทำเพื่อเสด็จอาเก้าแล้ว เฟิงชิงเฉินก็ยังคงเป็นห่วงหวังจิ่งหลิงเช่นกัน.......
“นี่เรียกว่าถูกเผาหรือ?” ปรมาจารย์แห่งหุบเขาชี้ไปที่เฟิ่งชิงเฉินที่นอนอยู่บนเตียง ดูเหมือนจะนิ้มออกมาแต่ก็ยิ้มไม่ออกเมื่อมองดูเสด็จอาเก้าและหวังจิ่งหลิง
ผู้ชายสองคนนี้ไม่มีได้สมญานามว่าเป็นผู้ที่ฉลาดหลักแหลมที่สุดในโลก ไม่นึกลยว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ได้รับบาดเจ็บก็ตามจะมองไม่ออกขนาดนี้ เขาช่างน่าเลื่อมใสจริง ๆ ผู้ชายสองคนนี้
หวังจิ่งหลิงปล่อยน้ำเสียงออกมา ชิงเฉินไม่เป็นไรก็ดีแล้ว
“เฟิ่งชิงเฉินสลบไปยังไม่ได้สติ” เสด็จอาเก้าก็รู้ตัวดีว่ากำลังกังวลวุ่นวายอยู่ภายในใจ แต่ฟันกับไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง เพียงแค่สั่งการให้ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีรีบลงมือช่วยเหลือคนโดยเร็ว
ไฟโหมไหม้ลูกใหญ่ขนาดนั้น เฟิ่งชิงเฉินเองก็อยู่ในกองไฟ เขาไม่ได้คิดถุงเลยสักนิดว่าตามร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินจะมีร่องรอยของการถูกเผาไหม้
เอาหล่ะ เขายอมรับแล้วว่าตอนนั้นเขาตกใจจนขาดสติไป เดิมทีแล้วไม่ได้สำรวจสภาพของเฟิ่งชิงเฉินเลย ในหัวมีแค่เพียงวิธีเดียว นั่นก็คือต้องรวดเร็วที่สุด ในการนำตัวของเฟิ่งชิงเฉินส่งกลับไปยังจวนเฟิ่ง สั่งให้ท่านปรมาจารย์ช่วยชีวิตคน นอกเหนือจากนี้แล้วก็นึกไม่ถึงอีกเลย ว่าแท้จริงแล้วเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากท่านปรมาจารย์
“นางอุดอู้อยู่ภายในกองไฟน่ะ เพียงแค่ครึ่งชั่วยามก็จะตื่นขึ้นมาเองได้แล้ว” ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดี ไม่สนใจว่าใครก็ตามที่เป็นชนชั้นสูง แต่หากถูกคนลากออกมาก็ย่อมไม่พอใจ
อืม
เสด็จอาเก้ารับทราบถึงการวินิจฉัยโรคของปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี หากแต่ยังไม่สนใจเขาอยู่ดี ผู้ที่อยู่ตรงข้ามต่อหน้ากันคือหวังจิ่งหลิน ผู้มีดวงตาลึกและอ่อนโอนเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า “ท่านปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยี ท่านแน่ใจรึว่าเฟิ่งชิงเฉินจะฟื้นขึ้นมาได้สติอีกครั้งภายในเวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วยาม?”
“แน่นอนสิ มีอะไรรึ? นี่เจ้ามีข้อกังขากับผู้ชำนาญด้านการแพทย์อาวุโสอย่างข้ารึ” ท่านปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีแลดูไม่เที่ยงธรรมเมื่ออยู่ต่อหน้าเฟิ่งชิงเฉิน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นแล้ว จะวางตัวเป็นผู้มีอำนาจบารมี อีกทั้งยังไม่ทำให้ผู้อื่นมีข้อกังขาได้ง่าย หรือแม้แต่คนบ้านตระกูลเจียก็ไม่ได้
หวังจิ่งหลิงส่ายหัวด้วยความเย็นชา “ท่านปรมาจารย์คือผู้ที่มีทักษะด้านการแพทย์สูง จิ่งหลิงไม่กล้ามีข้อกังขาต่อท่านปรมาจารย์ด้านการแพทย์หรอกเจ้าค่ะ เพียงแค่...... ”
“เพียงแค่อะไร” ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีไม่รอให้จิ่งหลิงพูดจบ ก็ขัดจังหวะขึ้นมาอย่างไม่มีความเกรงใจ ทั้งยังมอเขม็งไปที่หวังจิ่งหลิงอย่างชั่วร้าย
กล้ามีข้อกังขากับความชำนาญด้านการแพทย์ของเขา ชีวิตก็จะไม่สงบสุขหรอก
หากแต่หวังจิ่งหลิงไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นแต่อย่างใด เพียงแค่ชี้ไปทางเฟิ่งชิงเฉินที่นอนอยู่บนเตียง แล้วเอ่ยขึ้นปนหัวเราะว่า “เพียงแค่ ดูเหมือนว่าชิงเฉินจะฟื้นขึ้นมาแล้วสิ”
“อะไร?” ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีหันหน้ากลับไปมองทันที เห็นเพียงแต่แพขนตาของเฟิ่งชิงเฉินสั่นไหล หนังตาค่อย ๆ ขยับราวกับรอยยิ้ม ถ้าหากไม่เรียกว่าฟื้นขึ้นมาแล้วจะเรียกว่าอะไรกัน
“เฟิ่งชิงเฉิน!” ปรมาจารย์ห้ามไม่ให้คอตัวเองส่งเสียงตะโกนดังออกมา แต่เสียงมันกลับดังมากซะจนอวิ๋นจื่อที่พักฟื้นอยู่ที่ลานบ้านได้ยินเข้า อวิ๋นจื่อแคะหูตัวเองแคะแล้วแคะอีก จากนั้นจึงเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ที่ทำให้ท่านปรมาจารย์แห่งหุบเขาโกรธได้เช่นนี้ ทั้งที่ดู ๆ แล้วเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้เป็นอะไร แต่ก็เป็นห่วงนางไปเองแล้ว”
“คุณชาย แม่นางเฟิ่ง แม่นางเฟิ่งไม่เป็นอะไรแล้วขอรับ” ผู้ที่ได้ยินข่าวอย่างนั้นก็รีบวิ่งกลับเข้ามาทันที แล้วจึงกล่าวขึ้นทั้งที่ยังหอบแฮก
อวิ๋นจื่อเผยรอยยิ้มกว้างออกมาอยางง่ายดาย แสดงให้เห็นว่าตนรับรู้แล้ว ด้วยการโบกมือให้อีกคนถอยออกไป ด้วยอากัปกิริยาที่สง่างาม แต่มันกลับเข้ากันได้ดีกับหัวล้านของเขา เผยความรู้สึกปิติยินดีออกมาเล็กน้อย
หากว่าเป็นไปตามอย่างที่ท่านปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีวินิจฉัยนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกไฟไหม้ แต่จะเป็นเพียงอยู่เข้าไปอยู่อุดอยู่กลางกองไฟเท่านั้น ที่ลำคอได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย แต่เมื่อได้สตินั่นจึงแปลว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่เป็นอะไรแล้ว เพียงแต่ว่านางฟื้นขึ้นมาเร็วเกินไป เป็นการทำลายภาพลักษณ์ของท่านปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีผู้วิเศษ
“เฟิ่งชิงเฉิน นางคนระยำ เหตุใดเจ้าจึงฟื้นขึ้นมาเร็วเช่นนี้” ความรู้สึกภายในใจของท่านปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีไม่ได้ต่างไปจากจักรพรรดิสักเท่าไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...
ตอนที่ 1425 หายไปค่ะ...