สรุปตอน บทที่ 953 เงื่อนไข ไร้สิ้นตระกูลซูแห่งหนานหลิงอีกต่อไป – จากเรื่อง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดย อาช้าย
ตอน บทที่ 953 เงื่อนไข ไร้สิ้นตระกูลซูแห่งหนานหลิงอีกต่อไป ของนิยายInternetเรื่องดัง นางสนมแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน อาช้าย เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเห็นท่าทางอันไร้เดียงสา ไม่รู้อะไรเลยของเฟิ่งชิงเฉิน คนของตระกูลซูจ้องมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยสายตาอันแข็งกร้าว
ในเมื่อเฟิ่งชิงเฉินแสร้งทำเป็นเขลา เช่นนั้นตระกูลซูก็ทำได้เพียงกระชากหน้ากากของนางออกมา ท่านปู่ซูกัดฟันและกล่าวออกไปว่า “แม่นางเฟิ่ง คงตรงไปตรงมานั้นพูดความจริงไม่อ้อมค้อม เจ้าสร้างหมากอะไรให้กับตระกูลซูของพวกข้า ทุกคนต่างเข้าใจดี ตระกูลซูไว้หน้าเจ้า อยากให้เจ้ายอมรับด้วยตนเอง แต่เจ้ากลับแสร้งทำเป็นเขลา ไม่รู้เรื่องราว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็อย่ามาโทษว่าตระกูลซูของข้าที่หยาบคาย”
“ตระกูลซูของพวกท่านเคยเกรงใจและปฏิบัติกับข้าอย่างสุภาพด้วยงั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินยิ้มและถามออกมา
เมื่อตระกูลซูกล่าวออกมาเช่นนี้ นางก็ไม่แสร้งทำเป็นคนเขลาอีกต่อไป “ท่านปู่ซูงั้นหรือ หากตระกูลซูของท่านไม่ยอมแพ้แต่แรก เหตุใดจึงไม่ยอมกล่าวออกมา การแข่งขันที่เสียเวลาเช่นนี้ ข้าไม่ได้สนใจผลแพ้ชนะตั้งแต่แรก เวลานี้ท่านพูดออกมาเถิด ตระกูลซูยังมีอะไรที่คิดว่ายังไม่หยาบคายต่อข้าอีก?”
“เจ้า ไร้ยางอาย” เฟิ่งชิงเฉินทำให้คนตระกูลซูโกรธมาก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าพูดจาหยาบคายออกมาต่อหน้าเหล่าบัณฑิต ทำได้เพียงระงับความโกรธจนร่างกายสั่นเทา
เฟิ่งชิงเฉินส่ายหน้า “เอาชนะตระกูลซูได้กลับถูกเรียกว่าไร้ยางอาย เช่นนั้นการที่ตระกูลซูเปลี่ยนตัวระหว่างการแข่งขัน เป็นการแข่งขันแบบสองต่อหนึ่ง เช่นนั้นไม่เรียกว่าไร้ยางอายอย่างนั้นหรือ?”
ใบหน้าของคนตระกูลซูแดงก่ำ แต่ยังคงกัดฟันและกล่าวออกมา “การที่ตระกูลซูของข้าเปลี่ยนตัวระหว่างการแข่งขัน เรื่องนั้นเจ้าเองก็เห็นด้วยกับมัน”
“ฮึฮึ” เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะออกมาเบา ๆ “ท่านปู่ซู พวกท่านต้องการเปลี่ยนตัวระหว่างการแข่งขัน หากข้าไม่เห็นด้วย พวกท่านก็คงกล่าวว่าข้ารังแกพวกท่านเกินไป เอาเถอะ ท่านปู่ซู การแข่งขันระหว่างข้ากับตระกูลซูของท่านได้สิ้นสุดลงแล้ว ผลแพ้ชนะเองก็ถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่ว่าพวกท่านจะยอมรับความพ่ายแพ้ได้หรือไม่ แต่เวลานี้พวกท่านก็เป็นฝ่ายแพ้ ต่อให้พวกท่านโวยวายออกมาแล้วมันจะมีความหมายอะไร”
“แพ้ ใครบอกว่าตระกูลซูของพวกข้าแพ้ เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าใช้หมากจอมปลอมในการทำให้ตระกูลซูของข้าต้องอับอาย แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าตระกูลซูของข้าพ่ายแพ้ ต่อให้ตระกูลซูของข้าพ่ายแพ้ ก็แพ้ด้วยวิธีการไร้ยางอายของเจ้า” ในที่สุดตระกูลซูก็ระงับความโกรธไม่ไหวอีกต่อไป พวกเขากล่าวออกมาอย่างดุร้าย
ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ตระกูลซูแพ้ไม่เป็น
“ชนะด้วยวิธีไร้ยางอาย? ข้าใช้วิธีไร้ยางอายหน้าหรือรังเกียจอย่างไร? ข้างส่งคนไปสังหารซูหว่านตอนแข่งขันประลองทักษะทางการแพทย์งั้นหรือ หรือเป็นวางเพลิงสะพานตอนแข่งขันขี่ม้ายิงธนูกับซูโหยว ทั้ง ๆ ที่นางตามหลังข้า ทำให้พวกเจ้าหมดสิทธิ์ชนะ?” เฟิ่งชิงเฉินไร้ยางอายจริง ๆ นางยกเรื่องราวไม่คาดฝันอันเลวร้ายที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันทั้งสองครั้งให้กับตระกูลซู
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอย่ามาโยนความผิดให้ผู้อื่นเช่นนี้ ตระกูลซูของพวกข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น” คนของตระกูลซูโกรธจนหน้าแดง ลำคอตั้งตรง เรื่องพวกนี้พวกเขาไม่ได้ทำจริง ๆ
“ข้าไม่ได้บอกว่าพวกเจ้าเป็นคนทำเสียหน่อย ข้าแค่บอกว่าข้าไม่ได้เป็นคนทำเรื่องพวกนี้ ในเมื่อท่านปู่ซูกล่าวหาว่าข้าใช้วิธีการสกปรกในการเอาชนะ เช่นนั้นก็กล่าวออกมาว่าข้าใช้วิธีการสกปรกเอาชนะตระกูลซูอย่างไร” ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินนิ่งสงบ ไม่ได้รับผลกระทบจากบรรยากาศหรือคนทางฝั่งของตระกูลซูเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าสร้างหมากกระดานจอมปลอมขึ้นมา ทำให้ตระกูลซูของข้าต้องอับอาย” ตระกูลซูกัดฟันและไม่ยอมปล่อยมันไป
“หมากจอมปลอม? เจ้าพูดถึงหมากกระดานนี้อย่างนั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินชี้ไปยังกระดานหมากที่อยู่ไม่ไกลและยิ้มออกมา
ทันทีที่เข้ามานางก็เห็นว่านี่คือหมากที่นางเล่นกับซูหว่านในวันนั้น ตระกูลซูจัดเตรียมทุกอย่างไว้ชัดเจนเช่นนี้ คงยากหากทางจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องราวต่อไป
“ใช่” คนของตระกูลซูยืดอก เพื่อพิสูจน์ความชอบธรรมของพวกเขา
เฟิ่งชิงเฉินเหลือบตามองไปยังอีกฝ่าย ปกปิดความเย้ยหยันในดวงตาของนาง จากนั้นถามออกไปว่า “เจ้ามีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ว่าหมากนี้เป็นเพียงหมากจอมปลอม? หรือเพียงเพราะไม่มีผู้ใดในตระกูลซูของเจ้าสามารถทำลายมันได้?”
“เฟิ่งชิงเฉิน หมากกระดานนี้ของเจ้าไม่ใช่แค่ตระกูลซูของข้าไม่สามารถทำลายมันได้ แม้แต่ปรมาจารย์ทั้งแผ่นดินจิ่วโจวอันยิ่งใหญ่ก็ไม่สามารถทำลายมันได้เช่นกัน หากมันไม่ใช่หมากจอมปลอมแล้วมันคืออะไร?” ตระกูลซูไม่มีทางบอกเหตุผลที่ทำให้พวกเขามั่นใจเช่นนี้กับเฟิ่งชิงเฉินด้วยปากของพวกเขาเองเป็นแน่ ว่าหมากกระดานนี้ไม่สามารถทำลายได้
“ท่านปู่ซู หากข้าจำไม่ผิด หมากกระดานนี้เป็นหมากที่ใช้ในการแข่งขันระหว่างข้ากับตระกูลซูของพวกท่าน เช่นนั้นมันจะไปถึงมือของเหล่าปรมาจารย์แห่งแผ่นดินจิ่วโจวอันยิ่งใหญ่ได้อย่างไร?” เฟิ่งชิงเฉินใช้ประโยชน์จากคำถาม ทำให้คนของตระกูลซูถึงกับพูดไม่ออก
พูดถึงเรื่องนี้ จริงอยู่ว่ามันเป็นความผิดของพวกเขา แต่ทางฝั่งของเฟิ่งชิงเฉินก็มีสิ่งที่ผิดปกติเช่นกัน
บรรยากาศเคร่งขรึม ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินออกมา พยายามเกลี้ยกล่อมอย่างอ่อนโยน “แม่นางเฟิ่ง หมากกระดานนี้ ตระกูลซูยอมรับความพ่ายแพ้ไปแล้ว เวลานี้พวกเราแค่อยากทำให้ความสับสนในหัวใจของพวกเราได้กระจ่างว่าหมากกระดานนี้สามารถแก้ไขได้อย่างไร?”
“ข้าพูดว่าอย่างไร เจ้าไม่ได้ยินหรืออย่างไร? เฟิ่งชิงเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการแก้แค้นให้กับพ่อแม่ของเจ้าที่จากไปในดินแดนของหนานหลิง แต่เจ้าอย่าลืม ต่อให้ต้องการแก้แค้น มันก็ต้องแก้แค้นอย่างเปิดเผยและสง่างาม ไม่ใช้ทำตัวเหมือนสุนัขเช่นนี้ เจ้าไม่รู้สึกผิดแทนพ่อแม่ของเจ้าบ้างเลยงั้นหรือ” ท่านปู่ซูวางท่าทางของผู้อาวุโส ราวกับว่าเขากำลังสั่งสอนเด็กไม่รู้จักโต
บัดซบ!
ดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยจิตสังหารอันร้อนแรง จับต้องไปที่ท่านปู่ซูโดยไม่กะพริบตา
คนที่รู้จักเฟิ่งชิงเฉิน ทุกคนต่างรู้ดีว่าพ่อแม่ของนางเปรียบเสมือนกล่องแก้วในดวงใจ ท่านปู่ซูกลับรนหาที่ตาย หาเหาใส่หัวตัวเอง เสด็จอาเก้ารู้ว่าเรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเฟิ่งชิงเฉินก็พอแล้ว และเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่มีทางปล่อยตระกูลซูไปอย่างแน่นอน
“ตระกูลซูแห่งหนานหลิง ข้าจะจดจำพวกเจ้าไว้” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกมาทีละพยางค์
“จำแล้วยังไง? คิดว่าตระกูลซูของข้ากลัวเจ้าหรืออย่างไร? เฟิ่งชิงเฉิน ตระกูลซูของพวกข้าไม่ได้รังเกียจเด็กกำพร้าอย่างเจ้า หากเจ้ายอมรับผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก้มหัวขอโทษตระกูลซู ตระกูลซูของข้าก็จะทำเป็นเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น”
ท่านปู่ซูคิดว่าตนเองเป็นคนใจกว้าง แต่เมื่อถึงคราวของเฟิ่งชิงเฉิน นางกลับหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น “เจ้าบอกว่าจะไม่ถือสาข้า แต่ข้าไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปเป็นแน่ พวกเขาไม่สามารถทำลายหมากของข้าได้ กลับบอกว่าหมากของข้าเป็นหมากสกปรก เช่นนั้นหากข้าสามารถทำลายมันได้ เจ้าจะว่าอย่างไร?”
หมัดที่กำแน่นของเฟิ่งชิงเฉินคลายออก ใบหน้าของนางเองก็ไม่ได้แข็งกระด้างอีกต่อไป นางอยู่กับเสด็จอาเก้ามานาน ทำให้ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของนางพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า......หากเจ้าสามารถทำลายหมากกระดานนี้ได้ ข้าจะยอมคุกเข่าให้เจ้า” ท่านปู่ซูไม่ได้เกรงกลัวเฟิ่งชิงเฉินเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขาเคยเห็นคนแบบเฟิ่งชิงเฉินมามากเกินพอ ไม่ว่าแววตาดวงนั้นจะดุร้ายเพียงใด แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ใช่ฝ่ายที่พ่ายแพ้ และอำนาจจะกลับมาอยู่ในมือของตระกูลซู
“คุกเข่า? ข้าเฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจสิ่งเล็กน้อยพวกนั้น ท่านปู่ซู หากข้าสามารถทำลายหมากกระดานนี้ได้ ข้าต้องการให้พวกเจ้าถอดแผ่นป้ายจวนซูของตระกูลซูแห่งหนานหลิงลงมา และนับจากนี้เจ้าก็ห้ามเรียกตนเองว่าตระกูลซู และบนโลกใบนี้ก็ไร้ซึ่งตระกูลซูแห่งหนานหลิงอีกต่อไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...