ตอนที่ 1032 ยืนหยัด
ขบวนเรือได้มาถึงท่าเรือเขตเหยาในช่วงใกล้ค่ำ
ฟู่เสี่ยวกวนยืนอยู่เบื้องหน้าเยี่ยนซีเหวิน สีหน้าของเขาปริ่มไปด้วยรอยยิ้ม
“ที่แห่งนี้นับวันยิ่งเจริญมากขึ้นเรื่อย ๆ ! ” เขามองท่าเรือที่ยังปรากฏผู้คนเดินกันขวักไขว่ภายใต้แสงสุริยายามเย็น จนป่านนี้แล้วยังมีเรือแล่นในแม่น้ำแยงซีมิขาดสาย จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า “คาดว่าเป็นเหตุการณ์ที่เจ้าเองก็คงคาดมิถึงใช่หรือไม่ ? ”
เยี่ยนซีเหวินส่งยิ้มแทนคำตอบ ความตื่นเต้นที่คับแน่นอยู่ในอกได้อันตรธานหายไปพร้อมกับคำเอ่ยของฟู่เสี่ยวกวน เขา…ยังคงเป็นคนเดิมเฉกเช่นวันวาน !
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมมิคิดมิฝันเหมือนกันว่ามันจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นเยี่ยงนี้ ในตอนแรกที่พระองค์ทรงแนะนำให้กระหม่อมสร้างท่าเรือ กระหม่อมคิดว่าแค่สร้างอู่ต่อเรือเพิ่มอีกแห่งและสร้างท่าเทียบเรือเพิ่มอีกช่องก็เท่านั้น มิเคยวาดฝันมาก่อนว่าจะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้พ่ะย่ะค่ะ…”
เยี่ยนซีเหวินสูดลมหายใจเข้าลึกพลางจ้องมองไปยังผืนน้ำ “บัดนี้ท่าเรือเขตเหยามิสามารถรองรับเรือขนส่งสินค้าได้ทั้งหมด เนื่องจากท่าเทียบเรือมีจำกัด ดังนั้นเมื่อครู่กระหม่อมได้เอ่ยกับหัวหน้าตระกูลหลู่ว่าควรสร้างท่าเรือที่ซ่างหลินโจวแห่งเมืองหลินเจียงเพิ่มอีกสักแห่ง มิทราบว่าฝ่าบาทคิดเห็นเยี่ยงไรพ่ะย่ะค่ะ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าตอบรับ “ต้องให้ใกล้กันมากกว่านี้ นี่เป็นพื้นที่ของเจ้าจงจัดการตามสมควรเถิด…”
เอ่ยจบเขาก็มองไปทางหลู่เฟิงที่ยืนอยู่มิห่าง “หัวหน้าตระกูลหลู่ เจ้าทำได้ยอดเยี่ยมยิ่ง ! ”
หลู่เฟิงถูกชมโดยมิทันตั้งตัว เขาคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดัง ‘ตุ้บ ! ’ “ทูลฝ่าบาท ทุกสิ่ง…ทุกสิ่งทุกอย่างที่กระหม่อมมีก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ฝ่าบาทประทานมาให้ทั้งสิ้น ! กระหม่อมรู้สึกซาบซึ้งเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ ! ”
นี่คือคำเอ่ยที่ออกมาจากใจของหลู่เฟิง
หากมิใช่เพราะคำชี้แนะของฟู่เสี่ยวกวน ตระกูลหลู่คงถูกกวาดล้างจนสิ้นคงมิเป็นดังเช่นทุกวันนี้ ถึงแม้เขาจะแบ่งกำไรของธุรกิจการขนส่งทางเรือให้กับตระกูลหลู่เพียงสองในสิบส่วน แต่ทุกคนในตระกูลหลู่ก็สามารถหาเลี้ยงชีพตนเองได้ด้วยการทำงานให้กับธุรกิจขนส่งทางเรือ !
ไหนจะมีข้อเท็จจริงที่ว่า…ธุรกิจขนส่งทางเรือมีความเจริญรุ่งเรืองกว่ายุคสมัยของราชวงศ์อู๋มิรู้ตั้งกี่เท่า กำไรสองในสิบส่วนยังมากกว่ารายได้ทั้งหมดของตระกูลหลู่ในอดีตเสียด้วยซ้ำ
ดังนั้นเขาจึงเอ่ยต่ออีกว่า “ฝ่าบาท บุญบารมีของพระองค์มากเป็นล้นพ้น กระหม่อมมิอาจตอบแทนได้ กระหม่อมกำลังคิดว่า…จะแบ่งกำไรหนึ่งในสองส่วนนี้ถวายให้แด่ฝ่าบาท กระหม่อมมีกำไรแค่หนึ่งส่วนก็เพียงพอแล้วพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะร่าออกมา คนผู้นี้นับว่าอยู่เป็นและตนก็มิควรไปเอารัดเอาเปรียบผู้ที่อยู่เป็นเช่นนี้
“ลุกขึ้นเถิด”
หลู่เฟิงลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล
“เมื่อเจิ้นให้คำมั่นสัญญาแล้ว เจิ้นก็ต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ เจ้าทำให้การขนส่งทางเรือเจริญรุ่งเรืองได้ถึงเพียงนี้ก็นับว่าเป็นความสามารถของเจ้าเอง เจิ้นมิอาจเอาเปรียบเจ้าได้หรอก ทว่าระหว่างทางที่มาที่นี่…เจิ้นคิดว่าท่าเรือเลียบชายฝั่งมีน้อยจนเกินไป เอาอย่างนี้แล้วกัน…เจ้าจงส่งคนไปสำรวจพื้นที่เลียบชายฝั่งแม่น้ำเพื่อดูว่ามีที่ใดบ้างเหมาะสำหรับการสร้างท่าเรือ”
“มิจำเป็นต้องจำกัดอยู่ที่แม่น้ำแยงซีเท่านั้นจะสร้างที่แม่น้ำหวงเหอ แม่น้ำหลีเจียงหรือแม่น้ำต้าหลิงก็ได้ทั้งนั้น… ขอเพียงแค่ทางน้ำเหมาะสมก็สามารถบุกเบิกเป็นเส้นทางสัญจรได้ทั้งสิ้น เมื่อมองดูแล้วทางน้ำมีขนาดมิเหมาะสมแต่มีความจำเป็นด้านการค้าขาย เจ้าก็สามารถส่งหนังสือแจ้งเรื่องให้กับเยี่ยนซีเหวินได้โดยตรง แล้วเขาจะเป็นผู้ส่งต่อให้สามสำนักพิจารณาเองว่าจะสามารถขยายทางน้ำให้กว้างขึ้นเพื่อสร้างเส้นทางสัญจรได้หรือไม่”
“เรื่องนี้เจ้าจงจำไว้ให้ขึ้นใจ แน่นอนว่านี่เป็นหน้าที่ของกรมโยธาธิการเช่นกัน ทว่าตระกูลหลู่ของเจ้ามีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้มากกว่า เมื่อถึงเวลานั้นพวกเจ้าอาจจะระดมความคิดแล้วค่อยเลือกวิธีที่ดีที่สุด นี่ย่อมเป็นผลดีต่อประเทศชาติและราษฎร”
ฟู่เสี่ยวกวนให้กำลังใจหลู่เฟิงทำให้อีกฝ่ายรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างหาที่สุดมิได้
เขาร้องไห้จนน้ำมูกน้ำตาไหล และได้แต่กล่าวโทษในความเหลวไหลของตนในอดีต เขารู้สึกขอบคุณฝ่าบาทที่ได้มอบชีวิตใหม่แก่ตนและคนในตระกูลหลู่
เขาจดจำคำเอ่ยของฟู่เสี่ยวกวนจนขึ้นใจ และวันรุ่งขึ้นก็ได้ส่งลูกหลานของตระกูลหลู่ที่ช่ำชองในการสำรวจไปยังแม่น้ำสายใหญ่แต่ละสายทั่วประเทศเพื่ออุทิศตนให้กับการพัฒนาด้านการขนส่งทางเรือคราใหญ่ให้แก่ประเทศต้าเซี่ย
นี่คือสิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนก็คาดมิถึง
ขบวนรถม้าทะยานออกจากท่าเรือเขตเหยาไปยังเรือนซีซานท่ามกลางแสงสุริยาที่ใกล้จะลาลับเต็มที
……
……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)