ตอนที่ 1065 ท้องนภาสีครามรอละอองไอฝน
หกวันให้หลัง ด้านนอกเมืองกูหยุน
ที่นี่มีหลุมฝังศพอยู่
เดิมทีฟู่เสี่ยวกวนคิดว่าหลังจากผ่านไปหลายปี เกรงว่าคงจะมิได้เห็นหลุมศพนี้แล้ว แต่คาดมิถึงว่ามันจะยังคงอยู่ดังเดิม
มองดูแล้วป้ายหน้าหลุมศพมิได้ทำความสะอาดเนิ่นนานแล้ว มีฝุ่นจับอย่างหนาแน่น ทว่าอักขระบนป้ายนั้นยังคงชัดเจน เผิงเฉิงอู่
“หลิวจิ่น นำที่ปัดฝุ่นมา”
หลิวจิ่นส่งที่ปัดฝุ่นในมือให้กับฟู่เสี่ยวกวน เขานำที่ปัดฝุ่นมาทำความสะอาดฝุ่นบนแผ่นป้ายหน้าหลุมศพอย่างตั้งใจ
หลิวจิ่นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย สามวันก่อนหน้านั้นที่ข้างแม่น้ำเซียว ที่นั่นก็มีแผ่นศิลาที่ใหญ่และสูงตั้งอยู่เช่นกัน ฝ่าบาทก็ทรงใช้ที่ปัดฝุ่นทำความสะอาดแผ่นศิลานั้นอย่างตั้งใจเช่นกัน
ฝ่าบาททรงตรัสว่านี่คือป้ายรำลึกสงครามเซียวเหอหยวน ด้านล่างของป้ายหลุมศพนี้คือเถ้ากระดูกของทหารนับหมื่นร่าง
หลิวจิ่นมิทราบถึงความรุนแรงของสงครามเซียวเหอหยวน ที่นี่นอกจากสวี่หยุนชิงที่เคยลอบมองอยู่ไกล ๆ ก็มิมีผู้ใดทราบอีก
นี่คือเหล่าทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งและกองทัพที่สอง พวกเขาต่างหลับใหลกันอยู่ที่นี่ ดวงวิญญาณที่กล้าหาญของพวกเขาก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ราวกับคอยเฝ้ามองความเปลี่ยนแปลงของผืนปฐพีนี้อย่างเงียบงัน
ฝ่าบาททรงวางพวงมาลาหน้าป้ายรำลึกนั้นด้วยความเคารพ เป็นพวงมาลาที่ใช้ดอกไม้ในทุ่งหญ้าประดิษฐ์ขึ้นมา
ฝ่าบาททรงจุดเทียนขึ้นมา ทั้งยังเผาเงินกระดาษอีกจำนวนมาก ทว่าฝ่าบาทมิได้ตรัสอันใดออกมาแม้แต่คำเดียว ราวกับกำลังไว้ทุกข์อย่างเงียบงัน
ทันใดนั้นเองฝ่าบาทก็ได้เดินไปยังด้านหน้าของหลุมศพที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกครา คนผู้นี้มีนามว่าเผิงเฉิงอู่ เขาเป็นผู้ใดกัน ?
“เขาคืออดีตแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพชายแดนเหนือ เขาเป็นคนที่ข้าให้ความเคารพคนหนึ่ง”
“สงครามที่เซียวเหอหยวนเมื่อปีนั้น หากมิใช่เพราะคุณธรรมของแม่ทัพใหญ่เผิง… ผลลัพธ์ของสงครามครานั้นก็คงจะย่ำแย่กว่านี้มากนัก”
ฟู่เสี่ยวกวนปัดฝุ่นบนแผ่นป้ายหน้าหลุมศพนั้น รับเทียนที่ถูกจุดไฟเรียบร้อยแล้วมาจากมือของหลิวจิ่น จากนั้นก็ปักลงหน้าหลุมศพ
“มนุษย์ล้วนต้องพบกับความตาย ทว่าความตายนี้จะเบาราวกับขนนกหรือหนักราวกับภูเขาไท่ซาน พวกเขาเลือกความตายที่หนักราวกับภูเขาไท่ซาน… นี่คือส่วนที่ทำให้ข้าเคารพเขา”
เขาจุดไฟเผาเงินกระดาษ เงินกระดาษกำลังลุกไหม้อยู่ด้านหน้าหลุมศพ
เขาจ้องมองป้ายหลุมศพอย่างเงียบงัน ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก มิทราบเช่นกันว่ากำลังคิดอันใดอยู่
ผ่านไปเนิ่นนาน เงินกระดาษก็ถูกเผาจนหมด เขามองไปยังสถานที่ที่ห่างไกลอีกครา จากนั้นก็หันหลังเดินกลับไปยังขบวนรถม้า
…..
อีกด้านหนึ่งของทุ่งหญ้า ซูฉางเซิงยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมามองอย่างถี่ถ้วน
ตลอดทาง… เขาได้ลอบมองฟู่เสี่ยวกวนมา 5 วันแล้ว
เขามิเข้าใจว่าฟู่เสี่ยวกวนกำลังทำอันใดอยู่ ฟู่เสี่ยวกวนในตอนนี้เป็นถึงเจ้าแห่งใต้หล้า คาดมิถึงว่าเขาจะทำพิธีเซ่นไหว้ให้กับทหารผู้เสียสละอย่างเผิงเฉิงอู่
“จักรพรรดิพระองค์นี้ยังถือว่ามีคุณธรรมอยู่บ้าง”
“แต่ก็เป็นเพราะคำแนะนำของเขา ป่ากระบี่ของเจ้าและภูเขาดาบของข้าถึงได้หายไป”
“หากมิใช่เพราะเหตุนั้น ข้าคงมิสังหารเขาหรอก”
ทูหลานหัวเราะร่าพลางชำเลืองมองลู่เสี้ยวเฟิง “จิตใจดีราวกับสตรี ! ”
ลู่เสี้ยวเฟิงยกยิ้มบาง ๆ “ราชวงศ์เหลียวของพวกเจ้า…เกรงว่าใกล้จะล่มสลายแล้ว ! ”
“เจ้ามั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถล้มล้างกองทัพอสนีบาต 450,000 นายได้เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ลู่เสี้ยวเฟิงเงยหน้าขึ้น จากนั้นก็มองออกไปยังสถานที่ห่างไกล ผ่านไปหลายอึดใจถึงได้เอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้ารู้สึกว่ากองทัพอสนีบาตจะสามารถทุ่มเทจนสุดชีวิตเพื่อนายเหนือหัวได้เหมือนกองทัพบกแห่งประเทศต้าเซี่ยเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ทูหลานชะงักงัน เมื่อคิดถึงสิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนเคยทำมา เขาจึงปิดปากเงียบทันใด
ทว่าซูฉางเซิงกลับเอ่ยต่อว่า “กองทัพอสนีบาตมิมีทางชนะกองทัพบกแห่งประเทศต้าเซี่ยได้หรอก ต่อให้เป็นจำนวน 450,000 นายที่มาต่อกรกับกองทัพบกแห่งประเทศต้าเซี่ย 200,000 นายก็มิมีทางเอาชนะได้ ! ”
“เยี่ยงนั้นเหตุใดเจ้าต้องก่อสงครามขึ้นมาด้วยเล่า ? ”
ซูฉางเซิงหัวเราะร่า “ใต้หล้านี้เงียบเหงาจนเกินไป หากมีสงครามเกิดขึ้นคงครึกครื้นขึ้นมาบ้าง”
“เป็นเช่นนั้นเองหรอกหรือ ? ” ลู่เสี้ยวเฟิงเอ่ยถามราวกับมิอยากจะเชื่อ
ซูฉางเซิงวางกล้องส่องทางไกลลง “เป็นเช่นนั้นแหละ ไปกันเถิด”
ทันทีที่เขาเอ่ยจบ ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากระยะไกล “ศิษย์พี่….โปรดหยุดก่อน ! ”
ซูฉางเซิงคิ้วขมวดเล็กน้อย ก่อนจะหันร่างไปอย่างช้า ๆ เงาของสามร่างที่พุ่งมาอย่างรีบร้อน ได้มาหยุดอยู่เบื้องหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)