นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1067

ตอนที่ 1067 พบเจอเผิงยวี๋เยี่ยนอีกครา

บนทุ่งหญ้าแห่งนี้มีหลุมฝังศพผุดขึ้นมาอีกหนึ่งแห่ง

ด้านหน้าหลุมฝังศพนั้นก็มีแผ่นศิลาตั้งอยู่เช่นกัน ทว่าบนศิลาแผ่นนั้นมิมีอักขระใด ๆ แม้แต่ชื่อก็มิมี

ฟู่เสี่ยวกวนกับซูเจวี๋ย เกาหยวนหยวนและซูซูจุดเทียนและเผาเงินกระดาษด้านหน้าหลุมฝังศพ พวกเขานิ่งเงียบอยู่เนิ่นนาน และสุดท้ายก็จากไป

ตั้งแต่เริ่มจนจบฟู่เสี่ยวกวนมิทราบว่าตนเองมีความรู้สึกเยี่ยงไรต่ออาจารย์ท่านนี้ เพราะตั้งแต่เริ่มจนจบเขาก็ยังมิเข้าใจว่าซูฉางเซิงทำแบบนี้เนื่องด้วยเหตุอันใดกัน !

หรือว่าเขาต้องการพิสูจน์ว่าตนคือคนที่ฟ้าลิขิตจริงหรือไม่ ?

เห็นได้ชัดว่านั่นคือเรื่องไร้สาระ ฟู่เสี่ยวกวนมิเคยคิดว่าตนจะเป็นผู้ถูกเลือกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

ด้วยสติปัญญาของเขา เขาทราบดีอยู่แล้วว่ากองทัพอสนีบาตหาใช่คู่มือของกองทัพแห่งประเทศต้าเซี่ยไม่ ทว่าเขาก็ยังดึงดันเอาไข่ไปกระทบกับหินเพื่อพิสูจน์

สุดท้ายแล้วอาจารย์ก็ล่อลวงปรมาจารย์ทั้งห้าคนให้มาลอบสังหารตน นี่หาใช่การกระทำของนักปราชญ์ไม่

ดังนั้น…สุดท้ายแล้วเขาต้องการจะทำอันใดกันแน่ ?

เขาเสียชีวิตด้วยการดื่มยาพิษ เพื่อฝังความลับนี้ไว้ใต้ดิน ก่อนตกตายยังมิวายทิ้งความอยากรู้อยากเห็นไว้ให้ตน…หอเทียนจี !

ชั้นที่สิบแปดของหอเทียนจี เป็นสถานที่ที่สวี่หยุนชิงเคยเอ่ยถึงมาก่อน นางเอ่ยว่าคาดว่าบทกวีอำลาเคมบริดจ์จะถูกเสด็จพ่อวางไว้ที่ชั้นสิบแปด ดังนั้นแท้จริงแล้วชั้นสิบแปดของหอเทียนจีมีความลับอันใดซ่อนอยู่กันแน่ ?

โจวถงถงก็ตกตายไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าจี้หยุนกุยมิได้รู้เรื่องนี้ คาดมิถึงว่าสวี่หยุนชิงเองก็มิทราบ ชายอ้วนก็มิทราบเช่นกัน… ดังนั้นก็เกรงว่าคงมิมีผู้ใดในใต้หล้าที่รู้เรื่องนี้อีกแล้ว

ในฐานะคนที่ข้ามภพมาคนหนึ่ง ฟู่เสี่ยวกวนได้ใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนแล้วว่ายังมิถึงเวลาที่จะไปเปิดชั้นสิบแปดของหอเทียนจี เพราะภารกิจของประเทศต้าเซี่ยยังมิเสร็จสมบูรณ์

กล่าวอีกนัยคือเขายังมิสามารถตายได้ในตอนนี้

เขาสร้างประเทศต้าเซี่ยขึ้นมาอย่างยากลำบาก เขายังต้องคอยประคองให้ก้าวต่อไปอีกขั้น และต้องก้าวอย่างมั่นคง

เช่นนั้นก็รอไปก่อนจะดีกว่า

…..

…..

คูฉานพักชั่วคราวอยู่ที่ชนเผ่าหวานเหยียน เพราะเผิงยวี๋เยี่ยนเอ่ยว่าฟู่เสี่ยวกวนจะเดินทางมา

คราก่อนที่บอกลาฟู่เสี่ยวกวนที่เมืองกวนหยุน…เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปถึง 6 ปีแล้ว

คูฉานนั่งอยู่ในเรือนของเผิงยวี๋เยี่ยนเพียงลำพังพลางเงยหน้าขึ้นมองท้องนภาสีคราม นึกย้อนไปถึงฤดูใบไม้ผลิเมื่อปีนั้น ที่ได้พบกับฟู่เสี่ยวกวนเป็นคราแรก

เขาได้รับคำสั่งจากท่านอาจารย์ให้ไปงานชุมนุมวรรณกรรมของราชวงศ์อู๋เป็นเพื่อนองค์ชายสิบสามฝานเทียนหนิง

เขาได้พบกับฟู่เสี่ยวกวนคราแรกที่เมืองฝานหนิง ซึ่งมิได้มีความประทับใจต่อเขาสักเท่าใดนัก เพียงรู้สึกว่าเขาช่างหล่อเหลาเสียจริง

คืนนั้น…ที่เรือนชิงเสียนนอกเมืองฝานหนิง ฟู่เสี่ยวกวนได้ประพันธ์บทกวีไร้ซึ่งปรารถนาขึ้นมา

คูฉานยังจำกวีบทนั้นได้ดี และยังจำคำเอ่ยของฟู่เสี่ยวกวนในตอนที่กำลังประพันธ์กวีบทนั้นได้ทุกคำ

ศาสนาพุทธเน้นหนักในเรื่องไร้ซึ่งความปรารถนาไร้ซึ่งความต้องการ ข้าจำได้ว่าในพระสูตรเพชรมีคำเอ่ยว่า…ระเบียบทั้งหมดไร้ซึ่งข้า ไร้ผู้คน ไร้เวไนยสัตว์ รู้อายุยืน ดังนั้นจึงเรียกบทกวีนี้ว่าไร้ซึ่งปรารถนา

ในความเป็นจริงแล้ว ในพระสูตรวัชระมิได้มีคำเอ่ยนี้อยู่

ก่อนจะเดินทางท่านอาจารย์บอกกับเขาว่าจงฟัง จงดู จงวิเคราะห์ อย่าทัก อย่าวอกแวก อย่าคิดอันใดไร้สาระ เพราะท่านอาจารย์เอ่ยว่าฟู่เสี่ยวกวนคือชะตากรรมที่ตนต้องเดินทางไปยังราชวงศ์อู๋

หลังจากนั้นที่คฤหาสน์จิ้งหู ณ เมืองกวนหยุน เขาก็ได้ประพันธ์บทกวีอธิษฐานใต้ร่มโพธิ์ขึ้นมาอีกหนึ่งบท ดังนั้นตัวเขาจึงได้รู้แจ้งและเริ่มเข้าสู่วิถีพุทธนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

นี่คือชะตากรรมของเขาโดยแท้จริง

ทว่ามีปัญหาหนึ่งที่เขามิอาจเข้าใจได้ ในเมื่อท่านอาจารย์ทราบว่าฟู่เสี่ยวกวนคือชะตากรรมของตน แล้วเหตุใดเขาถึงมิทราบว่าฟู่เสี่ยวกวนคือภัยพิบัติของตัวเขากัน ?

ท่านอาจารย์ได้ส่งมอบคทาแห่งปัญญาที่เป็นดั่งตัวแทนนิกายฝูให้กับตนตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว ในเวลานั้นตนยังมิได้ตรัสรู้ เป็นเพียงสามเณรรูปหนึ่งเท่านั้น

แต่ท่านอาจารย์ก็ยังมอบให้ตน

เมื่อมาใคร่ครวญในตอนนี้ เกรงว่าท่านอาจารย์ก็รู้อยู่เต็มอกว่าฟู่เสี่ยวกวนคือภัยพิบัติของท่าน

ท่านมิได้หลบซ่อนจากภัยพิบัตินี้ ทั้งยังเข้าไปเผชิญหน้ากับภัยพิบัตินี้อย่างมิเกรงกลัวอีกด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)