นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1084

ตอนที่ 1084 หวนกลับ

รัชสมัยต้าเซี่ยที่หนึ่ง เดือนสิบ วันที่สอง ฟู่เสี่ยวกวนและคณะเดินทางได้กลับไปถึงเมืองกวนหยุน

เยี่ยนเป่ยซียังคงอยู่ในเมืองจินหลิงและฉินปิ่งจงก็ยังคงกลับไปสอนหนังสือที่ซีซานดังเดิม

การเดินทางที่เปี่ยมไปด้วยความสุขสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ฟู่เสี่ยวกวนได้กลับไปใช้ชีวิตอันแสนยุ่งเหยิงดังเดิม

ณ ห้องทรงพระอักษร

หนานกงอี้หยู่ จัวอี้สิงและเมิ่งฉางผิงนั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชา ดวงตาทั้งสามคู่จ้องมองไปยังฟู่เสี่ยวกวน

“ฝ่าบาท…จะเสด็จออกทะเลจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ ? รออีกสักพักมิดีกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”

“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ แม้ในปีนี้จะมีผลผลิตสูง ทว่าการบรรเทาภัยของเขตการปกครองตนเองซีเซี่ยและหยวนเป่ยเต้าได้สิ้นเปลืองเสบียงอาหารของพวกเราไปมากโขเลยทีเดียว… เรื่องในเขตการปกครองตนเองซีเซี่ยและหยวนเป่ยเต้ายังมีอีกมากมายหลายเรื่องที่ต้องจัดการ ถึงเวลาแล้วที่ต้าเซี่ยจะพักฟื้นสักหน่อยมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”

“ฝ่าบาท…การเดินทางออกทะเลสามารถแย่งชิงเงินทองมาได้มากมายนั้นถือเป็นเรื่องที่ดียิ่ง ทว่า…กระหม่อมเห็นว่าควรจะจัดการกับความเป็นจริงเบื้องหน้านี้ให้ดีเสียก่อน อีกสักสองปีค่อยทรงคิดเรื่องนี้ใหม่ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ”

กองทัพเรือที่หนึ่งแห่งหยวนตงเต้า บัดนี้มีเรือรบระดับอู่เว้ยมากถึง 6 ลำ กองทัพเรือที่สองของเซินกังมีเรือรบระดับอู่เว้ยอยู่ 4 ลำ กองทัพเรือที่สามของเซี่ยเย๋มีเรือรบระดับอู่เว้ยถึง 5 ลำ รวมเรือรบทั้งสิ้น 15 ลำ สามารถก่อตั้งเป็นกองเรือรบเพื่อออกสำรวจเส้นทางเดินเรือของปิซาร์โรได้

เรื่องนี้ฟู่เสี่ยวกวนค่อนข้างร้อนใจมากเลยทีเดียว เมื่อคราได้สนทนากับปิซาร์โร ทวีปยุโรปที่ว่านั้นค่อนข้างใกล้เคียงกับชาติก่อน จากการคำนวณของปิซาร์โร ทวีปยุโรปน่าจะเพิ่งเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรก

เขาอยากพากองเรือรบเดินทางไปดูที่นั่น ทว่าบัดนี้เสนาบดีอาวุโสทั้งสามกลับพากันพร้อมใจคัดค้านเขา…ฟู่เสี่ยวกวนยกถ้วยชาขึ้นมาจิบแล้วครุ่นคิดชั่วครู่ หรือว่าตนจะใจร้อนจนเกินไปจริง ๆ ?

การฝึกของกองทัพเรือเพิ่งดำเนินได้เพียงสองสามเดือนเท่านั้น การเตรียมอาวุธ ยุทโธปกรณ์และจัดเตรียมสิ่งของที่จำเป็นสำหรับท้องทะเลอันกว้างใหญ่ต่าง ๆ ต้องใช้เวลานานเลยทีเดียว อืม…เช่นนั้นปีหน้าค่อยวางแผน เมื่อถึงกลางปีหน้า ท่าเรือทั้งสามแห่งก็น่าจะสร้างเรือรบได้อีกสักสามถึงห้าลำ เช่นนั้นก็จะสามารถก่อตั้งเป็นกองเรือขนาดมหึมาได้

ดังนั้นเขาจึงขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า “เอาเถิด…เรื่องนี้ปล่อยวางไปก่อน”

เสนาบดีทั้งสามจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จัวอี้สิงกุมมือขึ้นคารวะ “ฝ่าบาททรงพระปรีชามากยิ่งนัก ! ”

“งานชิวเหวยในปีนี้เป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”

“พวกเราคัดเลือกจิ้นซื่อได้ 322 คน… ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ จากที่พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า…ให้คัดเลือก 200 คนไปยังฝ่ายตรวจการ…นี่จะมากเกินไปหรือไม่ ? ที่หยวนเป่ยเต้าจะมิเปลี่ยนคนกลุ่มใหม่หรือพ่ะย่ะค่ะ ? ” จัวอี้สิงจ้องมองไปยังใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวนด้วยสีหน้างุนงง

ในเมื่อหยวนเป่ยเต้าเข้ามาเป็นอาณาเขตของต้าเซี่ยแล้ว ก็ควรจะใช้คนจากต้าเซี่ยเข้าไปดูแลมิใช่หรือ ?

ฟู่เสี่ยวกวนวางถ้วยชาลง จากนั้นก็ยกยิ้มขึ้น “เรื่องนี้อย่าได้รีบร้อนไปเลย เหตุใดข้าถึงได้เพิ่มคนถึง 200 คนเข้าไปในฝ่ายตรวจการรู้หรือไม่ ? นั่นเพราะข้าต้องการให้พวกเขาเดินทางไปยังหยวนเป่ยเต้า และคอยสอดส่องในฐานะฝ่ายตรวจการเสียก่อน ให้พวกเขาเหล่านั้นคุ้นชินกับวิถีชีวิตของราษฎรที่นั่น ให้พวกเขาได้รู้ว่าที่หยวนเป่ยเต้าและต้าเซี่ยมีสิ่งใดบ้างที่แตกต่างกัน”

“เรื่องบางเรื่องก็จำต้องค่อยเป็นค่อยไป ในมิช้าพวกเขาจะรู้เองว่าที่หยวนตงเต้านั้นแตกต่างออกไป พวกเขาถึงจะสามารถปรับมาตรการให้เข้ากับสภาพท้องถิ่นนั้น ๆ ได้ พวกเขาถึงจะสามารถหาจุดเริ่มต้นที่เหมาะสมที่สุดในการหลอมรวมวัฒนธรรมที่ต่างกันให้เข้ากันได้”

จัวอี้สิงและคนอื่น ๆ ถึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ฝ่าบาทได้ทรงใส่พระทัยมากยิ่งนัก นี่คือความอบอุ่นที่หล่อเลี้ยงทุกสรรพสิ่งอย่างเงียบงัน !

จากนั้นทั้งสี่คนก็ได้สนทนากันต่ออีกหลายชั่วยาม สิ่งที่สนทนากันก็คือเรื่องนโยบายต่าง ๆ ที่ทั้งสามสำนักทำขึ้นมาระหว่างที่ฟู่เสี่ยวกวนเดินทางออกจากเมืองกวนหยุนไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)