ตอนที่ 1097 สุริยายามเช้า
กองนาวิกโยธินที่ท่าเรือเซี่ยเย๋
ณ สำนักจิ่นปี้
เฮ้อซานเตาขีดเส้นสุดท้ายบนผนัง จากนั้นก็หัวเราะออกมาสามครา “ฮ่า ๆ ๆ เป็นเวลาหนึ่งเดือน ในที่สุดข้าก็สามารถออกจากที่นี่ได้แล้ว ! ”
ถังเชียนจวินเดินผ่านประตูเข้ามา จ้องมองไปที่เฮ้อซานเตาแล้วเอ่ยทักว่า “เจ้าหอนอันใดแต่เช้าตรู่ ! ”
“ไอหยา…เหล่าถัง เรือรบของเรามีกี่ลำแล้วหรือ ? ”
“พึ่งจะมีเพียงแค่ 6 ลำเท่านั้นเอง ! ”
“ช่างต่อเรือต้องเกียจคร้านมากเป็นแน่ ถึงได้ล่าช้าเยี่ยงนี้ ! ข้าจะต้องเตรียมตัวออกปล้นที่ทะเล ! นี่เจ้าได้เอาอาหารมาให้ข้า ด้วยหรือไม่ เปิดประตูให้ข้าประเดี๋ยวนี้ นี่มิใช่วันสุดท้ายของการกักขังหรือเยี่ยงไรกัน ? ข้าถูกขังครบหนึ่งเดือนแล้วนี่ ! ”
ถังเชียนจวินหันหลังเตรียมจะเดินออกไป “เจ้าอย่าได้คิดไปเอง นี่คือคำสั่งของฝ่าบาท จะวันเดียวก็ขาดมิได้เป็นอันขาด ! ”
เฮ้อซานเตาทำท่าทีห่อเหี่ยวขึ้นมาทันใด ในต้าหล้านี้คนที่เขาเกรงกลัวมีเพียง 4 คนเท่านั้น ซึ่งได้แก่ ฟู่เสี่ยวกวน ไป๋ยู่เหลียน จัวเปียหลี และโจ่งหยู สำหรับคนอื่น ๆ ในสายตาของเฮ้อซานเตา พวกเขาล้วนเป็นเพียงขยะเท่านั้น !
เดิมทีฟู่เสี่ยวกวนเป็นเพียงเศรษฐีที่ดินแห่งหลินเจียง แท้จริงแล้วเขาก็มิได้กลัวฟู่เสี่ยวกวนถึงเพียงนั้นหรอก เพียงแต่เป็นความเคารพมากกว่า เขาคิดว่าตนเองและฟู่เสี่ยวกวนล้วนเป็นเศรษฐีที่ดินเหมือนกัน ทว่าเศรษฐีที่ดินเยี่ยงฟู่เสี่ยวกวนนั้นเก่งกาจจนเขาเทียบมิติด
ไป๋ยู่เหลียนเป็นผู้สอนวรยุทธ์และเพลงดาบให้กับเขา ในความคิดของเฮ้อซานเตา หากมิมีไป๋ยู่เหลียนก็คงมิมีเขาในวันนี้ ดังนั้นความกลัวที่มีต่อไป๋ยู่เหลียนคือบุญคุณ
สำหรับจัวเปียหลี…เพราะเขาเป็นปรมาจารย์ !
สู้ไปก็แพ้อยู่ดี !
สำหรับเฮ้อซานเตาที่ชอบเอ่ยวาจาโผงผาง เขาเคยถูกจัวเปี๋ยหลีต่อยจนร่างลอยไปไกล ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเมื่ออยู่ต่อหน้าจัวเปียหลี เขาก็มักจะทำตัวว่านอนสอนง่าย นี่ก็คือความกลัวในความแข็งแกร่งของจัวเปียหลี
ส่วนโจ่งหยู…เป็นความกลัวที่ฝังอยู่ในกระดูก
เฮ้อซานเตาที่มิเกรงกลัวต่อเทวดาฟ้าดิน ทว่ากลับเกรงกลัวบุคคลทั้งสี่นี้
ตอนที่เขาได้รับราชโองการจากฟู่เสี่ยวกวนว่าให้กักบริเวณ เขาก็เดินเข้าไปที่สำนักจิ่นปี้ด้วยตนเอง โดยมิจำเป็นต้องให้ผู้ใดมาเรียก
ถึงแม้ว่าเฮ้อซานเตาจะถูกกักบริเวณ ทว่ากิตติศัพท์ของเขาในกองนาวิกโยธินและกองทัพเรือที่สามต่างก็เป็นที่เลื่องลือ สุดท้ายแล้วเงินที่ปล้นมาก็มิได้ส่งคืนให้คลังหลวง เพราะเงินนั้นได้แบ่งให้กับเหล่าทหารกองนาวิกโยธินคนละ 100 ตำลึงแล้ว !
สำหรับทหารเหล่านั้นที่ตกตายในสนามรบ เฮ้อซานเตาครูฝึกของพวกเขาได้นำเงิน 300 ตำลึงแจกจ่ายให้กับครอบครัวของพวกเขา !
นอกจากจ้าวลี่จู้ผู้ช่วยของเฮ้อซานเตา ก็มิมีผู้ใดรู้อีกว่าครูฝึกของพวกเขาเอาเงินจำนวนมหาศาลเยี่ยงนี้มาจากที่ใด
ในการสู้รบครานั้น ทหารนาวิกโยธินสละชีพไป 2,300 นาย ครูฝึกเยี่ยงเขาได้ให้เงินเยียวยาไปทั้งสิ้น 500,000 ตำลึง !
เงินก้อนนี้เฮ้อซานเตาบากหน้าไปขอกับโจ่งหยู
เขาถึงกับยอมพลีชีพกว่าจะได้เงินก้อนนี้มา !
เดิมทีเรื่องนี้ถูกปิดเป็นความลับ ทว่าคืนนั้นที่จ้าวลี่จู้และเหล่าสหายร่วมรบได้ดื่มสุราเข้าไป หลังจากเริ่มเมามายก็ได้เล่าออกมาด้วยความโศกเศร้าเสียใจ จากนั้นข่าวนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วค่ายทหารในชั่วข้ามคืน ดังนั้นทุกคนจึงรู้ว่าผู้บัญชาการกองทัพที่ดุร้ายในสายตาของพวกเขายังมีอีกด้านที่พวกเขามิรู้จัก
ภาพลักษณ์ของเฮ้อซานเตาดูดีขึ้นมาทันใดในจิตใจของทหารเหล่านั้น ดังนั้นอยู่มาวันหนึ่งเหล่าทหารก็ได้ส่งเงินจำนวน 100 ตำลึงที่พวกเขาได้รับคืน ทว่ากลับถูกเฮ้อซานเตาตำหนิ
“ข้าต้องการเงินก็จริง ทว่านี่เป็นเงินที่พวกเจ้าแลกมาด้วยชีวิต ดังนั้นจงนำกลับไปให้หมด ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)