สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1098 ปืนบรรจุกระสุนท้ายลํากล้อง – นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet
บท ตอนที่ 1098 ปืนบรรจุกระสุนท้ายลํากล้อง ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ในหมวดนิยายทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 1098 ปืนบรรจุกระสุนท้ายลํากล้อง
ณ ซีซาน เมืองหลินเจียง
หิมะตกหนักทำให้ภูเขาซีซานถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน
ถึงแม้ว่าแสงสุริยาจะสาดส่องลงมา ทว่ามันก็มิสามารถพัดพาความหนาวเย็นของฤดูหนาวนี้ออกไปได้ ทำให้ฉินปิ่งจงรู้สึกหนาวมากยิ่งขึ้นเนื่องจากการละลายของหิมะ
สำนักศึกษาซีซานได้พักการเรียนชั่วคราว เขาหยิบหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ต้าเซี่ยขึ้นมาอ่านโดยละเอียดอยู่ข้าง ๆ เตาผิงในห้องฝั่งตะวันออกของสำนักศึกษาซีซาน
แน่นอนว่า สิ่งแรกที่เขาเห็นคือพาดหัวข่าวในหน้าแรก หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ต้าเซี่ยเขียนถึงนโยบายที่สำคัญที่สุดของต้าเซี่ย
คิ้วของฉินปิ่งจงขมวดขึ้นเป็นปม เมื่อเห็นหัวข้อปฏิรูประบบการศึกษา !
ในบทความนี้ ฝ่าบาททรงใช้วิธีการปราบปรามก่อนแล้วค่อยยกระดับในภายหลัง เขาสรรเสริญตำราทั้งสี่และคัมภีร์ทั้งห้าในระบบการสอบขุนนางระดับเคอจี่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทว่าเมื่อพลิกไปหน้าสุดท้ายกลับมีเนื้อความว่า…ถึงเวลาที่ระบบการสอบขุนนางระดับเคอจี่จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว
เมื่อเข้าสู่ปีที่สามของต้าเซี่ย ทฤษฎีและนโยบายเป็นเพียงหนึ่งในการทดสอบทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น ในขณะที่อีกสามการทดสอบจะเป็นคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์และเคมี !
สำนักศึกษาซีซานได้เปิดหลักสูตรทั้งสามวิชานี้แล้ว เพียงแต่ว่ายังอยู่ในขั้นตอนการทดลองสอนเท่านั้น ทว่าก็สามารถจินตนาการถึงผลของการศึกษาได้เลย
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นรวดเร็วมากยิ่งนัก…ฉินปิ่งจงครุ่นคิดว่าฝ่าบาททรงเร่งรีบเกินไปหรือไม่ ?
ยิ่งไปกว่านั้นสาขาวิชาทั้งสามนี้ มีประโยชน์อันใดในการปกครองประเทศเยี่ยงนั้นหรือ ?
ปัจจุบันการปกครองประเทศ เหล่าบัณฑิตล้วนใช้เนื้อหาในตำราหลี่เสวียเป็นหลัก อีกอย่างในฐานะคณบดีฉินปิ่งจงเองก็เคยอ่านและเคยปรึกษาหารือกับเหล่าอาจารย์ทั้งสามสาขาวิชานี้มาแล้ว วิชาฟิสิกส์และเคมีนั้น… แม้ว่าอาจารย์เหล่านี้จะเคยศึกษาที่มหาวิทยาลัยกั๋วลี่ต้าเซี่ย ทว่าพวกเขาก็ยังมิสามารถตระหนักถึงความหมายที่ลึกซึ้งได้อยู่ดี พวกเขาเพียงแค่สอนตามตัวอักษรที่อยู่ในบทเรียนก็เท่านั้น
ตามวิธีดังกล่าว ผลการสอนย่อมออกมามิเป็นที่น่าพึงพอใจอย่างแน่นอน ในความคิดของฉินปิ่งจง หากต้องการให้อาจารย์ที่สอนทั้งสามสาขาวิชานี้ถ่ายทอดออกมาได้ดี ก็จำต้องมีการศึกษาค้นคว้าอย่างน้อยสองชั่วอายุคน
แนวคิดของฉินปิ่งจงมิผิดแต่อย่างใด หลังจากที่ฟู่เสี่ยวกวนเสนอการปฏิรูปการศึกษานี้ เสนาบดีทั้งสามรวมไปถึงเหวินสิงโจวต่างก็คัดค้านเรื่องนี้ ดังนั้นฟู่เสี่ยวกวนจึงยังมิได้ยกเลิกตำราทั้งสี่และคัมภีร์ทั้งห้า ทว่าคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์และเคมีก็ยังต้องสอบอยู่ และท้ายที่สุดเขาก็จะเลือกคนที่ได้รับคะแนนรวมมากที่สุดจากการสอบสี่สาขาวิชานี้
ในความเป็นจริงเรื่องนี้มันเร่งด่วนจนเกินไป ตำราเรียนคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์และเคมี เขาเป็นผู้เขียนและเรียบเรียงขึ้นมาด้วยตนเอง แม้ว่าชาติที่แล้วเขาจะตั้งใจเรียนมากยิ่งนัก ทว่าเขาจะจดจำได้สักเท่าใดกันเชียว เพราะนี่มันก็ผ่านไปนานแล้วมิใช่หรือ ?
ดังนั้นตำราเหล่านี้จึงเทียบเท่ากับระดับมัธยมศึกษาตอนต้นในชาติก่อนเท่านั้น มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้ !
เมื่อมิมีอาจารย์ที่มีความรู้ด้านนี้ แล้วจะไปสอนบัณฑิตได้เยี่ยงไรกัน ?
แต่เขาก็ยังยืนกรานในเรื่องนี้ เพราะเขาหวังว่าสักวันหนึ่งจะมีใครสักคนในต้าเซี่ยถูกแอปเปิลหล่นใส่ศีรษะ หลังจากนั้นก็เกิดความคิดที่ว่าเหตุใดแอปเปิลถึงตกลงบนพื้นแทนที่จะลอยขึ้นไปบนท้องนภา
นี่คือยุคสว่างในด้านวิทยาศาสตร์ ที่เปรียบเหมือนเมล็ดพันธุ์เล็ก ๆ ถึงแม้ว่าดินจะมิเหมาะกับการเจริญเติบโตของเมล็ดนี้ ทว่ามันก็สามารถหยั่งรากและเติบโตไปเป็นต้นไม้ใหญ่ได้
ฉินปิ่งจงมิได้รับรู้ถึงความคิดเหล่านี้ของฟู่เสี่ยวกวน เขาคิดว่าเรื่องเหล่านี้เหลวไหลไปสักหน่อย ดังนั้นเขาจึงคิดว่าควรจะเขียนจดหมายถึงฟู่เสี่ยวกวนสักหน่อย เหล่าบัณฑิตมีความรู้ที่จำกัด ดังนั้นมิควรเรียนรู้เกินกำลัง
ในขณะนั้น ร่างของฉินรั่วเสวียที่ถูกหิมะปกคลุมราวกับตุ๊กตาหิมะก็ได้เดินเข้ามาด้านใน
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสุข ถอดหมวกแล้วเดินเอาไปแขวนไว้กับผนัง จากนั้นก็เดินไปนั่งข้าง ๆ ฉินปิ่งจง พลางยื่นมือออกไปอังกับเตาผิง แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านปู่ หลานคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่ทรงพลังขึ้นมาได้ หลานได้ทำการทดลองยิงแล้วมันสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ทว่ามันต้องมีการปรับปรุงเพิ่มเติม ข้าคิดว่ามันจะมีอนุภาพมากกว่าปืนใหญ่หงอีของท่านพี่เสียอีกเจ้าค่ะ ! ”
ฉินปิ่งจงเผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา พลางครุ่นคิดในใจว่าหลายชายและหลานสาวมิได้เดินไปตามเส้นทางที่เขาเคยคิดไว้ ถ้าหากเป็นไปตามความคิดก่อนหน้านี้ของฉินปิ่งจงล่ะก็ พวกเขากำลังหลงทางอยู่
ฉินรั่วเสวียเงยหน้าขึ้น จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ไม่ ! ข้าจำต้องปรับปรุงปืนใหญ่ ถ้าหากจะแต่งงานก็จะต้องรอให้ข้าทำปืนใหญ่นี้ออกมาให้สมบูรณ์แบบที่สุดเสียก่อน นอกจากนี้… ท่านปู่ ข้าจะอยู่ที่นี่และจะมิไปที่เมืองกวนหยุนเป็นอันขาด เพราะที่นี่มีท่านและมีศูนย์วิจัยซีซาน ! ”
“ข้า…ข้ามิอยากจากที่นี่ไปเจ้าค่ะ”
“ทว่าเจ้าเป็นสตรี เจ้าแต่งออกไปก็ถือเป็นคนของตระกูลเยี่ยนแล้ว หากแยกกันอยู่คนละ ถือเป็นการผิดธรรมเนียมประเพณีที่มาแต่โบราณมิใช่หรือ ? ”
“เช่นนั้นข้าขอมิแต่งงานดีกว่า ! ”
“เจ้า… ! ”
ฉินปิ่งจงสงบสติอารมณ์ จากนั้นก็จ้องเขม็งไปที่หลานสาว ทว่าสายตาของฉินรั่วเสวียกลับจ้องไปที่หนังสือพิมพ์ นางหยิบขึ้นมาอ่านชั่วครู่ ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เปล่งประกายขึ้นมาทันพลัน
“ท่านปู่… ฝ่าบาทเดินหมากได้ล้ำเลิศยิ่ง ! ”
“หมากอันใดของเจ้ากัน ? ”
“ก็การปฏิรูปการสอบเยี่ยงไรเล่า วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์และเคมีสำคัญมากยิ่งนัก ! ศูนย์วิจัยซีซานยังขาดคนที่มีความสามารถ ดังนั้นเรื่องการคำนวณหลายสิ่งหลายอย่างข้าจำต้องเป็นคนทำเอง ทว่าความรู้ด้านคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีของข้ามิค่อยดีนัก ! ”
“สิ่งนั้นมีประโยชน์เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ฉินรั่วเสวียพยักหน้าอย่างหนักแน่น “เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง อ้อ ! ข้าจะต้องไปทูลถามวิธีการแก้ไขปืนบรรจุกระสุนท้ายลำกล้องจากฝ่าบาท ข้าคำนวณความหนาแน่นของแรงดันระเบิดนี้มานานแล้ว แต่ก็มิสามารถคำนวณแรงดันของมันได้สักที ทำให้กระสุนระเบิดก่อนจะไปถึงเป้าหมาย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)