ตอนที่ 1222 ค่ำคืนในเมืองฉางอัน
“หลายวันมานี้เจ้าหายไปที่ใดมากัน ? ”
หูฉินวางกับข้าวสี่อย่างไว้บนโต๊ะ พลางเปิดสุราซีซานหนึ่งขวด นางจ้องมองสวี่หยุนชิงที่นั่งอยู่บนโต๊ะแล้วเอ่ยถาม
“ข้าไปจัดการธุระมาน่ะ…เจ้าประพันธ์ทำนองบทกวีร่ำสุราเสร็จแล้วหรือยัง ? ข้าได้ยินยิงมู่ฮวาหยู่ดาวเด่นหอหยินเหอจิ่วเทียนนำเอากวีนั่นไปขับร้องแล้ว”
หูฉินรินสุราให้สวี่หยุนชิงแล้วเอ่ยว่า “จะรีบร้อนเนื่องด้วยเหตุอันใดกัน ? เมื่อวานข้าเพิ่งไปฟังนางร้องที่หอหยินเหอจิ่วเทียนมา ทำนองนั้นถือว่าดีใช้ได้เลยทีเดียว ทว่าฟังดูมิมีพลังเท่าใดนัก”
นางชูจอกสุราขึ้นมาแล้วหันไปมองสวี่หยุนชิง “มาเถิด…ดื่มเพื่อมิตรภาพของพวกเราทั้งสองคน เพื่อช่วงเวลาอันสวยงามที่หงซิ่วจาวเมืองจินหลิง พวกเรามาดื่มจอกนี้ให้หมดกัน ! ”
สวี่หยุนชิงชายตามองหูฉิน “ยังจะมาประจบประแจงอยู่อีก ! ”
นางยกจอกสุราขึ้นมา จากนั้นทั้งสองก็ชนจอกสุราแล้วกระดกจนหมดจอก
“เจ้าไปที่หยินเหอจิ่วเทียนมิใช่เพื่อไปฟังการบรรเลงเป็นแน่ เจ้าค้นพบอันใดมิชอบมาพากลเยี่ยงนั้นหรือ ? ” สวี่หยุนชิงยกขวดสุราไปรินให้กับหูฉิน
“ถ้าหากค้นพบได้ง่ายถึงเพียงนั้นก็คงมิใช่ฝีมือของหยูซูหรงน่ะสิ ข้าว่าพวกเราวิตกกังวลเกินไปหรือไม่ ? ทุกวันนี้ต้าเซี่ยแข็งแกร่งจนมิอาจมีสิ่งใดตีให้แตกพ่ายได้ ตราบใดที่บุตรชายของเจ้ากุมอำนาจเหนือกองทัพ หยูซูหรงจะก่อความวุ่นวายใดได้อีกกัน ? ”
นี่คือความจริง ! หลายวันมานี้สวี่หยุนชิงก็ครุ่นคิดคำถามนี้มาโดยตลอด รู้สึกว่าตนเองตื่นตูมจนเกินไป
หากลองมองประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา การต่อต้านจะมีเงื่อนไขเพียงมิกี่ข้อ หนึ่งในนั้นก็คือผู้คนอดอยากแร้นแค้น จนทำให้เกิดความโกลาหลภายใน
บัดนี้ต้าเซี่ยดำรงอยู่ในความสงบสุขทั่วทุกแห่งหน ราษฎรใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญ ซึ่งแทบมิมีปัจจัยใด ๆ ให้ราษฎรลุกฮือเลยแม้แต่น้อย
“ทว่าหยูซูหรงนางเป็นตัวปัญหา นางกำลังวางแผนทำอันใดกันแน่นะ ? ”
“ข้าคาดเดาว่าข่าวลือเมื่อคราราชวงศ์หยูนั้นเป็นเรื่องจริง เจ้าลองคิดดูเถิด หากว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริง เยี่ยงนั้นคูฉานก็คือบุตรชายของหยูซูหรง”
“จี้หยุนกุยบอกว่าคูฉานออกเดินทางจากเมืองฉางจินไปยังจักรวรรดิโมริยะ ฝานเทียนหนิงบอกเขาว่าคูฉานเดินทางไปยังจักรวรรดิโมริยะเพื่อเผยแพร่พุทธศาสนา”
“ในเมื่อหยูซูหรงเป็นมารดาของเขา จักรวรรดิโมริยะถูกบุตรชายของเจ้าตีจนแตกราบคาบ ที่นั่นต้องเต็มไปด้วยอันตรายอย่างแน่นอน ผู้เป็นแม่ย่อมเป็นห่วงบุตรเป็นธรรมดา ดังนั้นนางจึงขนสมบัติและคนของป่ากระบี่ไปยังจักรวรรดิโมริยะเพื่อคุ้มกันความปลอดภัยกับให้ลูกชาย มันก็ดูสมเหตุสมผลดี”
สวี่หยุนชิงนิ่งเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นก็เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัยว่า “เช่นนั้น…มิจำเป็นต้องแปลงโฉมก็ได้นี่ เพียงแค่หนีไปอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ ก็ได้แล้วมิใช่หรือ”
“ในเมื่อนางเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ ถ้าหากนางออกจากต้าเซี่ยอย่างเปิดเผย ก็เกรงว่าจะทำให้บุตรชายของเจ้าคลางแคลงใจได้ หรืออาจจะกลัวว่าถ้าหากมิปิดปังตัวตนก็คงมิอาจขนสมบัติไปมากมายถึงเพียงนั้นได้”
หูฉินยกจอกสุราขึ้นมา “นางรู้ว่าฝ่าบาทย่อมมิสนพระทัยเรื่องเล็กน้อย ผนวกกับตัวตนที่ชวนอ่อนไหวของนาง ขนาดข้าก็ยังมองว่ามิใช่เรื่องแปลกอันใด”
“อีกอย่าง…ต่อให้นางคอยช่วยเหลือบุตรชายของนางได้รวมประเทศ ทว่าจักรวรรดิโมริยะเคยถูกฝ่าบาทตีจนแพ้ราบคาบมาแล้ว เช่นนั้นต่อไปพระองค์ก็ย่อมทำให้มันแตกพ่ายได้อีกครา…พวกเรากินจอกนี้ให้หมดก่อนเถิดแล้วค่อยว่ากันต่อ”
สวี่หยุนชิงยื่นจอกสุราเข้าไปชน “มิมีปัญหาอยู่แล้ว”
“หมดจอก”
ทั้งสองดื่มสุราเข้าไปอีกหนึ่งจอก จากนั้นหูฉินก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ชายอ้วน… ทุกวันนี้ชายอ้วนคงกำลังรอเจ้าอยู่ในสำนักเต๋าเป็นแน่ เจ้าออกมาครานี้มิคิดจะกลับไปหรือเยี่ยงไร…หยุนชิง ”
หูฉินโน้มตัวเข้าไปหานางเเล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ที่นี่มีเพียงแค่พวกเราสองคนเท่านั้น เจ้าบอกข้ามาสิว่าฝ่าบาทเป็นบุตรของผู้ใดกันแน่ ? ”
สวี่หยุนชิงถลึงตาใส่หูฉิน “อย่าได้คิดอันใดมั่วซั่วเชียว มาดื่มกัน ! ”
แน่นอนว่าสวี่หยุนชิงมิได้ตอบคำถามของหูฉิน เรื่องนี้จะบอกให้ผู้ใดรู้มิได้เป็นอันขาด นางรินสุราสองจอก จากนั้นก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างเร็วไว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)