นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 1248

ตอนที่ 1248 สุนัขจนตรอก

เยี่ยนซีเหวินนำชาวบ้านไปกวาดล้างโกดังข้าวของอำเภอเชียนซานจนหมดเกลี้ยง

ทว่าสิ่งที่พวกเขานำกลับมานั้น มิใช่เสบียงข้าว ทว่าเป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวต่างหากเล่า !

เยี่ยนซีเหวินยุ่งจนมือพันกัน เขาให้หยางเว่ยเจ้าเมืองหวงถางคอยควบคุมเสบียงข้าวทั้งหมดที่แย่งชิงมาได้ส่งถึงมือของชาวบ้านจากทั้งหกหมู่บ้าน

แต่ก็มิได้มีจำนวนมากนัก แต่ละบ้านได้เมล็ดพันธุ์ตามสัดส่วนของแปลงที่ขึ้นทะเบียนไว้

เรื่องนี้ทำให้หยางเว่ยตื่นตกใจจนแทบจะฉี่ราดกางเกง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจะขัดอันใดได้อีกกัน ?

เขาเดินทางไปขานชื่อแต่ละครัวเรือนด้วยความหวาดกลัว เขาใช้เวลาเพียงสองวันในการแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว

เขากังวลเป็นอย่างยิ่งว่าทางหน่วยงานราชการจะส่งทหารท้องถิ่นมากำจัดเมืองหวงถาง และเขาก็กังวลเป็นอย่างยิ่งว่านายท่านเยี่ยนผู้เป็นหัวหน้าในการกระทำเรื่องบ้าบิ่นนี้จะชิ่งหนีไปเสียก่อน !

หากว่านายท่านเยี่ยนผู้ใจกล้าผู้นี้ชิ่งหนีไปแล้วล่ะก็ หยางเว่ยกำลังคิดว่าตนควรจะขนชาวบ้านหลบหนีเข้าไปในภูเขาดีหรือไม่

ทว่าท่านเยี่ยนผู้นี้ก็มิได้หนีแต่อย่างใด เขายังคงอาศัยอยู่ในบ้านของหลี่เอ้อร์หนิว มิหนำซ้ำเขายังตระเวนไปแต่ละหมู่บ้านแต่ละครัวเรือนภายใต้การดูแลขององครักษ์ เพื่อไปตรวจตราการเพาะปลูกของชาวบ้าน

แม้จะค่อนข้างล่าช้า แต่ก็คิดว่าน่าจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มิน้อย

เขาส่งองครักษ์อีก 6 คนแบกปืนนำชาวบ้านขึ้นเขาไปล่าสัตว์ !

เมื่อมีปืน การสังหารหมีดำก็มิใช่เรื่องลำบากอีกต่อไป

พวกเขาล่าหมีดำ ทั้งยังล่าหมูป่ากลับมาได้มากมาย

ล้วนเป็นเนื้ออันล้ำค่าทั้งสิ้น !

ทุกคนที่ไปร่วมล่าเนื้อในวันนี้สามารถแบ่งเนื้อกันได้ตั้งหลายชั่ง !

ในสายตาของชาวบ้านทั้งหกหมู่บ้านแล้วนั้น นายท่านเยี่ยนเปรียบดั่งบุรุษที่พระเจ้าประทานมาช่วยเหลือพวกเขา !

เมื่อได้เนื้อประทังชีพ พวกบ้านต่างลืมอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ ทว่าหยางเว่ยมิเคยลืมเลือน นายอำเภอเฉียนที่บัดนี้ผอมจนหนังหุ้มกระดูกมิมีสภาพความเป็นคนหลงเหลืออยู่ก็เหมือนจะยังมิลืมเช่นกัน

หยางเว่ยได้ส่งชาวบ้านสองคนขึ้นไปดูลาดเลาบริเวณถนนบนภูเขาชานหยุนซึ่งเป็นเส้นทางที่จำเป็นต้องผ่าน เขากลัวว่าทหารท้องถิ่นจะเคลื่อนขบวนเข้ามา

นายอำเภอเฉียนผู้นั้นมีชีวิตอยู่ต่ออย่างมิยอมแพ้ เขาเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าใต้เท้าจงสือจี้จะส่งทหารมาช่วยเหลือเขา

ทว่าบัดนี้เวลาก็ได้ล่วงเลยเข้าวันที่แปดแล้ว ข่าวคราวการโจรกรรมโกดังข้าวก็น่าจะถึงหูใต้เท้าจงแล้ว ทว่าเหตุใดถึงยังไร้วี่แววของทหารกันนะ ?

ในแต่ละวันเขาได้กินเพียงซุปผักประทังชีวิต ดูเหมือนว่าคนแซ่เยี่ยนผู้นั้นยังมิอยากเห็นเขาตาย

เช่นนั้นข้าก็ต้องอยู่ต่อ อยู่ดูเจ้าคนแซ่เยี่ยนนั้นตายด้วยฝีมือของทหารท้องถิ่น !

ใต้เท้าจงที่เขารอคอย ในตอนนี้กำลังทำอันใดอยู่นะ ?

บัดนี้จงสือจี้มีสภาพลุกลี้ลุกลนมิต่างอันใดจากมดที่วิ่งวุ่นอยู่บนหม้อน้ำร้อนที่เดือดปุด ๆ

“เจ้าบอกว่าที่เมืองหวงถางในอำเภอเชียนซานพบบุคคลต้องสงสัยเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“เรียนท่านใต้เท้า ข้าน้อยได้สืบอย่างละเอียดแล้ว ที่โกดังข้าวของอำเภอเชียนซานถูกโจรกรรมนั้นเป็นเพราะเจ้าเมืองหวงถางคอยช่วยคนเถื่อนพวกนั่น ! เดิมทีคนพวกนั้นล้วนเป็นพวกขี้ขลาดตาขาว คนที่ริเริ่มเรื่องนี้เป็นคนต่างถิ่น เขามีองครักษ์คอยคุ้มกันอยู่สิบคน ซึ่งคนพวกนั้นติดอาวุธปืนครบครัน ! ”

“ท่านใต้เท้า เพราะเขาส่งองครักษ์เข้าไปคุ้มภัยให้กับคนเถื่อนเหล่านั้น ได้ยินมาว่าข้าวเปลือกที่พวกเขาปล้นไปนั้น มิได้แบ่งกันไปกิน ทว่านำไปปลูกในนาให้มันงอกเงยขึ้นมาเป็นต้นกล้า ! ”

จงสือจี้ขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นก็เอ่ยถามว่า “คนผู้นั้น…มีแซ่ว่าเยี่ยงไร ? ”

“เรียนท่านใต้เท้า แซ่เยี่ยนขอรับ ! ”

จงสือจี้ใจหายวาบในทันที แซ่เยี่ยน องครักษ์ติดตั้งอาวุธปืนเสร็จสรรพ ทำนา…ต้องเป็นเสนาบดีเยี่ยนมิผิดเป็นแน่

ช่วงนี้เกิดเรื่องราวติด ๆ กันในเยวี่ยซานเป่ยเต้ามิเว้นวัน ช่วงนี้ท่านเต้าถายเหยียนมิได้ส่งจดหมายมาบอกกล่าวอันใด เกรงว่าเขาก็กำลังกลัดกลุ้มและกังวลใจมิต่างกัน

ตนจะทำเยี่ยงไรดี ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)