สายฝนยามวสันตฤดูตกติดต่อกันเป็นเวลาสิบกว่าวัน
ข่าวการทะเลาะกันระหว่างฝ่าบาทและเสนาบดีเยี่ยนในห้องทรงพระอักษรมิอาจปกปิดได้มิดชิด แม้ว่าเรื่องนี้มิถูกนำไปเอ่ยปากต่อปากในหมู่ราษฎร ทว่าก็เป็นที่ทราบโดยทั่วกันสำหรับขุนนางในท้องพระโรง
นี่เป็นสัญญาณที่มิดีเท่าใดนัก
โครงร่างถนนของเขตเยวี่ยซานที่กรมโยธาธิการและกรมคลังได้ทุ่มเทออกเเบบนั้น จำต้องพับเก็บไปก่อนเนื่องจากฝ่าบาทมิประทับตราเห็นชอบ แม้ในภายหลังฉินโม่เหวินและหนิงหยู่ชุนจะนำแผนการนี้ไปเสนอต่อฝ่าบาทอีกครา ทว่าองค์จักรพรรดิก็ยังแสดงความต่อต้านออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
แต่ถึงกระนั้นพระองค์ก็ได้เสนอเรื่องหนึ่งขึ้นมา
ถ้าหากกรมราชทัณฑ์ทำตามข้อเรียกร้องเมื่อใด เขาจะประทับตราเห็นชอบในแผนการนี้ทันที
แม้จะมีการหารือราชกิจระหว่างเสนาบดีทั้งสามฝ่ายและมีการลงมติของคณะรัฐมนตรีก็จริง ทว่ามันก็มีข้อจำกัดอยู่ หากเป็นนโยบายของประเทศ มันจำต้องได้รับความเห็นชอบจากองค์จักรพรรดิด้วยเช่นกัน
นี่คือสามขั้วอำนาจที่ฟู่เสี่ยวกวนเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ สิ่งแรกคือพระราชอำนาจแห่งองค์จักรพรรดิ อำนาจในการออกว่าราชกิจและอำนาจในการตรวจสอบ ซึ่งทั้งสามฝ่ายนี้มีเส้นแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน
จัวอี้สิงเองก็เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี
ในสำนักคณะรัฐมนตรีนั่นเอง หนานกงอี้หยู่และเมิ่งฉางผิงกำลังนั่งหารืออยู่ต่อหน้าจัวอี้สิง
“เรื่องนี้…คงต้องขอให้เจ้าออกโรงแล้วล่ะ”
จัวอี้สิงส่ายศีรษะ “ข้าเคยเข้าเฝ้าฝ่าบาทมาก่อน หรือว่า…พวกเราจะถอยสักก้าวดี ? ”
การถอยสักก้าวหมายถึงการตอบรับข้อเสนอที่ให้ปล่อยตัวท่าป๋าฉางฮวนออกมา
เมิ่งฉางผิงส่ายศีรษะมิเห็นด้วย “นี่มิถูกต้อง ! หากยอมให้มีกรณีเกิดขึ้นเมื่อใด ต่อไปกฎหมายรัฐธรรมนูญคงไร้ซึ่งความหมาย ! ”
“ตอนที่พวกเรายังอาศัยอยู่ที่เมืองกวนหยุน จักรพรรดิพระเจ้าหลวงทรงเพียรพยายามอย่างหนักที่จะนำกฎหมายรัฐธรรมนูญมาบังคับใช้ เพื่อให้ราษฎรได้เข้าใจในหลักกฎหมายและสิทธิของพวกเขาเอง”
“อีกอย่างทุกวันนี้มหาวิทยาลัยต้าเซี่ยต่างก็เปิดสอนสาขากฎหมายโดยเฉพาะแล้ว นักศึกษากฎหมายเหล่านั้นต่างก็เข้าใจในกฎหมายเป็นอย่างดี ถ้าหากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปสู่สาธารณชนเมื่อใด ท่านจัว…ท่านคิดนักศึกษาเหล่านั้นจะมองกฎหมายเยี่ยงไร ? พวกเขาจะมองฝ่าบาทเยี่ยงไร ? ”
จัวอี้สิงนิ่งเงียบไป
หนานกงอี้หยู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ปริปากเอ่ยขึ้นมาว่า “เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ? เรื่องการสร้างถนนของเขตเยวี่ยซานทั้งสองนั้น ถือเป็นโครงการใหญ่ที่จักรพรรดิพระเจ้าหลวงทรงวางแผนไว้ มันเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายพัฒนาชุมชน มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้ราษฎรทั้งสองเขตเยวี่ยซานได้สสัดทิ้งความยากจน”
“กองทุนเฉพาะกิจของกรมคลังได้เตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว กองทหารช่างก็ได้เตรียมเสร็จสรรพเเล้ว เหลือเพียงคำสั่งดำเนินการเท่านั้นเอง”
“ท่านจัว หรือว่า…เรื่องนี้มิจำเป็นต้องผ่านฝ่าบาทอีกต่อไป เพียงแค่เสนาบดีทั้งสามฝ่ายและคณะรัฐมนตรีเห็นชอบก็พอแล้ว จากนั้นก็เริ่มดำเนินการตามแผนต่อไป เช่นนี้ดีหรือไม่ ? ”
“มิได้เด็ดขาด ! จะยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นมิได้เด็ดขาด ! ” จัวอี้สิงผงะ
“นี่เป็นกรณีตัวอย่างที่มิดีเช่นกัน…พวกเจ้าลองคิดดูเถิด หากพวกเราดำเนินการเรื่องนี้โดยที่มิได้รับความเห็นชอบจากฝ่าบาท พระองค์จะคิดเยี่ยงไร ? ”
“เช่นนั้นองค์จักรพรรดิยังจะมีความหมายอันใดสำหรับต้าเซี่ย ? หากมีคราแรก... เช่นนั้นการอนุมัตินโยบายครั้งต่อ ๆ ไปก็ให้ผ่านเสนาบดีทั้งสามฝ่ายและการลงมติของคณะรัฐมนตรีก็เป็นพอ แบบนั้นฝ่าบาทก็จะมีสภาพมิต่างอันใดจากจักรพรรดิหุ่นเชิดมิใช่หรือ ? ”
จัวอี้สิงโบกมือไปมาพลางส่ายศีรษะมิเห็นด้วย “เช่นนั้นพระราชอำนาจขององค์จักรพรรดิก็จะไร้ความหมายมิใช่หรือ ? ต่อให้จักรพรรดิพระเจ้าหลวงยังประทับอยู่ที่นี่ พระองค์ก็คงจะมิยอมเห็นด้วยเป็นแน่”
เมิ่งฉางผิงที่เป็นผู้ฟังพยักหน้าตาม “ท่านหนานกงอี้หยู่รีบร้อนจนเกินเหตุ หากจะทำเช่นนั้นก็ดูเหมือนจะมิถูกต้องเท่าใดนัก”
“แล้วจะทำเยี่ยงไรเล่า ? จะปล่อยให้เสียเวลาไปทั้งอย่างนี้น่ะหรือ ? พวกเราน่ะมิเป็นไรหรอก ทว่าชาวบ้านในเขตเยวี่ยซานกำลังเฝ้ารอที่จะหลุดพ้นจากความยากจนอย่างมีความหวัง ! ”
จัวอี้สิงถอนหายใจยาว “ผู้ใดก่อปัญหาขึ้น คนนั้นต้องแก้ไขด้วยตนเอง เยี่ยงไรเรื่องนี้ก็จำต้องไปสนทนากับฝ่าบาทดี ๆ ข้าจะไปพบท่านนักปราชญ์เหวินสิงโจว เพราะเขาคืออาจารย์ของฝ่าบาท ข้าจะขอให้เขาเกลี้ยกล่อมฝ่าบาทให้ยอมถอยสักก้าว”
……
……
ณ ห้องทรงพระอักษร
เหวินสิงโจวนั่งอยู่เบื้องหน้าอู๋เทียนซื่อ สีหน้าของเขาหม่นหมองลงเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)