เดิมทีเยี่ยนซีเหวินคิดว่าจดหมายคัดค้านราชโองการฉบับนั้นจะนำพาความวุ่นวายต่าง ๆ มาให้เขาเสียอีก แต่คาดมิถึงเลยว่ามันกลับหายเงียบไปเสียดื้อ ๆ
ฝ่าบาทมิได้ส่งราชโองการฉบับที่สองกลับมา มิหนำซ้ำยังเงียบกริบไร้ซึ่งข่าวคราวใด
เขาหลงคิดไปว่าฝ่าบาทจะทรงคิดได้แล้ว แต่เขากลับมิรู้เลยว่าแท้จริงแล้วอู๋เทียนซื่อได้ข้ามขั้นตอนการพิจารณาจากเสนาบดีทั้งสามฝ่าย เขาส่งหน่วยพระราชวังชั้นในนำราชโองการของเขาส่งไปยังแต่ละพื้นที่ของต้าเซี่ย
“เจิ้นอยากจะรู้ว่าหากเจิ้นทำเช่นนี้แล้ว พวกเขายังจะสามารถทำอันใดเจิ้นได้อีก ? ”
“เจิ้นจะเลือกพระสนมทั้งที จำต้องขอความเห็นจากพวกเขาด้วยหรือ ? เช่นนั้นยามที่เจิ้นจะเข้านอนกับพระสนม เจิ้นต้องเชิญพวกเขามาชมให้เห็นกับตาด้วยหรือไม่ ? ”
“นี่มันไร้สาระสิ้นดี ! ”
“พวกเขากำลังรังแกเจิ้นอยู่ชัด ๆ ! ”
“หลิวจิ่น เจิ้นมิอยากอยู่เยี่ยงนี้อีกต่อไป มิอยากแม้แต่ชั่วอึดใจเดียว เจ้ารีบรับสมัครคนเข้ามาจำนวนมากเถิด เจิ้นจำต้องใช้คนจำนวนมหาศาล ! ”
……
รัชสมัยต้าเซี่ยปีที่ห้า เดือนแปด วันที่แปด
ราชสำนักดำเนินไปเฉกเช่นทุกวัน สำนักงานน้อยใหญ่ต่าง ๆ ได้รับการอบรมมาอย่างดีเยี่ยมตั้งแต่ยุคสมัยของฟู่เสี่ยวกวน แม้องค์จักรพรรดิองค์ปัจจุบันจะมิเอางานเอาการ แต่ก็มิได้ทำให้พวกเขาทำงานล่าช้าลงแต่อย่างใด
และในวันนั้นเอง ได้มีจดหมายจากฟู่เสี่ยวกวนส่งมาจากแผ่นดินใหญ่ลีอาห์ มันถูกวางอยู่บนโต๊ะทำงานของเยี่ยนซีเหวิน จดหมายมีด้วยกันทั้งสิ้นสองฉบับ ฉบับหนึ่งนั้นให้เยี่ยนซีเหวิน ส่วนอีกฉบับหนึ่งให้เขาส่งต่อให้อู๋เทียนซื่อ
“สวัสดี เยี่ยนเหวิน ! ”
กว่าจดหมายฉบับนี้จะส่งไปถึงเจ้า ข้าคงจากเมืองอาเรียแห่งนี้ไปยังมหาสมุทรอันกว้างไกลแล้ว
สิ่งที่ข้าได้พบเห็นตลอดการเดินทางนี้ ช่างทำให้ข้าชื่นใจเสียเหลือเกิน
ทุกวันนี้หยวนตงเต้าได้กลายเป็นพื้นที่ส่งออกที่สำคัญแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีความเจริญรุ่งเรืองมากกว่าแต่ก่อนหลายเท่าตัวนัก ที่นั่นมีโรงงานของชาวต้าเซี่ยมากมาย และยังมีอู่ต่อเรือส่วนตัวของตระกูลโจวซึ่งเป็นอู่ต่อเรือเอกชนแห่งแรกอีกด้วย
นี่เป็นสัญญาณที่ดี ยามที่ข้าจอดเทียบท่าที่หยวนตงเต้า ข้าได้สนทนากับโจวสวินหัวหน้าตระกูลโจว เขากล่าวว่าธุรกิจอู่ต่อเรือของตระกูลโจวนั้นเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งนัก ทุกวันนี้ได้รับคำสั่งต่อเรือจนแถวยาวไปถึงห้าปีข้างหน้า คนที่จองเรือส่วนมากคือพ่อค้าชาวต้าเซี่ย อย่างเช่น ตระกูลซือหม่า ตระกูลหวางซุน ตระกูลใหญ่อื่น ๆ ”
“พวกเขาได้จองเรือจำนวนมาก ทว่ามิใช่เรือล่องแม่น้ำเหมือนในแม่น้ำฉางเจียงของพวกเรา เรือพวกนั้นบรรทุกน้ำหนักได้จำนวนหลายตัน สามารถบรรทุกสินค้าได้มากมาย และเหมาะแก่การล่องมหาสมุทรเป็นอย่างยิ่ง”
นี่เป็นกระแสการค้าที่เกิดขึ้นเองอย่างเสรี ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าพ่อค้าชาวต้าเซี่ยของเรานั้นมีสายตาที่กว้างขวาง รู้จักสนอกสนใจตลาดโลก !
ดังนั้นข้าจึงคิดว่าพวกเจ้าควรจะสนับสนุนให้เกิดกระแสเช่นนี้ขึ้นมาในต้าเซี่ย ควรจะให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าร่วมตลาดเสรีเเห่งนี้ ให้เหล่าพ่อค้าที่มีกำลังความสามารถเปิดอู่ต่อเรือ หรืออาจจะเปิดท่าเรือเป็นของตนเอง
ข้าคิดว่าควรจะปลดปล่อยหยวนตงเต้า ให้มันกลายเป็นเมืองท่าการค้าเสรีแห่งแรกของต้าเซี่ย ให้มันเป็นหน้าต่างที่เปิดออกสู่โลกภายนอก ส่วนขุนนางมิจำเป็นต้องเข้าไปแทรกแซงให้มากมาย เพียงแค่คอยช่วยเหลือให้เกิดความสะดวกต่อพวกเขามากที่สุดก็พอ !
“อีกสถานที่หนึ่งก็คือเมืองอาเรีย เมืองอาเรียเป็นเมืองขนาดใหญ่ริมชายหาด ที่นั่นสวยงามยิ่งนัก เศรษฐกิจก็คึกคักเป็นอย่างมาก และที่นั่นก็มีพ่อค้าชาวต้าเซี่ยเป็นส่วนมากเช่นกัน”
“ข้าพำนักอยู่ที่นี่นานครึ่งปี มันช่างสะดวกสบายเสียเหลือเกิน ถ้าหากมิมีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปยังยุโรป ข้าก็อยากจะอาศัยอยู่ที่นั่นให้นานกว่านี้อีกหน่อย”
ข้ามิได้ไปเยือนประเทศราชทั้งสามบนแผ่นดินใหญ่ลีอาห์ เพราะเห็นว่าต้องใช้เวลาในการเดินทางมิน้อย คิดไปคิดมาเห็นว่าควรจะเน้นเรื่องความร่วมมือทางการค้ากับทวีปยุโรปเป็นสำคัญมากกว่า
ดังนั้นครานี้ข้าก็เลยมิไป หากจัดการเรื่องทวีปยุโรปแล้วเสร็จเมื่อใดค่อยหาโอกาสไปเยือน
อาเรียเป็นเจ้าเมืองอาเรียคนแรก เพราะข้าต้องการพานางเดินทางไปกับข้าด้วย ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องส่งเจ้าเมืองอาเรียคนใหม่เข้ามา
ข้าคิดว่าจางเมิ้งเจ๋อผู้นั้นเหมาะสมยิ่งนัก ทุกวันนี้เขาดำรงตำแหน่งจือโจวอยู่ที่เป่ยเซียวเต้า มิรู้ว่าเขามีความสามารถเยี่ยงไรบ้าง พวกเจ้าลองหารือกันกับอู๋เทียนซื่อดูเถิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)