ตอนที่ 1317 ทองคำของเจิ้นเล่า
แม้ว่าช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่หนาวเหน็บของเมืองกวนหยุน ทว่าหัวใจของอู๋เทียนซื่อกลับอบอุ่นมากยิ่งนัก
เขาได้พบปะกับอดีตเสนาบดีมากหน้าหลายตาในห้องทรงพระอักษร พวกเขาสนทนาเเลกเปลี่ยนกันอย่างไว้เนื้อเชื่อใจ
สิ่งที่พวกเขาสนทนากัน แน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องราวสมัยเมื่อเริ่มก่อตั้งต้าเซี่ย รวมถึงเรื่องที่จักรพรรดิจะเชิญพวกเขากลับเข้าร่วมคณะรัฐมนตรี
เสนาบดีเก่าแก่เหล่านี้ย่อมรับรู้ถึงความห่วงใยของฝ่าบาท เดิมทีพวกเขาปรารถนาจะอยู่อย่างเงียบสงบ ทว่าบัดนี้กลับต้องโลดแล่นอีกครา แม้จะเป็นคณะรัฐมนตรีที่มิมีอำนาจอันใด แต่การที่ได้ทำอันใดเพื่อต้าเซี่ยย่อมเป็นเรื่องที่ดียิ่งนัก
ประเด็นที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ พวกเขาได้มองเห็นความหวังในตัวจักรพรรดิพระองค์ใหม่
จักรพรรดิหนุ่มพระองค์นี้ดูเหมือนว่ามิได้เเข็งกร้าวเหมือนเมื่อคราที่เพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ใหม่ ๆ ในขณะที่พระองค์ทรงปรารภนั้น ทุกคำเอ่ยทุกอากัปกริยาล้วนแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยที่มีต่อราษฎร พระองค์ประสงค์จะสร้างรากฐาน ความหวังและอนาคตของต้าเซี่ย
ราวกับว่าพวกเขาได้เห็นฟู่เสี่ยวกวนซ้อนทับจักรพรรดิพระองค์ใหม่
แต่ก็มีบางคนที่ไหวตัวทัน
ยกตัวอย่างเช่นเซียวยวี่โหลว !
หรือโหยวเซียนจือ !
ณ จวนตระกูลเซียว
โหยวเซียนจือถือกรงนกแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเซียวยวี่โหลว
เขาวางกรงนกไว้ข้างกาย แล้วยื่นสองมือออกไปอิงเตาผิง จากนั้นก็จ้องมองไปทางโหยวเซียนจือแล้วเอ่ยว่า “เหล่าเซียว เจ้าคิดว่าหอหลิวหยุน ณ ทะเลสาบสือหลี่ของเมืองกวนหยุน หรือหลิวหยุนถายที่ริมทะเลสาบเมืองฉางอันที่ใดดีกว่ากัน ? ”
เซียวยวี่โหลวถลึงตาใส่โหยวเซียนจือแล้วตอบว่า “ข้ามิได้ไปสถานที่ล่อตาล่อใจเเบบนั้นมานานแล้วล่ะ ! อย่าได้เอ่ยถึงเลยเชียว ! หากเมียข้าได้ยินล่ะก็…ชีวิตนี้คงอยู่มิเป็นสุขแน่ ๆ ! ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ…” โหยวเซียนจือหัวเราะร่า “จะว่าไปเเล้ว พวกเราก็มิได้ไปหลิวหยุนถายนานมากแล้วจริง ๆ อายุปูนนี้แล้วจะทำอันใดได้อีกกัน ? ทำได้เพียงแค่ดื่มสุราคลอเคล้าเสียงเพลง”
“เจ้าต้องการจะเอ่ยถึงอันใดกันแน่ ? ”
“มิมีอันใดหรอก แม้ว่าลูกเขยลูกสะใภ้และหลานของข้าจะอยู่อาศัยที่เมืองฉางอัน แต่ข้ารู้สึกว่าที่เมืองกวนหยุนนั้นดีกว่าเล็กน้อย ! ”
โหยวเซียนจือโน้มกายลงพลางจ้องมองเซียวยวี่โหลว “เจ้ามิรู้สึกว่ามันแปลกหรอกหรือ ? ”
“…มันก็แปลก ๆ อยู่หรอก”
“แล้วเจ้าวางแผนจะทำเยี่ยงไรต่อไป ? ”
“เมื่อวานที่ได้รับเชิญให้เข้าไปสนทนาในพระราชวัง ข้ารู้สึกว่าฝ่าบาทเปลี่ยนแปลงไปมากเสียเหลือเกิน”
“อืม” โหยวเซียนจือพยักหน้า “ลูกเขยของข้าก็เอ่ยแบบนั้นเช่นกัน ว่าฝ่าบาทเปลี่ยนแปลงไปมากโข อย่างน้อยในช่วงครึ่งปีนี้ก็มีการออกไปว่าราชกิจด้วยพระองค์เอง เพียงเเต่ว่า…มิรู้เหมือนกันว่าเหตุใดพระองค์ถึงมิเชิญข้าไปที่เมืองฉางอัน ข้าทำให้พระองค์ทรงกริ้วเมื่อใดกัน ? ”
“ฝ่าบาทมิได้เชิญเจ้าหรอกหรือ ? ” เซียวยวี่โหลวผงะ
“อืม…เพียงสนทนาไปเรื่อยเปื่อย ถามไถ่ว่าข้าคุ้นชินกับการอยู่ที่เมืองกวนหยุนแล้วหรือยัง ทั้งยังปลอบใจให้ข้าปล่อยวางและใช้ชีวิตปั้นปลายให้สบายใจ”
เซียวยวี่โหลวหัวเราะร่า จากนั้นก็รินชาให้โหยวเซียนจือ “ดูสิ แต่ก่อนเจ้าเคยเป็นถึงเสนาบดีกรมคลัง บัดนี้ลูกเขยเจ้าก็เป็นเสนาบดีกรมคลังเช่นกัน ข้าคิดว่าพระองค์ทรงทราบในความเก่งกาจของลูกเขยเจ้าดี เจ้ามีความจำเป็นใดต้องกลับเข้าไปในคณะรัฐมนตรีด้วยกัน ? ”
“เมื่อครู่เจ้าเอ่ยว่าหลิวหยุนถายที่เมืองกวนหยุนดีกว่ามิใช่หรือ ? เช่นนั้นก็อยู่ที่นี่ต่อไป คอยเลี้ยงนก หรือไม่ก็ดื่มชาหาความรื่นเริงที่เมืองกวนหยุน แท้ที่จริงพวกเราก็เกษียณมาครึ่งปีแล้ว ข้าคุ้นชินกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เเล้ว หากเอ่ยจากใจจริง ข้าก็มิอยากไปเท่าใดนัก”
เซียวยวี่โหลวจิบชาหนึ่งอึก แล้วถอยหายใจออกมาเอื่อย ๆ “หรือบางทีพระองค์อาจจะเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ ทว่าในความคิดเห็นของข้านั้น เกรงว่าการเปลี่ยนแปลงครานี้จะเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงภายนอกเท่านั้น เพราะพระองค์มิเคยยกเลิกหน่วยพระราชวังชั้นในอันใดนั่น เจ้าดูคนที่ติดตามพระองค์มายังเมืองกวนหยุนสิ ทุกคนล้วนเป็นคนของหน่วยพระราชวังชั้นในทั้งสิ้น”
“และหน่วยพระราชวังชั้นในก็ทำงานให้คนเพียงคนเดียว แน่นอนว่าพวกเขาย่อมทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง เช่นนั้นแล้ว…เหล่าโหยว มิไปฉางอันจะเป็นการดีที่สุด แม่น้ำสายใดล้วนมีแต่ความขุ่นมัว ! ”
โหยวเซียนจือเหลือบมองเซียวยวี่โหลว “ในเมื่อเจ้าดูออกแล้ว เหตุใดถึงมิปฏิเสธไปเล่า ? ”
“เหอะ ๆ ยิ่งอยู่ใกล้ ก็จะได้เห็นละครเรื่องนี้ชัดกว่าเยี่ยงไรเล่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)