ตอนที่ 1332 บุรุษ
นางสวมชุดเกราะสีเงินใหม่เอี่ยม พร้อมแบกปืนอัตโนมัติไว้บนหลังหนึ่งกระบอก จากนั้นก็ชักดาบยาวออกมาจากฝัก
ดาบยาวส่งแสงแวววับ นางตั้งใจลูบคลำมันแล้วเอ่ยกับกวนเสี่ยวซีว่า
“ถ้าหากข้าตายไป เรื่องการสู่ขอภรรยาของลูกชายทั้งสองของข้า ยกให้เจ้าเป็นผู้ดูแลก็แล้วกัน”
“ท่านแม่ทัพ…”
เผิงยวี๋เยี่ยนเก็บดาบยาวเข้าฝักแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “แน่นอนว่าข้าจะพยายามกลับมาให้ได้ เพราะข้ายังต้องการอุ้มเจ้าหลานชาย เพียงแต่ในสงคราม พวกเรามิอาจคาดเดาผลลัพธ์ของมันได้ ที่เอ่ยกับเจ้าเช่นนี้เพราะอยากให้ข้าเองสบายใจขึ้นมาสักหน่อย”
“ท่านแม่ทัพ ข้าจะต้องปกป้องพวกท่านให้กลับมาอย่างปลอดภัย ! ”
“อืม… เยี่ยงไรเสียก็ต้องระวังข้าศึกจะออกจากเมืองมาสู้รบ เพราะกองทัพของพวกเขามีกำลังพลตั้ง 800,000 นาย พวกเรารู้จักปืนเหมาเซ่อเป็นอย่างดี แม้ว่ามันจะเปรียบเทียบกับปืนไรเฟิลอัตโนมัติของพวกเรามิได้ ทว่ามันก็ยังคงคร่าชีวิตทหารของพวกเราได้อยู่ดี”
“ดังนั้นเมื่อเจ้าอยู่หน้าเมืองปาแลร์โม เจ้าจะต้องวางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาข้าศึก แต่เจ้ามิอาจให้กองพลทั้งเก้าลงไปจากภูเขาได้ทั้งหมด”
“คำแนะนำของข้าก็คือ ให้ส่งกองพล 2 กองออกไป แล้วให้อีก 7 กองพลที่เหลือแอบซุ่มอยู่บนภูเขา”
“ให้กองทัพอากาศกองพลที่หนึ่งเตรียมตัวให้พร้อมอยู่ตลอดเวลาถึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่มิใช่เพื่อส่งเข้าไปช่วยเหลือพวกเรา ถ้าหากกองทัพของข้าศึกออกมาจากเมืองเมื่อใด ให้กองทัพอากาศทิ้งระเบิดใส่กองกำลังหลักของข้าศึกเสีย นี่ต่างหากถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ! ”
“เจ้าจงจำเอาไว้ว่า… ถ้าหากเป็นห่วงมากจนเกินไป พาลจะทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวาย ! เจ้าในฐานะแม่ทัพแห่งกองทัพบกต้าเซี่ย เจ้าควรจะมีเหตุผลถึงจะถูกต้อง ! ”
กวนเสี่ยวซีนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยืดตัวตรงเพื่อถวายความเคารพ !
เขายิ้มแล้วเอ่ยว่า “แม่ทัพเผิงยวี๋เยี่ยนยังคงเก่งกาจดังเดิม ! ความคิดนี้ละเอียดถี่ถ้วนกว่าความคิดของข้ามากนัก ข้าจะไปตระเตรียมเรื่องนี้ให้ดี ! ”
“อืม…”
กวนเสี่ยวซีเดินออกไป เผิงยวี๋เยี่ยนเดินออกมาจากกระโจม จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองดวงดาราพราวระยับเกลื่อนท้องนภาที่ดำมืด แล้วหันกลับไปมองทิศทางที่ตั้งของต้าเซี่ย
นางได้บรรลุเป็นปรมาจารย์แล้วจริง ๆ แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ปืนได้ถือกำเนิดขึ้นมา แม้ว่าจะเป็นปรมาจารย์แต่ก็มิอาจต้านทานต่อลูกปืนได้อยู่ดี
ทหาร 1,000 นายกรีธาทัพเข้าไปในเมือง นี่คือแผนการที่อันตรายอย่างยิ่งยวด นางก็มิทราบเช่นกันว่าตนจะสามารถติดต่อกับคนของหอเทียนจีได้หรือไม่ และก็มิทราบว่าการคุ้มกันของที่นั่นเข้มงวดระดับใด
เรือเหาะที่โดยสารจะต้องเหินลงมาจากท้องนภา ระดับความสูงของเรือเหาะจะต้องมิสูงจนเกินไป และจะต้องอยู่ในระยะกระสุนของศัตรู
หลังจากที่เหินลงมาจากท้องนภา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีจากภาคพื้น จะมีสักกี่คนกันที่สามารถลงถึงพื้นได้อย่างปลอดภัย ? และจะมีสักกี่คนที่จะออกมาจากเมืองได้อย่างปลอดภัย ?
นี่คือสิ่งที่มิแน่นอนที่สุดในชีวิตของเผิงยวี๋เยี่ยน นางรู้สึกมิมั่นใจเอาเสียเลย
แต่จะมิไปก็มิได้ เพราะพวกนางได้ทุ่มเทแรงกายและพลังงานไปมากโข กว่าจะพากองทัพบกที่หนึ่งเดินมาถึงตรงนี้ บัดนี้มิอาจหันหลังกลับไปได้แล้ว
และยิ่งมิทราบว่าฟู่เสี่ยวกวนจะขึ้นเหยียบผืนปฐพีตรงที่ใด
เมื่อคิดถึงฟู่เสี่ยวกวน เผิงยวี๋เยี่ยนจึงยกยิ้มมุมปากขึ้นมา นางหวนคิดถึงตอนที่พบฟู่เสี่ยวกวนคราแรก ทั้งสองพบกันที่จวนแม่ทัพทางตอนใต้สมัยราชวงศ์หยู ที่นั่นเรียกว่าที่ราบชังซี
ในจวนแม่ทัพ หยูเวิ่นหวินยกพู่กันขึ้นมาเขียนบทกวีที่เขาขับขานออกมา
กวีบทนั้นหยูชุนชิวและนางต่างก็โปรดปรานเป็นอย่างมาก กวีบทนั้นถูกนำไปใส่กรอบและทุกวันนี้ก็ยังแขวนอยู่ในห้องของนางที่ชนเผ่าหวานเหยียนที่รัฐลู่ฉีในชื่อเล่อชวน
นางนั่งอยู่นอกกระโจมพลางเงยหน้ามองดวงดาราที่เกลื่อนกระจายบนท้องนภา แล้วขับกวีบทนั้นออกมาแผ่วเบา
“เเปดร้อยลี้วางธงทัพปักเนื้อย่าง
บรรเลงดนตรีสะท้อนบทเพลงไปไกลยังชายแดน
เหล่าทหารบนสนามรบฤดูใบไม้ผลิ !
ม้าศึกทะยานไปว่องไว คันธนูราวกับสายฟ้าฟาด
เพื่อสำเร็จการแย่งชิงที่ราบของราชา
ชนะยามเป็นสร้างชื่อเสียงยามตาย
เเต่น่าเสียดายเพราะชราวัย ! ”
ผืนปฐพีต้าเซี่ยได้ตั้งมั่น ทุกวันนี้ ม้าเหล็กของต้าเซี่ยได้เดินทางมาถึงทวีปยุโรปที่ตั้งอยู่แสนไกล
นี่อาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายที่นางจะทำเพื่อต้าเซี่ย และนี่ก็อาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายที่นางสามารถทำให้ต้าเซี่ยได้
นี่คงเป็นการรับใช้องค์จักรพรรดิเพื่อเอาชนะคนทั้งใต้หล้า แล้วทิ้งนามเอาไว้ให้หลงเหลือในประวัติศาสตร์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)