ตอนที่ 1358 กลีบกุหลาบและหยาดฝน
ฟู่เสี่ยวกวนพำนักอยู่ที่เรือนไม้สองชั้นแห่งนั้นเป็นเวลาสามวันเต็ม ๆ
ในสามวันนั้น สมเด็จพระราชินีมารีอาที่สองคอยอยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลา ทั้งสองคนมิได้สนทนากันมากนัก สมเด็จพระราชินีมารีอาที่สองสังเกตเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของฟู่เสี่ยวกวนอย่างเห็นได้ชัด
นางสามารถอ่านตัวอักษรในหนังสือเล่มนั้นได้มากกว่าครึ่ง แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่นางมิอาจทำความเข้าใจได้
ยกตัวอย่างเช่นโลกที่หนังสือเล่มนี้เอ่ยถึง เส้นทางข้ามจักรวาล ระบบสุริยะจักรวาล และดาราจักรเป็นต้น
ทว่าฟู่เสี่ยวกวนเข้าใจทั้งหมด
หนังสือกว่าครึ่งเล่มนี้ได้อธิบายประวัติการเดินทางมายังที่นี่…
พวกเขามาจากดาวโลก และเป็นคนจากโลกเดียวกันกับตน
พวกเขามาจากช่วงเวลาอนาคตของโลกที่ตนจากมา !
เป็นอนาคตที่มีความรุ่งเรืองทางด้านวิทยาศาสตร์ และสังคมที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติจนหมดสิ้น
“ศูนย์วิทยาศาสตร์แห่งประชาชาติมองว่าการพัฒนาของมนุษย์เป็นการทำลายเผ่าพันธุ์ของตนเอง”
“หากลองมองประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์ชาติตลอดหมื่นปี ทุกคราที่เกิดความก้าวหน้าทางอารยธรรมและสังคม ในขณะเดียวกันก็จะตามมาด้วยสงครามและการสังหารหมู่”
“แล้วเส้นทางของประวัติศาสตร์เช่นนี้เป็นสิ่งที่ถูกหรือผิดกันแน่ ? ”
“อารยธรรมมักจะก้าวไปข้างหน้าเสมอ แต่กลับกันพวกเรากลับเดินเป็นวงกลม”
“เกิดแผ่นดินไหวขึ้นบ่อยครั้ง ภูเขาไฟต่างฟื้นคืนชีพ เชื้อโรคกลับมาอีกครา โรคติดต่อระบาดมิขาดสาย…”
“มนุษย์เริ่มเดินทางไปยังดาวอังคาร ทว่าที่ดาวอังคารก็ยังคงฉายซ้ำโชคชะตาที่ดาวโลกกำลังเผชิญ”
“มนุษย์ก็เหมือนกับตั๊กแตนยักษ์ ที่มิว่าจะไปที่ใดก็จะคอยกัดกินจนมิเหลือซาก”
“หรือนี่คือความเป็นมนุษย์ ? หรือว่าการเดินทางสู่ความพังพินาศจะเป็นจุดจบของมนุษย์ ? ”
“หรือว่าตั้งแต่ถือกำเนิดมนุษย์ขึ้นมาจวบจนกระทั่งดับสลายเป็นสิ่งที่ถูกลิขิตไว้แล้ว ? ”
“เพื่อพิสูจน์แนวคิดนี้และเพื่อค้นหาหนทางที่ถูกต้อง ประชาชาติได้สร้างกองทัพที่แข็งแกร่งขึ้นมาอีกหนึ่งกองทัพ หวังที่จะทะลุมิติไปค้นหาอารยธรรมโบราณ”
“พวกเราได้เดินทางมาที่นี่และกลายเป็นพระเจ้าผู้สร้างโลกแห่งนี้ขึ้นมา”
“พวกเราใช้ยีนของมนุษย์สร้างมนุษย์โบราณขึ้นมา เปรียบดั่งเทพเจ้าหนี่วาในนิทานปรัมปรา”
“พวกเราสาดเมล็ดพันธุ์ของชีวิตกระจายไปหลากหลายแห่งบนโลกใบนี้ เดิมทีเพียงอยากดูวิวัฒนาการของพวกเขาไปช้า ๆ ”
“แต่แล้วก็เกิดสิ่งมิคาดฝันขึ้นมา เมื่อระนาบของเส้นทางลับที่ใช้เดินทางข้ามจักรวาลเกิดการบิดงอ พวกเราจึงกลับไปมิได้อีก และก็มิมีผู้ใดสามารถเดินทางมาที่นี่ได้เช่นกัน”
“เยี่ยงไรเสียชีวิตของพวกเราก็มีขีดจำกัด พวกเรากลุ่มเล็ก ๆ ที่มีกันเพียง 8 คนตัดสินใจทำสิ่งที่ยากลำบากสิ่งหนึ่งขึ้นมา ซึ่งนั่นก็คือการละทิ้งอารยธรรมของพวกเราเอาไว้ที่นี่ แล้วก่อสร้างภูมิประเทศและชีวิตขึ้นมาใหม่ให้เหมือนกับโลกใบก่อน”
“พวกเราได้ยิงจานดาวเทียมเอาไว้ เพื่อจับตาดูการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้ พวกเรารอคอยให้เส้นทางลัดข้ามจักรวาลกลับมาใช้งานได้ตามปกติ เพื่อจะได้เห็นสหายร่วมโลกของพวกเราเดินทางมาที่นี่อีกครา และได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของอารยธรรมในโลกใบนี้”
“พวกเราได้ตั้งค่าลำดับทางประวัติศาสตร์เหมือนกับโลกใบก่อน และแน่นอนว่าพวกเราได้ทำการเปลี่ยนแปลงลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ บ้างเล็กน้อย มันถูกบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์หนี่วา มารเฒ่าหวงว่างจนมิมีอันใดทำจึงเขียนหนังสือขึ้นมาหยาบ ๆ โดยใช้ชื่อว่า ‘ศิลปะการทำนาย’ ”
“พวกเราได้ทิ้งปัญญาประดิษฐ์เอาไว้บนสถานที่แห่งนี้ และจะเฝ้ามองดูเทพเจ้าหนี่วาที่อยู่ภายใต้ฐานนิวเคลียร์ นางคือคนที่คอยติดตามการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้ นางคือผู้สังเกตการณ์ มารเฒ่าหวงได้ตั้งชื่อให้นางว่าความฝันที่สอง”
“พวกเรารอคอยว่าวันใดวันหนึ่งในอนาคตจะมีคนเดินทางมาที่นี่ พวกเราหวังว่าเขาจะเผยแพร่อารยธรรมของพวกเราต่อไป แต่สำหรับประเด็นนี้ พวกเราแปดคนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป”
“ตาเฒ่าตู้คิดว่านี่คือแบบจำลองวิวัฒนาการของมนุษย์จากดาวโลก”
“มารเฒ่าหวงคิดว่าการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดสองสามคราของดาวโลกจะทำให้เกิดอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรืองมากกว่า ในเมื่อเป็นการเลียนแบบ ดังนั้นดาวดวงนี้ก็ควรจะมีสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน”
“ท้ายที่สุด พวกเราจึงตัดสินใจให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ”
“ถ้าหากว่ามีคนเดินทางมาจริง ๆ ความก้าวหน้าทางประวัติศาสตร์ย่อมตกอยู่ในกำมือของคนผู้นั้น”
“รหัสลับของความฝันที่สองก็คือ… ข้าที่เจือจางได้จากไปแล้ว เฉกเช่นที่มาเยือนอย่างเงียบงัน ข้าโบกมือช้าช้า อำลาเมฆาประจิมทิศ…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)