ตอนที่ 1384 ค้างคาในใจ – ตอนที่ต้องอ่านของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)
ตอนนี้ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายทะลุมิติทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1384 ค้างคาในใจ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 1384 ค้างคาในใจ
ท้องนภาส่องแสงสว่าง มีหมอกปกคลุมครึ้มในสวน
บัดนี้ซูซูกลายเป็นกุลสตรีไปแล้ว ทว่านางยังคงเปลือยสองเท้าเดินดังเดิม
ริมลำธารสายเล็กของเรือนซีซาน กระแสน้ำไหลเอื่อยผ่านเท้าของนาง นางย่ำเท้าไปมาจนน้ำกระเพื่อมเป็นวงกว้าง
มือสองข้างของนางถือก้อนหินทรงลูกเต๋า ลำคอของนางเชิดขึ้นเล็กน้อย เพราะบัดนี้นางกำลังเงยหน้าขึ้นมองท้องนภา นางนิ่งเงียบอยู่เนิ่นนาน หลังจากนั้นจึงเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เช่นนี้มิใช่ว่า…ข้าจะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับท่านหรอกหรือ ? ”
นางหันหน้าไปมองฟู่เสี่ยวกวนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วเอ่ยอีกว่า “หากข้าทำเช่นนั้น เกรงว่าพวกนางคงจะกล่าวโทษข้า… ข้าทราบดีว่าท่านรีบร้อนมากเพียงใด… ทว่าท่านแม่…ท่านแม่คงมิให้อภัยข้า”
ฟู่เสี่ยวกวนได้อยู่เคียงข้างภรรยาของเขาที่เรือนซีซานมาสามวันแล้ว
ช่วงสามวันมานี้เขายิ้มแย้มเบิกบานราวกับฤดูไม้ผลิ เหมือนคนที่ไร้ซึ่งเรื่องทุกข์ร้อนใด ๆ
เขาทั้งยิ้มกว้างทั้งหัวเราะเสียงดัง เขาเล่าเรื่องน่าหวาดผวาท่ามกลางมหาสมุทรใหญ่ และเล่าเรื่องน่าสนใจของประเทศฝูหล่างจี กระทั่งเอ่ยถึงหญิงสาวผู้หนึ่ง หญิงสาวผู้นั้นก็คือสมเด็จพระราชินีแห่งฝูหล่างจี ชื่อของนางคือมารีอาที่สอง
แม้ว่าเหล่าภรรยาของเขาจะรู้สึกมิค่อยดี ทว่าพวกนางก็มิได้โกรธเคืองอันใด การที่สามีสามารถกลับมาอยู่เคียงข้างพวกนางได้อีกครา ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
ส่วนเรื่องอื่น…หากจะมีสตรีเพิ่มอีกหนึ่งนางจะเป็นไรไป ?
ตลอดสามวันมานี้ เรือนซีซานเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ มีเพียงแค่ต่งชูหลานเท่านั้นที่ทราบว่าจิตใจของฟู่เสี่ยวกวนมิได้อยู่กับร่องกับรอย
แม้แต่ซูซูก็มิทราบเช่นกัน
แม้ว่าบัดนี้นางจะเป็นแม่คนแล้ว ทว่านางก็ยังคงเป็นศิษย์สำนักเต๋าที่ตายด้านดังเดิม
เมื่อคืนฟู่เสี่ยวกวนนอนในเรือนของนาง หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจตื่นเต้นเร้าใจแล้วนั้น ฟู่เสี่ยวกวนได้อ้อนวอนขอร้องนางเรื่องหนึ่ง…
เขาต้องการเดินทางไปที่โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์นั่น อู๋เทียนซื่อจะเป็นตายร้ายดีเยี่ยงไร เขาต้องได้เห็นกับตา เพราะอู๋เทียนซื่อคือบุตรชายของตน
เขาให้ซูซูช่วยคลายจุดลมปราณ ทว่าซูซูมิเห็นด้วย เพราะสวีหยุนชิงย่อมมิยินยอม ส่วนบรรดาพี่น้องของนางคงจะไม่ให้อภัยนางง่าย ๆ เป็นแน่
เมื่อคืนฟู่เสี่ยวกวนนอนพลิกตัวอยู่ทั้งคืน ส่วนซูซูแสร้งหลับ ทว่าแท้ที่จริงนางก็นอนไม่หลับทั้งคืนเช่นกัน
นางรู้สึกสงสารสามีเป็นอย่างยิ่ง นางอยากจะช่วยคลายจุดลมปราณให้เขาแล้วปล่อยเขาไป ทว่าท้ายที่สุดนางก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น เพราะนางเป็นกังวลว่าการที่เขาจากไปครานี้ เขาจะไม่มีวันได้หวนคืนกลับมาอีก
ถ้าหากสามีมิอยู่แล้ว การบรรลุเป็นปรมาจารย์จะไปมีประโยชน์อันใดกัน ?
ถ้าหากสามีมิอยู่แล้ว ชีวิตที่เหลือจะมีความสุขมากมายเพียงใดกัน ?
เช่นนั้นขอเพียงแค่เขายังอยู่ข้างกายนาง ต่อให้เขาตำหนินาง มันจะเป็นอันใดไป ?
“ข้ามิได้มีเจตนาจะตำหนิเจ้า”
ฟู่เสี่ยวกวนหยิบก้อนหินขึ้นมาหนึ่งก้อน จากนั้นก็โยนลงไปในน้ำ สายตาจดจ้องน้ำที่แตกออกเป็นวงกว้าง “เมื่อคืนข้าคิดมาตลอดทั้งคืนว่าหากข้าปล่อยให้อู๋เทียนซื่อเป็นไปตามยถากรรม หรือแม้แต่ความเป็นความตายของชายอ้วนก็มิสนใจ… แล้วอีกครึ่งชีวิตที่เหลือ… ข้าจะใช้ชีวิตเจ้าสำราญได้ตามใจปรารถนาจริง ๆ หรือ ? ”
“ข้าเคยคิดว่าจะพาพวกเจ้าไปเยี่ยมชมต้าเซี่ย และคิดว่าจะไปอยู่อาศัยที่เรือนซีซานแห่งนั้นสักช่วงเวลาหนึ่ง ข้าหวังว่าหนทางนี้จะทำให้ตนเองลืมอู๋เทียนซื่อได้ ทว่าท้ายที่สุดข้าก็ค้นพบแล้วว่าข้าทำมิได้”
ฟู่เสี่ยวกวนคว้าเท้าของซูซูขึ้นมา สายตาจดจ้องไปยังเท้าที่ขาวดั่งหิมะของนาง หลังจากนั้นก็หันมาสบตานาง
“ชีวิตของคนเรามีบางเรื่องที่ทำได้ มีบางเรื่องที่ทำไม่ได้ ทว่าบางเรื่องก็จำเป็น…ต้องทำ”
“ถ้าหากว่าเจ้าตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ถ้าหากพวกเจ้าคนใดคนหนึ่งเผชิญหน้าเสี่ยงภัย ข้าก็มิอาจนั่งดูเฉย ๆ โดยมิแยแสได้เช่นกัน อู๋เทียนซื่อคือบุตรชายของข้า ชายอ้วนคือท่านพ่อของข้า”
“แม้ว่าอู๋เทียนซื่อจะกระทำความผิดมามิน้อย ทว่าความผิดเหล่านั้นถือเป็นความรับผิดชอบของข้า”
“ชายอ้วนเลี้ยงข้ามาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ตอนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลินเจียง เขาให้ความรักทั้งยังดูแลเอาใจใส่ข้าอย่างเต็มที่ สำหรับข้าแล้ว ข้ารู้สึกผูกพันกับเขายิ่งกว่าพ่อแท้ ๆ เสียอีก”
“ดังนั้นแล้ว…”
ทันใดนั้นซูซูก็เอ่ยขัดออกมา “หากท่านเดินทางไป ท่านจะทำอันใดได้ ? ”
“ท่านแม่กล่าวว่าแม่นางน้อยผู้นั้นมิใช่คนดี ในเมื่อนางสามารถมีชีวิตอยู่ได้นับพันปี เช่นนั้นก็หมายความว่านางต้องมีพลังอันแข็งแกร่งอย่างมากเป็นแน่ เพียงแต่มิทราบว่าเพราะเหตุใดนางถึงมิยอมจากที่นั่นไป และท่านแม่ยังเอ่ยอีกว่า…เหมือนว่าตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ ผู้ทำลายล้างยังมิได้ปรากฏตัวออกมา”
“และท่านแม่ยังกล่าวอีกว่าแม่นางน้อยผู้นั้นมีความสามารถอันน่าสะพรึงกลัวอย่างการสังเกตใต้หล้า นางทราบว่าท่านมีปืนอยู่ในมือ ดังนั้นนางจึงมิได้ส่งผู้ทำลายล้างออกมา ผู้ทำลายล้างทำร้ายท่านมิได้ แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะจัดการท่านมิได้ ! ”
ชุนซิ่วรู้สึกว่าคุณชายในตอนนี้กับคุณชายในตอนนั้นมีบางอย่างที่มิเหมือนกัน
แม้ว่าบัดนี้เขาจะยิ้มเริงร่าแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ทว่าในถ้อยคำเหล่านั้น กลับทำให้รู้สึกเหมือนมีความกังวลใจซุกซ่อนอยู่
ราวกับว่าตัวอยู่ตรงนี้ ทว่าใจอยู่ที่บ้านเกิดก็มิปาน
คุณชายผู้ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา คุณชายผู้กระตือรือร้นและใจเย็นได้หายไปแล้ว
เขามิได้พับขากางเกงขึ้น และมิได้ดื่มชาถ้วยนั้นที่หวางเอ้อร์ส่งไปให้เขา กระทั่งมิได้เอ่ยถามด้วยซ้ำว่าข้าวที่ปลูกเป็นข้าวรุ่นที่เท่าใด
เขาเพียงแค่ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเท่านั้น ในมุมมองของหวางเอ้อร์ถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่าคุณชายของพวกเขา บัดนี้พระองค์เป็นถึงจักรพรรดิพระเจ้าหลวงแห่งต้าเซี่ย
แต่ชุนซิ่วมิได้คิดเช่นนั้น
นางโปรดปรานคุณชายในตอนนั้นมากกว่า นางหวังจะได้เห็นคุณชายเดินอยู่บนคันนาด้วยความเบิกบานใจ พร้อมทั้งขับร้องบทกวีที่ไพเราะเสนาะหูเหล่านั้น
สามีมิยอมปล่อยวาง
ชุนซิ่วหันหลังกลับไปอย่างเงียบ ๆ
นางมิได้กลับไปยังเรือนซีซาน ทว่านางเดินทางไปบนยอดเขาซีซาน
บนยอดเขาแห่งนั้นมีคนอยู่สองคน
พวกเขาก็คือหนิงซือเหยียนและเยี่ยนกุยหลาย
“ข้าคิดว่า…บัดนี้เขาดูมิมีความสุขสักเท่าใดนัก”
“คงต้องลำบากพวกท่านทั้งสองแล้ว”
“รอ รออีกสักสองวันค่อยพาเขาไปเถิด ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)