นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 147

ตอนที่ 147 ผลลัพธ์ของการฝึกประจักษ์แจ้ง

สภาพแวดล้อมสามารถเปลี่ยนแปลงบุคคลได้

ฟู่เสี่ยวกวนได้ตระหนักถึงจุดนี้อย่างลึกซึ้งแล้วจากตัวของเยี่ยนซีเหวิน

ในเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่เดือน คุณชายสะโอดสะองจากเมืองหลวงที่เคยมีกิริยาสุภาพ ก็ได้ถูกเรื่องยุ่งยากเหล่านั้นของอำเภอเหยาทรมานชีวิตจนกลายเป็นชายหนุ่มที่อัดอั้นและเต็มไปด้วยคำบ่น

ทั้งสองร่วมดื่มสุราด้วยกัน เยี่ยนซีเหวินยังคงดื่มไม่หยุดราวกับดื่มน้ำเปล่า ทั้งด่าทอขุนนางที่ทำเรื่องน่ารังเกียจในราชสำนักเหล่านั้น ฟู่เสี่ยวกวนรับฟังและหัวเราะ บางครั้งก็เอ่ยขึ้นมาสองประโยค ท้ายที่สุดก็กล่าวว่า “ท่านจงจดจำในวันนี้ ภายภาคหน้าอย่าได้ใช้ชีวิตในแบบอย่างที่ท่านเกลียดชังที่สุด ! ”

“ข้ามิมีทาง… ข้ามิเข้าใจ ข้าได้เขียนแจกแจงเรื่องนี้เป็นจดหมายไว้อย่างละเอียดและส่งไปให้บิดาและผู้อาวุโสในตระกูลแล้ว แต่เหตุใดพวกเขากลับมิสนับสนุนให้ส่งหนังสือของข้าขึ้นไปยังราชสำนัก กลับมาสั่งให้ข้าเงียบแทนเยี่ยงนี้รึ นี่มันน่าเสียใจถึงเพียงใดกัน เฮ้อ…ข้าอยากเป็นเหมือนเจ้าที่เป็นคุณชายตระกูลเศรษฐีที่ดินที่ไร้กังวลและสบายใจที่สุด”

เยี่ยนซีเหวินส่ายหน้าและเดินออกมา หลังจากที่ได้พูดคุยกับฟู่เสี่ยวกวนเกรงว่าจิตใจของเขาจะเริ่มดีขึ้นมาเล็กน้อย “ลาก่อน ! ”

“ลาก่อน ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนจ้องมองแผ่นหลังของเยี่ยนซีเหวินในใจเองก็ค่อนข้างหนักอึ้ง เขาเองก็มิคาดคิดว่าอำเภอเหยาที่มีขนาดเล็กจะหนักหนาถึงเพียงนี้ ด้วยการอุปมาจากการสังเกตโดยรวม เยี่ยงนั้นสิบสามมณฑลของราชวงศ์หยูที่ใหญ่โตนี้ ยังมีอีกกี่รัฐอีกกี่อำเภอที่ดีกัน ?

การก่อตั้งราชวงศ์ เส้นทางสุดท้ายต่างก็เดินไปทางเดียวกัน จากยามเริ่มต้นที่เต็มไปด้วยบาดแผลจนมาถึงยุคเฟื่องฟูไปต่อยังยุครุ่งโรจน์จนตกต่ำและพังทลายไปในท้ายที่สุด เหตุผลนั้นมีมากมาย แต่หนึ่งในนั้นที่ทุกราชวงศ์ต่างก็มีก็คือการเจริญรุ่งเรืองของตระกูลที่มีอำนาจ

ตระกูลเหล่านั้นต่างก็เคยสร้างคุณูปการแก่ราชวงศ์ใหม่ องค์ฮ่องเต้ย่อมตกรางวัลให้ ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ลำดับต้น ๆ ในเวลาเดียวกัน

เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตระกูลตนเอง พวกเขาย่อมทำการขยาย เพื่อหล่อเลี้ยงอำนาจของตระกูลตนเองไว้ในวังหลวง อิทธิพลเหล่านั้นขึ้นอยู่กับการขยายใหญ่ของตระกูล ท้ายที่สุดก็ได้กระจายไปทั่วทุกรัฐและอำเภอ

มิมีตระกูลที่มีอำนาจตระกูลใดที่จะสามารถรับประกันได้ว่าอิทธิพลของตนเองนั้นจะใสสะอาด คิดกลับกัน หากบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องล่างกระทำการบางอย่างขึ้นมา พวกเขายังคงต้องปกป้องไว้ เพื่อกวาดเหตุการณ์ภายหลังที่จะตามมา สิ่งนั้นก่ออำนาจให้เบื้องล่างมีหลักมั่นคงจนมิต้องกลัวอันใด ดังนั้นจึงได้เน่าเปื่อยลงไปอย่างช้า ๆ เยี่ยงนี้ จนกระทั่งมิสามารถจัดการได้

เต้าถายคนก่อนของเจียงเป่ยเต้าก็คือคนของตระกูลเยี่ยน ถึงแม้ครานี้ตระกูลเยี่ยนจะยอมถอยจากเจียงเป่ยเต้า แต่เต้าถายผู้เดิมกลับมิได้รับการลงโทษ กลับได้รับเงินกลับบ้านเกิดเป็นกอบเป็นกำ นี่คือผลลัพธ์จากเงื้อมมือของตระกูลที่มีอำนาจอย่างตระกูลเยี่ยน และที่เยี่ยนซีเหวินด่าทอไปมา ความจริงแล้วก็ด่าตระกูลของตนเอง

ออกสู่โลกภายนอกอย่างไร้ประสบการณ์ อย่าพึ่งลำพองใจ ความตั้งใจเดิมคือการสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ แต่คาดมิถึงว่าอุปสรรคอย่างแรกจะมาจากตระกูลของตนเอง เยี่ยนซีเหวินเข้าใจถึงเหตุและผลดี มิฉะนั้นคงมิได้มีตั๋วเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงนี้ และคงมิถูกตักเตือนอย่างเคร่งครัดว่าห้ามนำไปทูลถวายราชสำนักเยี่ยงนี้

ฟู่เสี่ยวกวนมิทราบว่าเยี่ยนซีเหวินจะเพิกเฉยหรือไม่ เพียงหวังว่าเขาจะสามารถปัดทิ้งภาระนั้นให้ตกไปได้ และซ่อมแซมอำเภอเหยาขึ้นมาใหม่

หลังจากนั้นเขาก็เดินขึ้นไปบนชั้นสอง และนั่งจนถึงมืดค่ำ

ในที่สุดก็เขียนบทสุดท้ายที่เหลืออยู่ของความฝันในหอแดงจนหมด ในยามนี้เขาได้วางพู่กันลงด้วยความปลื้มปิติ ราวกับว่าตัวเองได้เขียนขึ้นมาจริง ๆ ก็มิปาน

หากตอนสุดท้ายถูกปล่อยออกไปคาดว่าตนเองคงถูกด่าทออย่างน่าอนาถเป็นแน่ เยี่ยงนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาด่าไปเถิด

การเจริญรุ่งเรืองและร่วงหล่นของตระกูลเจวี๋ยก็คือภาพสะท้อนของสังคม ส่วนจะตีความกันเยี่ยงไร นั่นมิได้เกี่ยวข้องอันใดกับฟู่เสี่ยวกวนคนนี้

ครุ่นคิดไป เขาก็หยิบยกพู่กันขึ้นมาเติมประโยคปิดท้ายไปสองประโยค

หน้ากระดาษเต็มไปด้วยคำพูดไร้สาระ น้ำตาหนึ่งสายแห่งความเสียใจ ต่างกล่าวว่าผู้ประพันธ์นั้นโง่งม ใครเล่าจะเข้าใจรสชาติของมัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)