รัชสมัยเซวียนลี่ ปีที่ 8 เดือนสิบสองวันที่ยี่สิบเจ็ด หิมะแรกของฤดูหนาวที่เมืองหลวงจินหลิงได้ตกลงมาแล้ว
หิมะที่ตกหนักทำให้เมืองจินหลิงที่ใหญ่โตถูกตกแต่งไปด้วยสีเงิน จวนฟู่ที่เมืองหลวงท่ามกลางหิมะที่ตกหนักนี้ก็ได้เปลี่ยนไปจนเหมือนบทกวีเหมือนภาพวาด
ฟู่เสี่ยวกวนนั่งอยู่ในศาลาเถาหรานและมองไปยังทะเลสาบซวนอู่ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ในใจนั้นมีเรื่องที่ปลงตกอยู่มากมาย
เพียงพริบตาก็ได้มาถึงโลกนี้เป็นเวลาเจ็ดเดือนกว่าแล้ว เวลามิได้ยาวนาน แต่กลับทำหลายสิ่งหลายอย่างลงไปแล้ว
ซีซานเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนั้นการวิจัยและพัฒนาไฟ ดินปืนก็เพิ่งเริ่มต้น ผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นก็ได้ออกขายสู่ตลาดแล้ว หลังจากนี้ สิ่งของที่ดูทำได้อย่างง่ายดายจะนำพาความมั่งคั่งอันมหาศาลมาให้แก่เขา
การก่อสร้างในปีหน้าเป็นเวลาหนึ่งปีที่ภูเขาเฟิ่งหลิน ก็จะได้กลายเป็นเรือนซีซานที่สอง และมีความสำคัญยิ่งขึ้น
และในตอนนี้ก็ได้มีกองกำลังเป็นของตนเอง ถึงแม้จะยังอยู่ในช่วงเติบโต แต่อนาคตกลับน่าคาดหวัง นี่คือหนึ่งในต้นทุนชีวิตของตนเอง
หลังจากนั้นตนเองก็ได้มีสาวงามล่มเมืองมา 2 คน และได้มีฐานะเป็นจิ้นซื่อ ทั้งยังได้เป็นขุนนางว่างงานขั้นห้า
ราวกับทั้งหมดนั้นสวยงามอย่างมาก แต่ความสวยงามนี้ก็เหมือนกับหิมะครั้งใหญ่ ภายนอกนั้นดูขาวสะอาดไร้ที่ติ แต่ฟู่เสี่ยวกวนทราบดีว่าภายนอกที่สวยงามนี้มีอันตรายที่ซุกซ่อนเอาไว้อยู่
หลินหงถูกเขามอบให้กับซูม่อ ลอบส่งไปยังสถานที่ที่มิมีใครสามารถนึกถึงได้
ในตอนนี้นางยังต้องมีชีวิตอยู่ เพราะนาง… รู้มากเกินไปแล้ว!
ลมพัดมา เกล็ดหิมะลอยเข้ามาในศาลาเถาหราน ตกลงที่ใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวน หนาวเย็นอยู่เล็กน้อย
ชุนซิ่วปรี่เข้ามาโดยที่ยกเตาอุ่นมาด้วยอารามกระทืบเท้า และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ติดบ่นเล็กน้อย “คุณชายเจ้าคะ อากาศเย็นถึงเพียงนี้ออกมาทำไมเจ้าคะ หากหนาวจนไปทำให้ร่างกายย่ำแย่จะทำเยี่ยงไรเจ้าคะ?”
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะเบา ๆ และกล่าวว่า “ร่างกายคุณชายของเจ้ามิได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น”
“ตอนที่ออกเดินทางนายท่านก็ได้ย้ำนักย้ำหนา ที่จินหลิงหนาวกว่าที่หลินเจียงมากนะเจ้าคะ ข้าจึงต้องดูแลท่านให้ดี… หากท่านป่วยขึ้นมา ข้าจักอธิบายกับนายท่านว่าเยี่ยงไรเจ้าคะ ?”
“เอาล่ะ ๆ เตาไฟนี้ดีอย่างมาก วางลงเถิด นานมากแล้วที่มิได้เห็นหิมะตก ข้าจึงอยากจะดู”
ชุนซิ่วครุ่นคิดว่าควรตุ๋นซุปไก่โสมมาบำรุงให้แก่คุณชายเสียหน่อย จึงได้กลับไปในเรือน ฟู่เสี่ยวกวนวางเตาลงที่ข้างเท้า คิดไปว่าหากมีมันเทศวางย่างอยู่บนเตานี้ด้วยก็คงมิเลว
เพียงไม่นานต่งชูหลานก็มาถึงโดยที่สวมเสื้อขนสัตว์ มือถือร่มกระดาษท่ามกลางสายลมและหิมะ ฟู่เสี่ยวกวนมองไปทางนาง ทันใดนั้นก็ตื่นตะลึง
เส้นผมสีอ่อนปลิวไปตามสายลม สวมชุดสีขาวที่ขาวยิ่งกว่าหิมะ ราวกับนางฟ้าที่บินลงมาบนโลกมนุษย์ในภาพวาด
เมื่อเข้าไปใกล้ ก็ได้เห็นใบหน้าสวยได้รูปที่แดงปลั่งราวกับดอกโบตั๋นที่เบ่งบาน ดวงตาคู่นั้นบนใบหน้าได้รูปสั่นระริกราวกับมีระลอกคลื่น
ฟู่เสี่ยวกวนลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไป ต่งชูหลานทิ้งร่มกระดาษในมือแล้ววิ่งมาหาเขา ความสุขบนใบหน้านั้นมิอาจซ่อนเอาไว้ได้ ราวกับการรอคอยที่ทรมานมานับพันปี
นางปรี่เข้าหาอ้อมกอดของฟู่เสี่ยวกวน ฟู่เสี่ยวกวนอุ้มนางเอาไว้ หมุนวนไปมาท่ามกลางลมหิมะ มิได้ว่องไว แต่ราวกับเป็นการเต้นรำที่งดงามที่สุด
หนึ่งแขนของต่งชูหลานเหนี่ยวรั้งคอของฟู่เสี่ยวกวน สีแดงระเรื่อบนใบหน้าได้รูปยิ่งดูสวยงาม ดวงตาคู่นั้นก็เริ่มพร่ามัว ราวกับสายหมอกท่ามกลางลมหิมะ
ในยามนี้ไร้เสียง
หิมะร่วงหล่นระหว่างคิ้วของนาง หนึ่งปากหยุดอยู่ระหว่างริมฝีปากของนาง
ดวงตาปิดลงอย่างเชื่องช้า ในยามนี้จิตใจถึงได้สงบลง
……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)