ซูซูถือถังหูลู่หนึ่งไม้แล้วเดินกลับไปที่เพิงสุราเล็ก ๆ นั่น
ซูเจวี๋ยจัดหมวก ไม่แม้แต่จะถาม กลับกล่าวขึ้นมาว่า “พวกเราควรกลับได้แล้ว”
“โอ้…ได้เลย ! ”
ลูกน้องทั้งสามคนของหลู่เฟิงรู้สึกประหลาดใจ ลูกพี่ล่ะ ? แม่นางผู้นี้ยังกระโดดโลดเต้นได้อยู่…หรือว่าลูกพี่จะแก่แล้วจริง ๆ
ดังนั้นหนึ่งในนั้นจึงหันมองซูซูและเอ่ยถาม “ลูกพี่ของข้าเล่า ? ”
“โอ้ เขาทนรับไม่ไหว นอนอยู่นjะ”
ทั้งสามคนปล่อยวางและระเบิดหัวเราะออกมา “ไปไปไป กลับไปดูลูกพี่ รอจับเจ้าสุนัขฟู่เสี่ยวกวนได้ มันจะต้องชดเชยให้กับลูกพี่อย่างเต็มที่”
ทั้งสามลุกขึ้นยืนและกำลังจะจากไป ทันใดนั้นซูซูกลับเรียกเอาไว้ “รอก่อน…เมื่อครู่พวกเจ้ากล่าวว่าจะจับผู้ใดกัน ? ”
คนผู้นั้นปิดปาก ส่วนอีกคนเอ่ยขึ้นมาอย่างขำ ๆ “มิมี ๆ เจ้านี่ดื่มเยอะไปแล้ว พวกข้าขอลา วันข้างหน้าลูกพี่ย่อมไปตามหาเจ้าเป็นแน่”
“โอ้ เกรงว่าเขาจะมาหาข้ามิได้เสียแล้ว เบื้องล่างของเขามิสามารถใช้การได้แล้ว มิมีแรง”
ทั้งสามหันมองหน้ากัน เป็นไปมิได้ ลูกพี่มักกล่าวเสมอว่าเขามีแรงมากมายนี่ ?
หรือว่าเขาจะโกหก ?
ทันใดนั้นทั้งสามก็แสดงท่าทีเข้าใจอย่างสุดซึ้ง จากนั้นก็หันหลังและเดินออกจากเพิงสุราไป
เหล่าพ่อค้าที่อยู่อีกโต๊ะหนึ่งก็ได้เดินออกไปแล้ว เพิงสุราจึงเงียบลง เถ้าแก่เนี้ยจึงได้เดินออกมา และเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “แม่นาง เจ้าคงเดือดร้อนใช่หรือไม่ ?”
ซูซูชะงัก “ไม่ เขามิใช่คู่มือของข้า”
“อ่า… แม่นางหมายความว่าเยี่ยงไรรึ ? ”
“โอ้ เขาสู้ข้ามิได้ โดนข้าชกเข้าไป คาดว่า…คงพิการเสียแล้วกระมัง”
เถ้าแก่เนี้ยตื่นตะลึง ใจที่กังวลก็ค่อยปล่อยวาง “ดีดี พวกนั้นสมควรตาย มองดูก็รู้ว่ามิใช่คนดี แม่นางรีบกลับเถอะ ข้าเองก็จะปิดร้านและกลับบ้านแล้ว”
“โอ้ ตามสบายเลย”
ซูซูลุกขึ้นยืนและเดินออกไปกับซูเจวี๋ย เถ้าแก่เนี้ยมองเงินที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วตะโกนเสียงดัง “แม่นาง เงินนี่…”
ซูซูหันหลังให้และโบกมือ “ข้าได้กล่าวไว้แล้วว่าเงินเป็นของเจ้า ! ”
เถ้าแก่เนี้ยเงยหน้ามองแผ่นหลังของซูซู ผ่านไปเนิ่นนานจึงได้ดึงสายตากลับมา สองนิ้วแตะลงบนโต๊ะ และหยิบเหรียญโลหะนั้นขึ้นมา
ในเวลานั้นก็มีชายร่างผอมเดินออกมาจากโรงครัว มือซ้ายของเขาถือจานเนื้อวัว มือขวาหยิบขวดสุรา เขามองไปยังที่ที่ห่างไกลออกไป และมองไปที่เถ้าแก่เนี้ย
“นายหญิงสิบสาม การลุยน้ำโคลนครานี้…เหมือนว่าจะลึกเอาการอยู่”
เถ้าแก่เนี้ยที่มีนามว่านายหญิงสิบสามพยักหน้าน้อย ๆ “หากมิใช่เพราะหลิวจิ่วเม่ย์ออกนอกหน้าเอง ข้าก็คงไม่มายังน้ำโคลนแห่งนี้ จู้กาน เจ้าว่าปีศาจน้อยผู้นี้จะใช่ผู้ที่มาจากสำนักเต๋าหรือไม่ ? ”
จู้กานนั่งอยู่เบื้องหน้าโต๊ะทานเนื้อวัวและดื่มสุรา “ยากจะกล่าว มิมีใครพบเจอปีศาจน้อยมาก่อน… ข้าคิดว่ามิน่าใช่ ท่านอาจารย์กล่าวไว้มิใช่รึว่าปีศาจน้อยเป็นผู้ใช้ฉิน นางมิมีฉิน นอกจากนี้ท่านอาจารย์ยังเล่าว่าท่านเจ้าอารามห้ามมิให้ปีศาจน้อยฝึกวรยุทธ์ หลู่เฟิงผู้นั้นถึงแม้จะแย่ไปเล็กน้อย แต่ก็อยู่ในขั้นสามระดับสูง”
นายหญิงสิบสามเองก็นั่งลง ทานเนื้อวัวและดื่มสุรา ผ่านไปเนิ่นนานจึงได้เอ่ยขึ้นมา “เจ้าคิดผิดแล้ว ในตอนนี้ข้ามั่นใจว่านางคือปีศาจน้อยซูซู”
“เพราะเหตุใดกัน ? ”
“เพราะบัณฑิตข้าง ๆ นั้นคือซูเจวี๋ยศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักเต๋า และเพราะร่างกายของปีศาจน้อยประหลาดตั้งแต่แรกเกิด อากาศที่หนาวขนาดนี้กลับใส่ชุดผ้าบาง ๆ และเดินเท้าเปล่า… นอกจากนางแล้วในใต้หล้านี้ยังจะเป็นใครไปได้อีกรึ ? ”
จู้กานคิ้วขมวด “นั่นยิ่งยุ่งยากกว่าเดิมมิใช่หรือ ? แค่ซูโหรวพวกเราทั้งสองก็ยังมิสามารถจัดการได้ ในตอนนี้กลับมีศิษย์ใหญ่ซูเจวี๋ยและปีศาจน้อยซูซูที่มีฝีมือระดับสูงคอยอยู่ข้างกายฟู่เสี่ยวกวน… งานนี้หนักหนายิ่ง จากที่ข้ามอง ทิ้งมันไปจะดีกว่า”
ทันทีที่สิ้นเสียงจู้กาน ตะเกียบในมือของนายหญิงสิบสามพลันพุ่งไปกลางอากาศ ทันใดนั้นร่างของจู้กานก็บินขึ้นไปในอากาศ ภาพที่เห็นคือกลุ่มคนที่คลาคล่ำบนถนน
เขาล้มลง และตะเกียบของนายหญิงสิบสามก็คว้ากระดาษมาได้แผ่นหนึ่ง
นางหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่าน และส่งให้กับจู้กาน “ดูเหมือนว่า… ต่อให้เราอยากไปก็ไปมิได้เสียแล้ว”
……
…..
ยามที่ซูซูและซูเจวี๋ยเดินผ่านร้านหาบเร่ขายน้ำตาลนางก็ซื้อน้ำตาลปั้นอีกครา เดินไปด้วยพร้อมกับกินน้ำตาลปั้นไปด้วย ทันใดนั้นก็เอ่ยถามขึ้นมา “ศิษย์พี่ใหญ่ หรือแท้จริงแล้วฟู่เสี่ยวกวนทำเรื่องโหดเหี้ยมที่ไร้คุณธรรมอันใดกันแน่ ? ”
ซูเจวี๋ยชะงักไปอึดใจหนึ่ง “เขามิได้ทำเรื่องโหดเหี้ยมไร้คุณธรรมอันใด ! ”
“แล้วเหตุใดเหล่าคนเมื่อครู่ต้องการจับเขากัน ? ทั้งร้านสุราเมื่อครู่ข้าสังเกตุเห็นบางสิ่งผิดปกติ เถ้าแก่เนี้ยผู้นั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นยอดฝีมือระดับสูง แต่กลับแสร้งแสดงท่าทีหวาดกลัวอย่างยิ่งออกมา… นี่มิใช่ว่าต้องการปกปิดเยี่ยงนั้นหรือ นอกจากนั้นในครัวก็ยังมีผู้มียอดฝีมืออยู่อีกคน ความหนาบางของเนื้อวัวนั้นเป็นแบบเดียวกันทั้งสิ้น แต่เดิมข้าคิดว่าจะเป็นร้านแย่ ๆ แต่พวกเขาก็มิได้ทำอะไรกับพวกเรา ศิษย์พี่ว่าท้ายที่สุดแล้วพวกเขาคิดจะทำอันใดกันแน่ ? ”
ซูเจวี๋ยมิคาดคิดเลยว่าศิษย์น้องหกที่มิสนใจสิ่งใดจะมีความสามารถในการสังเกตถึงเพียงนี้ เขาย่อมรู้ว่ามีผู้มีฝีมือระดับสูง 2 คน ดังนั้นเขาจึงมิได้ไปกับซูซู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)