ตอนที่ 189 ข่าวจากซี่โหลว
ฟู่เสี่ยวกวนอยู่ที่จวนชือหนึ่งชั่วโมงก่อนจะจากไป นายผู้เฒ่าชือยืนอยู่ที่หน้าจวนชือจวบจนรถม้าของฟู่เสี่ยวกวนหายเข้าไปในพายุหิมะ
ในใจของชืออีหมิงมีคำถามว่าทำไมอยู่มากมาย แต่ไม่กล้าถามตอนนี้ เนื่องจากสีหน้าของท่านปู่ดูเคร่งขรึมมาก
เขาประคองท่านปู่กลับเข้าไปในจวน นายผู้เฒ่าชือตรงไปยังอี้เว่ยซวนโดยลำพัง เขาสังเกตเห็นว่าหลังที่เคยยืดตรงของท่านปู่แต่เดิมนั้น ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าจะโค้งงอลงไปเยอะเลย เมื่อครู่ตอนที่คุยกับฟู่เสี่ยวกวน ดูเหมือนว่าจะทำให้ท่านปู่เหนื่อยมาก
นายผู้เฒ่าชือจับไม้เท้าก้าวเข้ามาที่อี้เว่ยซวน ชือเฉาหยวนยังคงคุกเข่าอยู่
“ยังไม่เข้าใจอีกหรือ?”
“ท่านพ่อ ลูกเข้าใจแล้ว”
“งั้นพูดให้ข้าฟังหน่อย” นายผู้เฒ่าชือนั่งอยู่บนเก้าอี้ ยกถ้วยชาขึ้น จึงพบว่าน้ำชานี้เย็นเสียแล้ว
“ลูกคิดว่า ฟู่เสี่ยวกวนบัดนี้ได้กลายเป็นดาบเล่มหนึ่งในมือของฝ่าบาท ฟู่เสี่ยวกวนมาจากหลินเจียง ไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับพวกขุนนาง ด้วยเหตุนี้ฝ่าบาทจึงใช้ฟู่เสี่ยวกวนเป็นดาบเพื่อจัดการกับขุนนางทั้งหลาย ล้างบางกลุ่มอำนาจต่าง ๆ ”
นายผู้เฒ่าชือชงชาใหม่อีกครั้ง ผ่านไปนานมาก จึงเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ที่เจ้าเห็นนั้นเป็นเพียงละครฉากเล็ก ๆ ช่างมันเถอะ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้าจะกลับมาดูแลจวนชือใหม่อีกครั้ง แน่นอนว่าข้าจะคอยอยู่เบื้องหลัง เจ้ายังคงยืนอยู่เบื้องหน้าเช่นเคย ตอนนี้เจ้าลองพูดมาสิว่าจะจัดการเรื่องราวระหว่างฟู่เสี่ยวกวนเยี่ยงไรดี ?”
ชือเฉาหยวนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดขึ้นว่า “ลูกคิดว่าควรจะตีสนิทเป็นมิตร”
ตามความคิดของชือเฉาหยวนนั้น ในเมื่อฟู่เสี่ยวกวนกลายเป็นดาบในมือของฝ่าบาทแล้ว ทั้งยังเป็นดาบที่แหลมคม ถ้าเช่นนั้นการทำตัวเป็นมิตรแน่นอนว่าไม่ผิดเป็นแน่ อย่างน้อยดาบเล่มนี้ก็จะไม่ทำร้ายตัวเอง
แต่นายผู้เฒ่าชือกลับส่ายหัวไปมา
“ข้าได้ตัดสินใจยกที่ดินตรงตรอกชิงหลวนสองผืนนั้นให้แก่ฟู่เสี่ยวกวนไปแล้ว”
ชือเฉาหยวนเงยหน้าตะลึงเล็กน้อย ที่แท้ท่านพ่อได้เริ่มตีสนิทกับฟู่เสี่ยวกวนแล้ว
“ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือ……ลอบฆ่าฟู่เสี่ยวกวนซะ !”
ชือเฉาหยวนตกตะลึงจนตาเบิกโพลง นี่เพื่ออะไรกัน?
ปีก่อนก็เพราะเรื่องที่ฟู่เสี่ยวกวนถูกลอบฆ่า ทำให้ท่านพ่อต้องไปขอพบพระสนมเอกซั่งกุ้ยเฟย อีกทั้งยังขอให้หอชิงเฟิงซี่หยู่กำจัดกิจการทั้งสองที่ของครอบครัวตนเอง จุดประสงค์ก็เพื่อลบตระกูลชือออกจากเหตุการณ์นั้น
บัดนี้ยังเอากิจการสองที่นั้นมอบให้กับฟู่เสี่ยวกวนอีก ผลกระทบจากเหตุการณ์นั้นไม่ใช่ว่าถูกกำจัดไปหมดแล้วหรือ?
ทำไมตอนนี้กลับจะต้องมาลอบฆ่าฟู่เสี่ยวกวนอีก ?
ชือเฉาเสียนงุนงงไปทั้งใบหน้า ราวกับว่าอยู่ในความฝัน
“……โลกนี้ก็เหมือนกับหมากรุก ทุกคนล้วนเป็นเพียงตัวหมาก สิ่งที่พ่อไม่พอใจก็คือเจ้าไม่มีจิตสำนึกในการเป็นตัวหมาก นี่เป็นความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างเจ้ากับฟู่เสี่ยวกวน เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเป็นเพียงหมากตัวหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงกล้าที่จะมาจวนชืออย่างเปิดเผย แล้วเขาก็กล้าที่จะไปจวนอื่นอีก 5 จวนที่เหลืออยู่ด้วย หากเรื่องที่ฟู่เสี่ยวกวนถูกลอบฆ่าเมื่อปีก่อนเป็นฝีมือของเจ้าจริง ข้าก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่เรื่องนั้นกลับมิใช่ฝีมือเจ้า มิหนำซ้ำตระกูลชือของข้าก็ยังต้องรับมาแบกรับความผิดนั้นไว้”
“นี่ย่อมเป็นข้อตกลงที่ขาดทุนย่อยยับ เช่นนั้นก็จงหยุดไว้แค่เท่านี้ เพื่อยุติความเสียหาย หลังจากนั้นค่อยเอากำไรกลับมาในตอนท้าย นี่จึงจะเป็นหลักการของพ่อค้า และเป็นหลักการของโลกใบนี้ ในเมื่อข้อตกลงนั้นเป็นเพราะองค์ชายใหญ่จึงทำให้เราเสียเปรียบ แล้วเราจะชดเชยความสูญเสียจากเงื้อมมือขององค์ชายใหญ่ได้เยี่ยงไร ? ลอบฆ่าฟู่เสี่ยวกวน ทำให้องค์ชายใหญ่ได้เห็น”
แม้ชือเฉาหยวนจะเป็นคนละเอียดรอบคอบ แต่กลับไม่สามารถขจัดเมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่ในตอนนี้ได้
ก่อนหน้านี้ท่านพ่อยังด่าเขาว่าเหยียบเรือสองลำ แต่ตอนนี้ หรือจะหมายความว่าให้ขึ้นเรือขององค์ชายใหญ่งั้นรึ ?
“ไปเตรียมการเถอะ จงจำไว้ว่าใต้หล้านี้เป็นของฮ่องเต้ สายตาที่จ้องมองนั้นมีอยู่เยอะ ใช้สมองเสียบ้าง เจ้าออกไปเถอะ ข้าเหนื่อยมากแล้ว”
ชือเฉาหยวนโค้งตัวแล้วถอยออกไป นายผู้เฒ่าชือจับไม้เท้าด้วยมือทั้งคู่ไว้ สายตามองไปที่ถ้วยน้ำชา ควันในถ้วยชาลอยไหวไปมา หมอกควันขุ่นมัวจริงเท็จยากจะคาดเดา
……
รถม้าของฟู่เสี่ยวกวนหยุดอยู่หน้าหอเซียงเย่ เนื่องจากเห็นดอกเหมยกระถางหนึ่งวางอยู่นอกหน้าต่างชั้นบน
เขาเดินเข้าไปในหอเซียงเย่แล้วตรงไปที่ชั้นสาม ตอนนั้นสือเอ้อเยว่เย่อู่ซุ่ยกำลังยืนเอามือไขว้หลังเดินครุ่นคิดไปมาอยู่ลำพัง คิ้วขมวดแน่น ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องที่ตัดสินใจได้ยาก
เขาเห็นฟู่เสี่ยวกวนขึ้นมา จึงรีบเข้าไปต้อนรับ และพาฟู่เสี่ยวกวนขึ้นไปยังชั้นสี่
“นี่คือรายงานลับ เชิญคุณชายตรวจดู”
ฟู่เสี่ยวกวนรับมาดู และขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
“จากการตรวจสอบ ฉูไจจินกังและลูกน้อง 3 คนที่ตายไปแล้ว ผู้ลงมือมีชื่อว่าจู้กาน ในคืนวันที่หนึ่งเดือนแรก จู้กานและนายหญิงสิบสามปรากฏตัวขึ้นที่ประตูทิศใต้ แล้วออกจากเมืองไปที่เขาจื่อจิน เนื่องจากความพิเศษของเขาจื่อจิน ข้าน้อยจึงมิสามารถเข้าใกล้ได้ เมื่อตรวจสอบแรงจูงใจของฉูไจจินกัง ก็เพื่อช่วยหลิวซานเปี้ยนและคนอื่น ๆ แต่สิ่งที่จู้กานและนายหญิงสิบสามทำในตอนนี้ยังไม่ทราบ”
“อีกอย่าง ตอนที่ข้าน้อยค้นหาฉูไจจินกังลวี๋เฟิง ก็มีคนมาที่นี่เพื่อตรวจสอบแล้ว ข้าน้อยสงสัยว่าเป็นฝีมือของหยี่ฮวาถาย พวกนั้นคงกำลังสืบหาอยู่”
เขาจื่อจินหรือ ?
นายผู้เฒ่าชือบอกว่านอกเมืองจินหลิงมีที่ที่ยอดเยี่ยมอยู่แห่งหนึ่ง คิดว่าคุณชายฟู่ยังไม่เคยไป หากคุณชายฟู่มีเวลาก็สามารถไปดูที่นั่นได้ สถานที่แห่งนั้นเรียกว่าเขาจื่อจิน เป็นที่ที่รู้จักกันในนามสถานที่ที่งดงามที่สุดของจินหลิง เป็นภูเขาหนึ่งในสี่ของเจียงหนาน คิดว่าจะไม่ทำให้คุณชายฟู่ผิดหวัง
นายผู้เฒ่าชือไม่ได้บอกว่าเขาจื่อจินที่แท้แล้วเป็นสถานที่อะไร แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านั่นจะไม่ใช่คำพูดที่ฟุ่มเฟือย แต่แฝงไว้ด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง
“พูดถึงภูเขาจื่อจินนี้หน่อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)