ตอน ตอนที่ 201 เผชิญหน้า ( 1 ) จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 201 เผชิญหน้า ( 1 ) คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 201 เผชิญหน้า ( 1 )
หยูหลินจ้องมององค์หญิงใหญ่อยู่หลายอึดใจด้วยสีหน้ามืดครึ้ม หลังจากนั้นจึงหันหลังไปโค้งคำนับไทเฮา “เยี่ยงนั้น ลูกก็ขอรับจิ่งฟ่านกลับจวนพ่ะย่ะค่ะ”
ในตอนที่เขากำลังจะจากไป องค์หญิงใหญ่ก็กล่าวอีกว่า “ช้าก่อน…เสด็จพี่ น้องว่าให้จิ่งฟ่านอยู่ภายในตำหนักจะดีกว่านะเพคะ อย่างไรแล้วที่ตำหนักก็ย่อมมีหมอที่มีความสามารถเป็นเลิศมิใช่รึ เสด็จพี่วางใจเถิด น้องจะไปเยี่ยมเยียนหลานชายผู้นั้น จะมิให้เขาได้รับความอยุติธรรมอีก…เสด็จแม่ มีความคิดเห็นเยี่ยงไรบ้างเพคะ ? ”
ไทเฮาพยักหน้า “ที่ซูหรงกล่าวมานั้นสมเหตุสมผล เจ้าก็ยอมถอยเสียเถอะ ข้ารู้สึกเหนื่อยแล้ว”
“น้องเจ็ด ! เจ้าช่างจิตใจดีเหลือเกิน เสด็จแม่โปรดรักษาพระพลานามัย ลูก…ขอลาพ่ะย่ะค่ะ ! ”
หยูหลินจึงหันหลังเดินออกจากพระตำหนักฉือหนิงกงกลับไปยังจวนฮุ่ยชินอ๋อง
“ฝ่าบาทมิราบรื่นหรือพ่ะย่ะค่ะ ?”
ภายในศาลาหลวนยวนมีที่ปรึกษาชุดดำผู้หนึ่งนั่งอยู่ เมื่อเห็นฮุ่ยชินอ๋องปรี่เข้ามาด้วยท่าทีเดือดดาล จึงวางตำราในมือลง และเอ่ยถาม
“หยูซูหรง ! นางทำข้าเสียเรื่อง ! ”
ที่ปรึกษาชุดดำต้มน้ำชา และกล่าวเสียงเรียบ “หากให้กระหม่อมเดา…กระหม่อมบอกกับพระองค์ว่าอย่าพาองค์ชายสามไปที่ตำหนัก ดูแล้วองค์ชายสามคงถูกกันไว้ให้อยู่ในตำหนัก เป็นเพราะองค์หญิงใหญ่ที่ทำพระองค์เสียเรื่อง เยี่ยงนั้นพระสนมซั่งจึงมิออกพระพักตร์ กลยุทธ์ขององค์หญิงใหญ่ก็มิเกินไปกว่าการลาก ท้ายที่สุดเรื่องที่องค์ชายสามทำมาในหลายปีมานี้ก็มิสามารถเอื้อนเอ่ยต่อหน้าพระพักตร์ของไทเฮาได้”
เขาหันไปมองฮุ่ยชินอ๋อง “เยี่ยงนั้นในตอนนี้พระองค์ต้องจัดการด้วยกันสามเรื่อง และยิ่งเร็วยิ่งดี ! ”
“คุณชายโปรดชี้แนะข้าด้วยเถิด !”
“ประการแรก รีบไปตามหาเหล่าหญิงสาวที่องค์ชายสามเคยข่มเหงในหลายปีนี้ สังหารทิ้งทั้งหมด อย่าให้มีชีวิตอยู่แม้แต่คนเดียว”
“ประการที่สอง ส่งทหารภายในจวนออกไป ให้ซีเหมินเพียวเสวี่ยพาโจรป่ามาจำนวนหนึ่ง และสังหารฟู่เสี่ยวกวนเสีย”
“ประการที่สาม ส่งเทียบเชิญของพระองค์มาให้กระหม่อม ข้าต้องออกไปนอกเมือง”
“คุณชายจะไปที่ใดหรือ ?”
“เขตหนานหลิง ข้าต้องไปพบแม่ทัพใหญ่ที่ปลูกนาอยู่”
หยูหลินชะงัก “คุณชายหมายความว่าเยี่ยงไร ?”
ที่ปรึกษาชุดดำลุกขึ้นยืน “ลองดูก่อนว่าจะเกลี้ยกล่อมแม่ทัพใหญ่ผู้นั้นได้หรือไม่”
หยูหลินใจกระตุก “ยังมิถึงเวลา ! ”
“ข้าทราบ แต่สถานการณ์ในตอนนี้พวกเราช้าไปแล้วหนึ่งก้าว ดังนั้นจึงต้องเร่งรีบในส่วนที่เหลือ”
ที่ปรึกษาชุดดำก้มศีรษะและเดินไปสองก้าว แล้วจึงเอ่ยถาม “ฝ่าบาทคิดว่าเรื่องในวันนี้เป็นเรื่องบังเอิญหรือพ่ะย่ะค่ะ ?”
มิใช่เยี่ยงนั้นรึ ?
ที่ปรึกษาชุดดำส่ายหน้า “ถึงแม้ไทเฮาจะยังละเว้นให้ฝ่าบาทประทับที่เมืองหลวงได้ แต่ฝ่าบาทกลับมิโปรดปราน ในวันนี้องค์ชายสามได้ออกไปเที่ยวข้างนอก เดิมทีคงจะไปที่ทะเลสาบเว่ยยาง แต่ระหว่างทางกลับเปลี่ยนเส้นทางไปถนนเส้นยาวแทน เพราะองครักษ์ข้างกายกล่าวว่าเจียงหยูมาที่ร้านอู่เว่ยจายในวันนี้ ดังนั้นเขาที่ติดพันกับสตรีที่ยังมิแต่งงานอย่างเจียงหยูจึงไปยังร้านอู่เว่ยจาย”
“และประจวบกับฟู่เสี่ยวกวนที่ไปถนนเส้นยาวนั้นอย่างดิบพอดี และฟู่เสี่ยวกวนก็ได้พบเรื่องเลวร้ายระหว่างองค์ชายสามและเจียงหยู หากเป็นผู้อื่นเกรงว่าจะมิกล้ายุ่งเรื่องขององค์ชายสาม แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับกล้า เพราะตั้งแต่ต้นจนจบเขามิทำให้องค์ชายสามเอ่ยนามของเขาเลย”
“นี่คือเรื่องบังเอิญจริงเยี่ยงนั้นรึ ? ”
หยูหลินตื่นตระหนก “กล่าวได้ว่า…ลูกชายของข้าตกไปในกับดักของผู้อื่นเยี่ยงนั้นรึ ?”
“มิใช่ผู้อื่น แต่เป็นพระสนมซั่งพ่ะย่ะค่ะ !”
ที่ปรึกษาชุดดำจ้องฮุ่ยชินอ๋อง “ฝ่าบาทโปรดใคร่ครวญอีกครา เวลาที่ต่อสู้กันที่ถนนเส้นยาวนั้นนานถึงเพียงนั้น แม้แต่จวนผู้ว่าเขตจินหลิงก็ต้องทราบ และหากมิมีซื่อจื่อและหนิงไท่ฟู่เข้าไปขวาง หนิงหยู่ชุนย่อมส่งเจ้าหน้าที่ของศาลาว่าการทั้งฝั่งเหนือและใต้ออกไปช่วยได้ทันกาลเป็นแน่ แต่เหตุใดหอชิงเฟิงซี่หยู่ขององค์ชายห้าจึงมิเคลื่อนไหวเลย ?”
ฮุ่ยชินอ๋องสะดุ้งตื่น “นังจิ้งจอกสารเลวนั่นต้องการให้เรื่องนี้เป็นเรื่องราวใหญ่โต ! ”
“ดังนั้น ฝ่าบาท สถานการณ์ในวันนี้พวกเราเป็นฝ่ายถูกกระทำ เพื่อแผนการในภายภาคหน้า พระองค์มีเพียงสองทางเลือก ประการแรกคือเข้าวังไปอธิบายเหตุผลกับไทเฮาและปล่อยวางองค์ชายสาม ถอยออกมาอย่างเต็มตัว ไปยังหลิงหนานที่ได้รับพระราชทานมา ประการที่สองคือปิดตายเรื่องนี้เสีย ซึ่งมีแต่ต้องสังหารฟู่เสี่ยวกวน แม้ว่าไทเฮาจะลงโทษฝ่าบาท แต่ก็คงมิหนักหนาถึงเพียงนั้น ต่อให้พระสนมซั่งจะมีหนทาง แต่หากไทเฮายังคงอยู่ พระนางก็มิอาจพลิกฟ้าได้ ! ”
หลิงหนานหนาวเหน็บ เมื่อปีนั้นเป็นเพราะเหตุผลนี้หยูหลินจึงได้ขอร้องต่อหน้าพระพักตร์ของไทเฮาเพื่อที่จะได้อยู่ในเมืองหลวง หรือว่าในยามนี้ที่แก่ตัวแล้วแต่กลับยังต้องไสหัวไปอยู่หลิงหนานเยี่ยงนั้นรึ ?
หยูหลินครุ่นคิดถึงตนเองที่จากไปอย่างหัวซุกหัวซุน เกรงว่าคนชั่วผู้นั้นคงจะหัวเราะยกใหญ่ และป่าวประกาศเรื่องที่เขาเป็นผู้แพ้ให้คนทั้งเมืองหลวงทราบ
ยินยอมพร้อมใจรึ ?
แผนการมากมายในเมืองหลวงที่วางมาหลายปีจะต้องปล่อยวางเยี่ยงนั้นรึ ?
หากมิปล่อยวาง เยี่ยงนั้นก็มีแค่เลือกหนทางที่สอง คือการทดแทนเรื่องทั้งหมดด้วยการตายของฟู่เสี่ยวกวน !
ฮุ่ยชินอ๋องหยูหลินตัดสินใจและตะโกนเสียงดัง “ เรียกคนมา !”
…..
เมืองหลวงในค่ำคืนนี้เงียบสงบอย่างมาก
เพราะการห้ามออกจากจวนในยามดึก ทำให้ถนนและตรอกที่คึกคักในยามนี้ร้างและไร้ผู้คน ท่ามกลางแสงไฟสลัวของถนน มีเพียงสุนัขป่าหนึ่งถึงสองตัวเท่านั้นที่วิ่งผ่าน เหลือไว้เพียงเสียงเห่าหอน และมิมีสิ่งอื่นใดอีก
สนามรบนองเลือดในถนนเส้นยาววันนี้ เรื่องที่ฟู่เสี่ยวกวนทำร้ายองค์ชายสามแห่งจวนฮุ่ยชินอ๋องจนพิการได้ดังไปทั่วเมืองหลวง เรื่องนี้น่าระทึกขวัญยิ่งกว่าเรื่องที่ทำนองเพลงสายน้ำของเขาได้ถูกสลักไว้บนหินเชียนเปยสือเป็นลำดับที่หนึ่งเสียอีก
ผู้หนึ่งเป็นถึงชินอ๋อง ผู้หนึ่งคือคุณชายเศรษฐีที่ดิน มีฐานันดรที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ในสายตาของทุกคน เป็นเรื่องง่ายดายนักที่ชินอ๋องท่านหนึ่งจะกดขี่คุณชายเศรษฐีที่ดิน ในความเป็นจริงแล้วก็เหมือนจะเป็นเช่นนั้น ทหารม้า 400 นายได้ลงมือบุกจู่โจมเพื่อหมายจะเอาชีวิตฟู่เสี่ยวกวนที่ถนนเส้นยาวสิบลี้นั้น เหตุการณ์เช่นนี้พบเห็นได้น้อยมากในประวัติศาสตร์ของเมืองจินหลิง ครั้งสุดท้ายที่เกิดเหตุการณ์เยี่ยงนี้ก็คืนล้มล้างราชวงศ์เก่า
ทหารม้าสี่ร้อยคนต่อสู้กับผู้ที่ไร้อาวุธเพียง 2 คน ในสถานการณ์เยี่ยงนี้ย่อมมิเกิดอะไรที่เกินความคาดหมาย แต่แล้วก็เกิดสิ่งนอกเหนือจากนั้นมาได้ มิเพียงฟู่เสี่ยวกวนจะมิถูกสังหาร กล่าวกันว่าทหารม้า 400 นายของจวนฮุ่ยชินอ๋องได้เหลือชีวิตกลับไปเพียง 100 นาย
“โอ้ เยี่ยงนั้นท่านปู่ก็พักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ”
“ข้าจะรออีกสักประเดี๋ยว”
เยี่ยนเสี่ยวโหลวมิทราบว่าท่านปู่กำลังรออันใด นางกลับไปยังห้องของตนเอง นั่งลงหน้าโต๊ะหนังสือ ในใจพลันนึกถึงอันตรายและความปลอดภัยของฟู่เสี่ยวกวน และเมื่อนางนึกถึงเสียงเกือกม้าเมื่อครู่น่าจะเป็นของราชองครักษ์ของวังหลวง เป็นไปได้หรือไม่ที่ฮุ่ยชินอ๋องจะชิงลงมือกับฮ่องเต้ และส่งราชองครักษ์ไปสังหารฟู่เสี่ยวกวนเสีย ?
นางจะสามารถนั่งอย่างสงบได้เยี่ยงไร ลุกขึ้นยืน และกล่าวกับสาวใช้ของตนว่า “เสี่ยวเซวี๋ย เตรียมรถ”
“คุณหนูจะไปที่ใดเจ้าคะ ?”
“ไปเยือนจวนฟู่”
ภายในห้องหนังสือของเยี่ยนเป่ยซี ต้วนหยุนโฉวได้เดินเข้ามา “นายท่านขอรับ คุณหนูเสี่ยวโหลวออกไปแล้วขอรับ”
เยี่ยนเป่ยซีมิได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด แม้แต่สายตาของเขาก็ยังคงอ่านหนังสือในมือ มิแม้แต่จะเหลือบสายตาขึ้นมา เขากล่าวเรียบ ๆ ว่า “เจ้าตามนางไปเถอะ คอยจับตาดูไว้”
…..
ค่ำคืนนี้จวนผู้ว่าเขตจินหลิงไฟสว่างโร่
หลังจากที่กลองด้านนอกของศาลาว่าการดังขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง หนิงหยู่ชุนเดินเข้าไปในศาลาว่าการ ท่ามกลางเสียงทรงอำนาจของหัวหน้าศาล เขานั่งอยู่บนแท่น
“ผู้ใดมากัน ? เหตุใดจึงได้มาตีกลองค่ำมืด ?”
“เรียนท่านขุนนาง ข้า เจียงหยู ข้าเป็นคู่หมั้นคู่หมายของหลิวซิวผิง ในวันนี้เขาถูกคนชั่วอย่างหยูจิ่งฟ่านทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ในวันนี้ข้าเองก็เกือบถูกคนชั่วหยูจิ่งฟ่านทำให้อับอาย โชคดีที่ฟู่เสี่ยวกวนผ่านมาเจอความอยุติธรรมนี้และชักดาบเข้ามาช่วย มิเช่นนั้นข้าคงประสบเคราะห์จากเงื้อมมือของชายชั่วร้ายผู้นั้น ข้าครุ่นคิดถึงฟ้าดินที่สดใส หยูจิ่งฟ่านอาศัยอำนาจที่ล้นฟ้าของตระกูลก่อกรรมทำชั่วโดยมิสนกฎบ้านกฎเมือง… ข้ายากที่จะสงบใจได้ ดังนั้นข้าจึงมาตีกลองร้องทุกข์ หวังว่านายท่านจะนำคนชั่วผู้นั้นเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ เพื่อปกป้องความเป็นธรรม และคนดีอย่างฟู่เสี่ยวกวน ! ”
เจียงหยูคุกเข่าอยู่ที่พื้น พร้อมร้องทุกข์ทั้งน้ำตา
“มีเรื่องจะร้องทุกข์เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“มีเจ้าค่ะ นายท่านโปรดอ่านด้วยเจ้าค่ะ ! ”
หนิงหยู่ชุนเดินลงไป รับคำร้องมาอ่าน และเอ่ยถาม “หยูจิ่งฟ่านผู้นี้คือโอรสคนที่สามของฮุ่ยชินอ๋องเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ใช่เจ้าค่ะ ! ”
“โอ้… เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชินอ๋อง และจะเกี่ยวข้องกับเกียรติของราชวงศ์ หากคำร้องของเจ้าเป็นเท็จ เจ้าทราบถึงโทษใช่หรือไม่ ? ”
“ทุกคำที่ข้าได้กล่าวไปเป็นความจริง ในเวลานั้นเพื่อนบ้านและคนข้างถนนที่ร้านอู่เว่ยจายของข้ามีผู้คนอยู่มากมาย นายท่านสามารถสอบถามได้เจ้าค่ะ”
“อือ…เตรียมกำลังคน และรีบไปจับกุมผู้ต้องหา หยูจิ่งฟ่าน มา ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)