นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 202

ประตูจวนของฮุ่ยชินอ๋องค่อย ๆ เปิดออก ภายในมีรถม้าคันหนึ่งวิ่งออกมา รถม้าคันนี้มุ่งตรงไปทางตะวันออก มันวิ่งไปอย่างเชื่องช้า ทำให้ได้ยินเสียงเกือกม้าที่วิ่งไปบนถนนได้อย่างชัดเจน

ผ่านไปประมาณ 2 ก้านธูป มีทหารม้าจำนวน 300 คน ออกมาจากจวนของฮุ่ยชินอ๋อง

พวกเขายังคงยืนอย่างสงบในตรอกซานเยวี่ย เมื่อชายผู้นำขบวนให้สัญญาณดาบ ทหารม้ากว่าสามร้อยคนก็มุ่งหน้าไป แต่ก็มิได้ส่งเสียงดังเท่าใดนัก เนื่องจากเกือกม้าถูกห่อหุ้มเป็นอย่างดี

ที่ประตูจวนฮุ่ยชินอ๋องปรากฏชายชุดดำเดินออกมายี่สิบกว่าคน ผู้ที่เดินนำหน้าสะพายดาบอยู่ด้านหลัง เขากระโดดขึ้นจากพื้นสู่ชายคาที่อยู่ตรงข้าม ชายชุดดำอีกยี่สิบกว่าคนที่ตามหลังมาก็กระโดดตามเขาไป พวกเขามุ่งตรงไปยังจวนฟู่

ผ่านไปอีก 2 ก้านธูป ที่จวนฮุ่ยชินอ๋องก็มีรถม้าออกมาอีกคันหนึ่ง มันวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วและมุ่งตรงไปยังทิศใต้

ผู้ที่นั่งอยู่ในรถม้าคันนี้คือชายชุดดำนั่นเอง เขาขมวดคิ้วขึ้นจากนั้นยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

เซียวจ้านนำกองทหารม้านี้ไปยังถนนของเมืองหลวงอย่างเงียบ ๆ เขาต้องการเข้าจู่โจมจวนฟู่โดยการพุ่งทะลุประตูใหญ่เข้าไป จากนั้นร่วมมือกับซีเหมินเพียวเสวี่ยที่นำชาวยุทธมุ่งตรงไปยังจวนฟู่เช่นกัน !

แต่สิ่งที่เขาคาดมิถึงก็คือ ที่สุดตรอกซานเยวี่ยนั้นมีชายผู้หนึ่งขี่ม้าพร้อมปืนในมืออยู่กลางถนน

เขายืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวพร้อมม้าคู่ใจ ประกอบกับแสงไฟสลัวทำให้เซียวจ้านเกิดแรงกดดันมากทีเดียว

เซียวจ้านขมวดคิ้วขึ้น จากนั้นยกดาบโบกไปข้างหน้า ในวันนี้เขามีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวนั่นคือ “ฆ่า ! ”

แต่ต่อจากนั้นเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติไป ชายผู้ที่ยืนอยู่นั้นมิได้ขยับไปไหน เขาเพียงมองไปทั้งสองข้างซ้ายและขวา บนหลังคาก็ปรากฏคนจำนวนมาก

คนเหล่านั้นถือธนูและลูกธนูเพ่งเล็งมายังพวกเขา !

หยู่หลินจวิน !

นี่คือกับดัก !

เขาประหม่าขึ้นมาทันที เมื่อชายผู้นั้นโบกปืนในมือ หลังคาทั้งสองฝั่งก็ปรากฏลูกธนูยิงออกมาราวกับสายฝนท่ามกลางพายุอันดุเดือด !

“ฉึบๆๆ !”

“อ๊าก… !”

“ฮี้ๆๆ !”

มีทั้งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดและเสียงของม้าที่ถูกยิง หลังการโจมตีทหารม้าเหล่านั้นสูญเสียกำลังไปกว่าครึ่ง

พวกเขายังคงถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง เซียวจ้านกัดฟันกรอด ๆ เขาหวังว่าจะสามารถฝ่าพายุลูกธนูเหล่านี้ไปได้และยังคงหวังว่าจะไปถึงจวนฟู่เสี่ยวกวนได้ !

แต่เขาก็กลับต้องสิ้นหวังในทันใด

พวกเขาอยู่ห่างจากชายผู้นั้นเพียง 300 เมตร แต่ทั้งสองข้างของระยะทาง 300 เมตรได้มีทหารหยู่หลินจวินตั้งอยู่สองแถวพร้อมธนู

การโจมตีของพายุลูกธนูได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง หลังจากนั้นเพียงไม่กี่อึดใจ ทหารม้าที่ยังมีชีวิตอยู่ของเซียวจ้านเหลือเพียงห้าสิบกว่าคน

เมื่อชายผู้นั้นส่ายหัวและบังคับม้าให้เดินกลับไป สิ่งที่ทำให้เซียวจ้านต้องพบกับความสิ้นหวังก็เกิดขึ้น

ตรงหัวมุมปรากฏทหารขึ้นจำนวน 1,000 คน !

เป็นองค์รักษผู้พิทักษ์วังหลวง ทหารชั้นยอดของราชวงศ์หยู เดิมทีพวกเขาควรจะอยู่ปกป้องที่นอกเมืองหลวง แต่บัดนี้กลับปรากฏตัวขึ้นที่นี่

“นอกจากแม่ทัพที่นำมา จงปลิดชีพทุกคนจากนั้นตัดหัวพวกมันมา นำไปกองไว้ที่หน้าจวนฮุ่ยชินอ๋อง แล้ว…แม่ทัพนั่นนำไปยังจวนผู้ว่าเขตจินหลิง เมื่อเสร็จสิ้นแล้วพวกเจ้ากลับไปพักผ่อนได้”

“น่าเบื่อสิ้นดี ! ” ฮั่วหวยจิ่นบ่นออกมา จากนั้นขี่ม้าค่อย ๆ จากไปยังจวนฟู่

เขาขี่ม้าไปอย่างช้า ๆ บนถนนที่เงียบสงบนี้คล้ายกับไม่รีบร้อนแม้แต่น้อย

……

ในขณะเดียวกัน ณ ที่แห่งหนึ่งในเมืองหลวง คนชุดดำเหล่านั้นตั้งเป้าหมายไปยังบรรดาสตรีผู้ที่เคยถูกหยูจิ่งฟ่านรังแก

พวกเขาต้องการฆ่าปิดปาก นี่เป็นเรื่องที่ใครก็สามารถเดาได้ สตรีเหล่านั้นเป็นชาวบ้านธรรมดาทั่วไป แต่คนชุดดำเหล่านั้นเป็นถึงชาวยุทธผู้แข็งแกร่ง เมื่อพวกเขาปฏิบัติภารกิจนี้เรียบร้อยยังต้องไปทางจวนฟู่เพื่อเป็นกำลังเสริมด้วย

ดังนั้นเมื่อตอนที่พวกเขามาถึงจึงมิได้ใส่ใจว่ามีใครซ่อนอยู่บนชายคา

พวกเขาคือคนของหอชิงเฟิงซี่หยู่ หรือเอ่ยให้ถูกนั่นก็คือ เป็นนักดาบจากหอชิงเฟิงนั่นเอง

พวกเขาเหล่านี้กำดาบไว้ในมือและกระโดดออกมาจากหลังคา การต่อสู้ใช้เวลาไม่นานนัก คนชุดดำก็พ่ายแพ้ให้แก่พวกเขา

บรรดานักดาบของหอชิงเฟิงมิได้จากไปในทันที แต่พวกเขายังคงรออยู่ ณ ที่นั้น เนื่องจากพวกเขายังมิได้รับคำสั่งให้ถอยกลับ

ซีเหมินเพียวเสวี่ยพาผู้มีความสามารถมายังทะเลสาบซวนอู่

ภายใต้แสงดาวและแสงจันทร์อันสลัว ทะเลสาบซวนอู่ที่เยือกแข็งดูมืดมิดราวกับไร้ก้นบึ้ง

ในใจของเขาแท้จริงมิได้ชื่นชอบการต่อสู้ในค่ำคืนเท่าใดนัก เนื่องจากในค่ำคืนนี้เมืองหลวงได้ปิดเมืองลง หมายความว่าเรื่องราวนี้ไปถึงหูของฮ่องเต้เข้าแล้ว และการปิดเมืองนี้เพื่อป้องกันการต่อสู้อย่างดุเดือดของทั้งสองฝ่าย

ฟู่เสี่ยวกวนมีซูเจวี๋ยและซูโหรวคอยคุ้มกันให้อยู่ หากพวกเขาต้องการเข้าโจมตีจวนฮุ่ยชินอ๋องก็คงมิมีผู้ใดสามารถหยุดพวกเขาได้

แต่สวีหวินกุยที่ปรึกษาอันดับหนึ่งของฮุ่ยชินอ๋องได้ชิงลงมือในค่ำคืนนี้ก่อน เขาเอ่ยว่าหากพลาดค่ำคืนนี้ไปเกรงว่าจะมิมีโอกาสเสียแล้ว หากฟู่เสี่ยวกวนไม่ตาย ก็คงเป็นศีรษะของฮุ่ยชินอ๋องที่ต้องขาด

แต่การที่จะปลิดชีพฟู่เสี่ยวกวนมิใช่เรื่องง่าย ซูเจวี๋ยมีความสามารถถึงเพียงนั้น แต่ตนกลับมีเพียงผู้ช่วยที่ไร้ความสามารถ มิอาจเทียบได้กับซูเจวี๋ยเลยแม้แต่น้อย !

จะให้พวกเขาต่อสู้ได้เยี่ยงไร ?

ซีเหมินเพียวเสวี่ยเองก็มิรู้เช่นกัน จากแผนการของหวินกุย เดิมทีสั่งให้พวกเขารออยู่ที่นี่ เมื่อเซียวจ้านพาทหารม้ามาโจมตีจวนฟู่ จะใช้ไฟเป็นสัญลักษณ์ ให้พวกเขาเข้าโจมตีฟู่เสี่ยวกวน ปลิดชีพเขาและถอยทัพกลับให้เร็วที่สุด !

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)