อาหารบนโต๊ะได้เย็นชืดไปแล้ว
หลังจากนั้นราวกับฟู่เสี่ยวกวนและคนอื่น ๆ มิได้รู้สึกหิวเลยแม้แต่น้อย
หรือบางทีอาจเป็นเพราะวิธีการพูดถึงกรงนกของฟู่เสี่ยวกวนที่ได้ทำให้เหวินสิงโจวรู้สึกตัวขึ้นมา เขาเริ่มสนทนากับฟู่เสี่ยวกวน โดยเริ่มจากเหตุผล และจบลงด้วยวิธีการ
ด้วยเหตุนี้ถึงจะเห็นว่าได้มืดลงเรื่อย ๆ แต่เหวินสิงโจวกลับตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และได้ให้เหวินซีรั่วทำอาหารสำรับใหม่ขึ้นโต๊ะ ทั้งสี่คนนั่งที่โต๊ะ ดื่มสุราไปพลาง และยังคงถกปัญหาไปด้วย
เหวินสิงโจวเปิดรับแนวคิดของฟู่เสี่ยวกวนอย่างช้า ๆ แต่สำหรับเรื่องวิธีการผลักดัน เขายังคงเต็มไปด้วยข้อสงสัย ในสิ่งที่เรียกว่าวิธีการนั้นมีอยู่มากมายหลายแบบจนเกินไป แต่ฟู่เสี่ยวกวนไม่ได้ท่องจำกฎบังคับเหล่านั้นของโลกก่อนมา เพียงแต่กล่าวเค้าร่างไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นั่นทำให้เหวินสิงโจวชื่นชมมากยิ่งขึ้น และยิ่งอยากให้หลานสาวผู้นี้ตบแต่งกับฟู่เสี่ยวกวน
“เจ้ารู้สึกว่าอาหารมีรสชาติเป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”
กล่าวตามจริง ฟู่เสี่ยวกวนในยามนี้หิวจนตาลายแล้ว ตอนนี้เขากำลังยัดอาหารใส่ปากคำโต และพยักหน้า “เลิศรสยิ่ง ! ”
“เยี่ยงนั้น…ข้าจะให้ซีรั่วแต่งกับเจ้า ดีหรือไม่ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนยังไม่ทันจะได้กลืนลงไป ก็เกือบจะสำลักติดคอตายเพราะประโยคนี้
“แค่กแค่ก ๆ…” เขาหันหน้าออกไปอีกทางและไออย่างรุนแรงอยู่สักพัก ก่อนจะผ่อนคลายลง
“ท่านเหวินเรื่องนี้…”
ยังไม่ทันที่เขาจะได้กล่าวจบ เหวินซีรั่วก็เอ่ยขัด นั่นไร้มารยาทเป็นอย่างมาก แต่เหวินซีรั่วกลับไม่ได้สนใจมากนัก หากคนผู้นี้รับปากไปแล้วเยี่ยงนั้นจะทำอันใดได้เล่า ?
ฟังเขากล่าวมาครึ่งค่อนวัน นั่นน่าทึ่งอย่างแท้จริง มองออกไปในใต้หล้า ไม่เคยได้ยินชายหนุ่มที่แก่เรียนเยี่ยงเขามาก่อน แต่เขามิใช่คนที่ข้าเหวินซีรั่วผู้นี้สนใจ !
“ข้าควรอธิบายเรื่องนี้ให้เจ้าฟังเสียเล็กน้อย” เหวินซีรั่วหันมองมาทางฟู่เสี่ยวกวน “ข้าถูกเลี้ยงดูในฐานะบุตรชายตั้งแต่ยังเยาว์ ดังนั้นข้าจึงตั้งปณิธานที่ใหญ่ยิ่งเอาไว้ตั้งแต่วัยเยาว์ ว่าทั้งชีวิตนี้ข้ามิชอบแต่งหน้าแต่ข้าชอบอาวุธ ข้าจะไปเข้าร่วมกองทัพ เหมือนกับที่เจ้าได้กล่าวมา ทุกคนต่างเท่าเทียม บุรุษสามารถเข้าสนามรบเพื่อฟาดฟันศัตรูได้ แล้วเหตุใดสตรีจึงจะทำมิได้กันเล่า ? ”
“ส่วนเรื่องการแต่งงาน ข้าย่อมแต่งอย่างแน่นอน แต่คนที่ข้าจะแต่งด้วยต้องเป็นทหาร อีกทั้งยังต้องเป็นทหารที่เก่งกาจอย่างมากอีกด้วย”
“ข้าชื่นชมในความสามารถของท่าน แต่ท่านมิใช่คนที่ข้าฝักใฝ่ ความรู้สึกในใจ…” นางหันหน้าไปหาเหวินสิงโจว “ท่านปู่เจ้าคะ เพราะหัวใจมีความรู้สึก สิ่งที่ข้าคิดก็คือสิ่งที่ข้าต้องการ ถึงแม้ท่านจะเป็นท่านปู่ของข้า แต่หากต้องกล่าวถึงหลักการทางจิตใจแล้วนั้น ท่านมิมีสิทธิ์ในการแทรกแซงอิสระในการเลือกของข้า ! ”
เหวินสิงโจวผงะ เพิ่งได้เรียนรู้ไปเมื่อครู่ก็สามารถนำมาใช้ได้แล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?
นี่จะถือเป็นการโยนหินทุบเท้าตนเองหรือไม่ ?
ฟู่เสี่ยวกวนกลับหัวเราะและกล่าวว่า “คำกล่าวของหลานสาวท่านผู้นี้มีเหตุผลยิ่ง ควรค่าแก่การสนับสนุน”
เขาหันไปมองเหวินซีรั่วอีกครา และกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ข้ามีพี่ชายอยู่ผู้หนึ่ง เขาเป็นทหาร ขอเล่าให้เจ้าฟังเลยก็แล้วกัน เขาคือทหารที่เจ้ายากจะจินตนาการถึงได้ ในยามนี้เขากำลังฝึกฝนกองทัพทหารที่เจ้ามิเคยพบเห็นในโลกนี้มาก่อน ในยามที่กองทัพนี้ได้ปรากฏตัวออกมาให้ทุกคนได้ประจักษ์ ข้ากล้ารับปากกับเจ้าได้เลย กองทหารทั่วหล้านั้นจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง ! ”
ดวงตาของเหวินซีรั่วเบิกกว้าง “จริงเยี่ยงนั้นหรือ ? เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่ ? ”
“หากข้ากล่าวว่ากองทัพที่เขาฝึกฝนนั้นสามารถเอาชนะกองกำลังทหารจำนวน 20,000 นายของแคว้นใดก็ได้ด้วยจำนวนเพียงแค่ 2,000 นาย ต่อให้เป็นทหารม้าเกราะหนักก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน เจ้าจะเชื่อหรือไม่ ? ”
เหวินซีรั่วเบะปาก “แต่ความสามารถในการดื่มสุราของเจ้านั้นมิได้เรื่องเอาเสียเลย ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนลูบจมูกไปมา “หรือมิเยี่ยงนั้น กองทัพนี้มีนามว่าดาบเทวะ ผู้บัญชาการของกองทัพนี้คือคนที่ข้าจะแนะนำให้แก่เจ้า เขามีนามว่าไป๋ยู่เหลียน ให้เจ้ารอนานที่สุดคือหนึ่งปี ภายในหนึ่งปีนี้ หากมิมีผลการรบที่ยอดเยี่ยมของกองทัพนี้ผ่านเข้าหูของเจ้า ก็ถือว่าข้ามิเคยกล่าวถึงเรื่องนี้ แต่หากเป็นจริงดั่งที่ข้าได้กล่าวไป…”
“หากเขาเก่งกาจถึงเพียงนั้นจริง ข้าจะแต่งกับเขา ! ”
“มิคืนคำใช่หรือไม่ ? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)