ภายในเรือนคฤหาสน์จิ้งหูได้มีผู้คนมาเยือนถึง 11 คน
พวกเขาสวมชุดดำ แต่มิได้คลุมหน้าด้วยผ้า ราวกับมิเคยมีความคิดที่จะอำพรางหน้าตา และมิคิดว่าตนเองจะทำงานครานี้พลาด
การที่ผู้แข็งแกร่งระดับปรมาจารย์โหยวเป่ยโต้วปรากฏตัวในที่นี้ มิใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับพวกเขา
ผู้แข็งแกร่งแนวหน้าทั้งสิบเอ็ดคนต่อกรกับปรมาจารย์หนึ่งคน การต่อสู้ครานี้อย่างน้อยก็มีโอกาสชนะถึงเจ็ดส่วน ส่วนเรื่องผู้มีฝีมือขั้นสามของฟู่เสี่ยวกวน… ก็เป็นเพียงแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าเขาจะเป็นเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวของภารกิจนี้ก็ตาม
ชายชราชุดดำในกลุ่มนั้นคำนับให้แก่โหยวเป่ยโต้ว และกล่าวว่า “นี่คือคำสั่งที่ได้รับมา หากท่านผู้อาวุโสโหยวออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ เบื้องบนย่อมมีรางวัลใหญ่ให้เป็นแน่ ! ”
โหยวเป่ยโต้วเหลือบสายตามอง “ต้วนหยุนโฉว ในเมื่อเจ้าออกมาจากภูเขาดาบแล้ว คาดว่ากระบวนท่ากระบี่ของเจ้าคงสำเร็จแล้ว… จั่วซีฮวานี่ก็หลายปีมาแล้ว เจ้ายังมิก้าวหน้าไปไหนอีกหรือ… กันปู้หุ่ยหลายปีมานี้เจ้าเอาแต่หลบอยู่ในแดนเหนือ ถึงแม้สถานที่นั้นจะหนาวเหน็บไปสักเล็กน้อย แต่ก็ปลอดภัยยิ่ง แล้วเหตุใดเจ้าถึงวิ่งออกมาตายกัน โอวหยางจึ ในอดีตข้านั้นยังนึกเคารพเจ้าแต่คาดมิถึงว่าจะกลายเป็นสุนัขรับใช้ของผู้อื่นไปเสียแล้ว…”
โหยวเป่ยโต้ววิจารณ์แต่ละคนไปเรื่อย ๆ ฟู่เสี่ยวกวนตั้งใจฟัง แต่กลับไร้ความสามารถที่จะจับคู่ชื่อที่โหยวเป่ยโต้วเอ่ยออกมากับผู้คนเหล่านั้น
แต่เขาฟังจนจับใจความที่อยู่ในนั้นได้ คนเหล่านี้ต่างก็เป็นผู้มีฝีมือระดับสูงของแต่ละสำนัก หรือก็คือจอมโจรที่มีชื่อเสียงของยุทธภพ !
และกล่าวได้ว่า ความสามารถของทั้งสิบคนนี้สูงส่งเป็นอย่างมาก !
เขาอดที่จะหันไปมองโหยวเป่ยโต้วด้วยความกังวลใจมิได้ สองมือสอดเข้าไปในแขนเสื้อ และจับปืนกระบอกเล็กเอาไว้
คาดมิถึงว่าต้วนหยุนโฉวและคนอื่น ๆ จะอดรนทนรอจนโหยวเป่ยโต้วกล่าวจบ เขายกมือขึ้นคำนับโหยวเป่ยโต้วอีกครา “ยังจดจำได้ว่าในอดีตท่านผู้อาวุโสจะสังหารด้วยอารมณ์ มิพูดมิจา แต่บัดนี้ท่านผู้อาวุโสกลับกล่าวมาเสียมากมาย คาดว่าท่านผู้อาวุโสคงชราแล้ว…ได้ยินมาว่าปีนี้ได้ประลองฝีมือกับศิษย์น้องเจี่ยหนานซิงที่ภูเขาลั่วเหมย โค่นดอกเหมยไปนับหมื่นดอก แต่ท่านผู้อาวุโสก็ได้รับหมัดจากเจี่ยหนานซิงจนบาดเจ็บที่ปอด ท่านผู้อาวุโสก็อายุมากแล้ว เหตุใดจึงมิใช้ชีวิตบั้นปลายเฝ้ามองต้นเหมยที่ภูเขาลั่วเหมยกัน ? ”
โหยวเป่ยโต้วลูบเคราและยกยิ้ม “ข้าเองก็อยากจะอยู่ดูแลต้นเหมยบนภูเขาลั่วเหมยนั่นเช่นกัน แต่เยี่ยงไรเสียยุทธภพก็ยังมีคนชั่วเฉกเช่นพวกเจ้าอยู่ พอดีกับที่ต้นเหมยบนภูเขาลั่วเหมยของข้ากำลังขาดแคลนสารอาหารไปเล็กน้อย ประเดี๋ยวพอข้าสังหารพวกเจ้าแล้ว จะนำไปฝังไว้บนภูเขาลั่วเหมย คาดว่าในปีหน้าต้นเหมยจะต้องงามขึ้นอย่างแน่นอน”
กันปู้หุ่ยอ้าปากกว้าง “มิต้องไปต่อปากต่อคำกับเขาแล้ว ตาเฒ่าสวรรค์ได้กำหนดเอาไว้แล้วว่าเจ้าจะมาที่นี่ ในเมื่อเจ้าได้มาแล้ว เยี่ยงนั้นก็ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่เสีย ! ”
“พี่น้องทุกท่าน…ฆ่ามันเสีย ! ”
ต่อจากนั้นก็เกิดเสียงคำราม เงาของร่างทั้งสิบเอ็ดเกิดการเคลื่อนไหว ฟู่เสี่ยวกวนเห็นประกายไฟที่สว่างริบหรี่ในเมฆหมอกที่กดต่ำลงมา
โหยวเป่ยโต้วยืดตัวขึ้น แต่ฟู่เสี่ยวกวนกลับไม่เห็นเขาชักกระบี่ออกมา
กระบี่เล่า ?
โหยวเป่ยโต้วมิได้ใช้กระบี่ คาดมิถึงว่าเขาจะใช้ฝ่ามือ !
หมัดขวาของเขาวาดกลางอากาศอยู่สองเส้น ราวกับวาดตัวกากบาท ดวงตาของฟู่เสี่ยวกวนเบิกกว้าง กากบาทตัวนั้นได้ทิ้งร่องรอยไว้ในใจกลางเมฆหมอก มองขึ้นไปราวสามจั้ง คาดมิถึงว่าจะสกัดกั้นกระบี่ที่สับลงมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับบานประตู !
ดาบและกระบี่เหล่านั้นปะทะเข้ากับสองเส้นนั้น คาดมิถึงว่าจะเกิดเสียงกระทบกันของโลหะ !
“กระบี่มือ ท่านผู้อาวุโสช่างเก่งกาจอย่างแท้จริง” ต้วนหยุนโฉวถอยไปราวสามสิบก้าวในชั่วพริบตานั้น เขาลากดาบไปตามทาง ดาบยาวเสียดสีกับก้อนหินบนพื้นจนเกิดเป็นประกายไฟ ทันใดนั้นเขาก็กู่ร้องออกมาเสียงดัง “ท่านผู้อาวุโสเตรียมรับดาบทลายภูผาของข้าไปเสีย ! ”
ร่างของเขาลอยขึ้นจากพื้น เข้าไปกลางหมอกราวสิบจั้ง แต่ดาบเล่มนั้นก็ยังคงมีประกายไฟอยู่
สองมือของเขากุมที่ด้ามดาบ หมุนกลางอากาศ ดาบยาวนั้นตัดผ่านหมอกบาง เกิดเป็นวงขึ้นมา สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“เพล้ง… ! ”
“แกร้ง… ! ”
ในชั่วพริบตาที่ดาบยาวของเขาฟาดฟันลงบนกากบาทตัวนั้น อีกสิบคนที่เหลือก็กระจายตัวออก ตั้งเป็นวงล้อมรอบ โอบล้อมฟู่เสี่ยวกวนและโหยวเป่ยโต้วเอาไว้ เวลานี้เขาจึงได้เห็นจิตสังหารบนใบหน้าของทิ้งสิบคนในพลัน
มีกระบี่พุ่งตรงมายังฟู่เสี่ยวกวน ดาบตวัดไปทางโหยวเป่ยโต้ว มีกระบองหนึ่งด้ามพุ่งมาสกัดทางหนีของทั้งสองคนเอาไว้ และมีพู่กันพิพากษาที่พุ่งมาตามลมปราณของโหยวเป่ยโต้ว ไอรีนโนเวล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)