ตอนที่ 369 บทประพันธ์แห่งทวยเทพ
ยี่สิบเจ็ดค่ำเดือนสาม
วันนี้เป็นงานชุมนุมวรรณกรรมวันสุดท้าย
หัวข้อของวันนี้นั้นแสนง่ายดาย เหวินสิงโจวยืนบนเวทีแล้วกล่าวแค่เพียงสั้น ๆ
“การแข่งขันวันนี้ ขอให้ทุกท่านเขียนบทความโดยนำสิ่งของชนิดหนึ่งมาเปรียบเทียบกับความตั้งใจของพวกท่าน การแข่งขันครานี้มีเวลาถึงยามอู่”
ยังคงเป็นหัวข้อที่แสนจะธรรมดาเช่นเดิม บทความเช่นนี้เหล่าบัณฑิตได้เขียนมาแล้วนับครั้งมิท้วนแล้ว เลยทำให้มีความคุ้นเคยกับงานประพันธ์ลักษณะนี้พอสมควร
แต่เพราะคุ้นชินนั่นเอง จึงทำให้ยากที่จะสร้างสรรค์งานใหม่ที่สามารถทลายกรอบความจำเจ
เมื่อวานฟู่เสี่ยวกวนใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็ได้ตรงไปยังโต๊ะเขียนคำตอบแล้วได้ตอบทุกหัวข้ออย่างรวดเร็ว แล้ววันนี้จะเป็นเยี่ยงไร ?
เมื่อฝานเทียนหนิงได้ยินหัวข้อของวันนี้ เขาก็ได้หันไปมองฟู่เสี่ยวกวนเป็นคนแรก
“พี่ฟู่ยอมแพ้ไปแล้วถึงสองครา ข้าคิดว่าท่านคงมิหวังครอบครองชัยชนะครานี้เสียแล้ว ท่านอาจจะยอมให้ผู้อื่นได้มีชัยเหนือตน ทว่าท่านนั้นเป็นชายหนุ่มอัจฉริยะที่ผู้คนทั่วทั้งใต้หล้าต่างให้การยอมรับ วันนี้หากจะคว้าที่หนึ่งมาครองท่านก็ย่อมทำได้ใช่หรือไม่ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนลูบจมูก เขาคิดในใจว่าเหตุใดฝานเทียนหนิงถึงได้คิดเช่นนี้กัน ?
ความหมายของฝานเทียนหนิงคือในเมื่อฟู่เสี่ยวกวนยอมปล่อยให้ผู้อื่นมีชัยชนะเหนือตน เขาก็ควรจะชนะสักหนึ่งด่านเพื่อพิสูจน์ชื่อเสียงของตน
หากจะกล่าวด้วยความสัตย์จริง ฟู่เสี่ยวกวนมิเคยคิดเช่นนี้มาก่อน เขาประพันธ์กวีเหล่านั้นออกมาได้แน่นอนว่าวันนี้ก็คงจะประพันธ์บทความนั้นได้เช่นกัน ส่วนผลลัพธ์นั้นผู้ใดจะไปล่วงรู้ได้ว่างานประพันธ์ของตนเองนั้นดีมากน้อยเพียงใดและสามารถบดขยี้งานประพันธ์ของผู้ใดได้บ้าง ?
“เมื่อการแข่งขันวันนี้สิ้นสุดลงก็สามารถกลับไปได้แล้วใช่หรือไม่ ? ”
“หากพี่ฟู่มิใคร่ชมธรรมชาติที่วัดหานหลิงสักหน่อยก็สามารถกลับไปได้ ทว่าท่านทำเยี่ยงนี้ก็เท่ากับว่ามิให้ความสำคัญกับงานชุมนุมวรรณกรรมครานี้เลยเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“น้องฝาน การประพันธ์กวีหรือบทความเรื่องพวกนี้จะทำได้หลายครานั้นแทบจะเป็นเรื่องบังเอิญ ข้าจะยกตัวอย่างให้ฟัง บุตรในครรภ์มีพรสวรรค์ที่ซ่อนเร้นหลายครามักแสดงออกมาอย่างมิรู้ตัว ทว่าการมีครรภ์นั้นต้องทนรอเพียงแค่สิบเดือนก็จะมีบุตรออกมาให้เชยชม”
ฝานเทียนตกตะลึงยิ่ง “เช่นนั้นแล้วท่านเรียกสิ่งนี้ว่าพรสวรรค์ที่ซ้อนเร้นเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ใช่ ! ทว่ากลับกันพวกเขานั้นดูเหมือนคนกำลังมีครรภ์ เอาล่ะ ข้ามิรบกวนท่านแล้ว ข้าจะไปส่งคำตอบ”
“ไอหยา…ท่านคิดออกอีกแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ฝานเทียนหนิงตะลึงเสียจนเบ้าตาแทบหลุด เขาคิดคำตอบได้เร็วกว่าเมื่อวานเสียอีก !
ทำท่าอะไรกัน ฟู่เสี่ยวกวนจ้องไปยังฝานเทียนหนิง แล้วก้าวเท้าเดินออกไปที่โต๊ะเขียนคำตอบด้านหน้าเพื่อตอบคำถาม
เหตุนี้ถึงมีสายตาของชายหนุ่มนับพันจับจ้องไปที่แผ่นหลังของฟู่เสี่ยววนเช่นเคย
“มิจริง ! ”
“ถอดใจยอมเเพ้เสียเองเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ในเมื่อยอมแพ้มาแล้วสองหัวข้อ หัวข้อนี้ก็คงมิแยแสเท่าใดนัก”
“เป็นไปได้หรือไม่ที่พวกเราจะสามารถประพันธ์บทความแสนวิจิตรบรรจงออกมาได้เพียงมิกี่อึดใจ ? ”
“เจ้าคิดบ้าอันใดอยู่ ตั้งครรภ์ยังใช้เวลานานถึงสิบเดือน ต่อให้มีพรสวรรค์เยี่ยงไรก็จำต้องใช้เวลาเจียระไนพอสมควร ! ”
“ในเมื่อมิแยแสชัยชนะตั้งแต่แรก เช่นนั้นเขาจะถ่อมาเข้าร่วมงานชุมนุมวรรณกรรมครานี้ด้วยเหตุใดกัน ? ”
“หรือว่าเขาประพันธ์งานดี ๆ ออกมาได้อย่างแท้จริง ! ”
เหตุใดหลายคนถึงได้เห็นพ้องต้องกัน เพราะการประพันธ์วรรณกรรมใด ๆ นั้น หนึ่งคือต้องมีแรงบันดาลใจ สองคือต้องขัดเกลา แรงบันดาลใจนั้นมักจะมาด้วยความบังเอิญ ส่วนการขัดเกลาต้องใช้ความประณีตและความอดทน เช่นนั้นแล้วจึงต้องใช้เวลามากพอสมควร
ทว่าฟู่เสี่ยวกวนกลับมิต้องใช้เวลาในการขบคิดเลยแม้แต่น้อย !
“หากเป็นเช่นนี้แล้วเขาคว้าชัยชนะมาครองได้…นั่นก็หมายความว่า เขารู้หัวข้อมาแล้วล่วงหน้า ! ”
เมื่อคุณหนูถังซานมองแผ่นหลังนั้น คิ้วของนางนั้นมิได้แสดงออกถึงความรู้สึกใด นางถึงได้เอ่ยออกมาเช่นนั้น
เหล่าบัณฑิตด้านล่างนั้นต่างถกเถียงกันเรื่องของฟู่เสี่ยวกวน ส่วนด้านบนเวทีนั้นเมื่อเหวินสิงโจวเห็นฟู่เสี่ยวกวนจึงได้ส่งยิ้มให้กับเขาด้วยความปลื้มใจ แววตาคู่นั้นมิอาจปกปิดซ่อนความความคาดหวังอันแรงกล้านี้ได้
วันนี้เขาจะสามารถประพันธ์บทความที่ทำให้ใต้หล้านี้ต้องตกตะลึงได้อีกหรือไม่ ?
……
ต่งซูหลานยังคงนั่งฝนหมึก นางรู้สึกสุขใจทุกคราที่ได้ฝนหมึกให้กับฟู่เสี่ยวกวน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)