นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 446

ตอนที่ 446 ของขวัญ 3 ชิ้นและจดหมาย 2 ฉบับ

มื้อกลางวันของวันนี้ ขันทีเจี่ยได้ยกสำรับอาหารมาให้รับประทานในห้องทรงพระอักษร

เนื่องจากนโยบายของฟู่เสี่ยวกวนซับซ้อนขึ้นทุกวัน อีกทั้งฝ่าบาทกับอัครมหาเสนาบดีเยี่ยน และต่งคังผิงมิอาจเข้าใจในความคิดล้ำหน้าเป็นพันปีของฟู่เสี่ยวกวนได้

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการขนส่งของแคว้น ดังนั้นฮ่องเต้จึงได้ตั้งใจฟังการอธิบายเรื่องราวเหล่านี้จากฟู่เสี่ยวกวนเป็นอย่างมาก

เมื่ออธิบายมากขึ้น ก็มีคำถามตามมามากยิ่งขึ้น

จึงทำให้เกิด “กฎหมายแพ่งและพาณิชย์” “กฎหมายสัญญา” “กฎหมายสิทธิบัตร” “กฎหมายภาษีเงินได้” ….กฎหมายต่าง ๆ มากมาย

ฟู่เสี่ยวกวนจึงตัดสินใจหยุดลง เขาเคยเกี่ยวข้องกับกฎหมายเหล่านี้อยู่บ้างแต่ก็มิได้ลึกเท่าใดนัก เขาจำกรอบทั่วไปได้ แต่รายละเอียดนั้นต้องใช้สมองคิดอย่างละเอียด แต่เรื่องนี้เขาคงต้องจัดการด้วยตนเอง ดังนั้นเมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว เขาก็ได้กล่าวออกมาว่า

“นี่เป็นการก่อตั้งขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงต้องใช้จำนวนคนและเวลาค่อนข้างมาก แต่หลังจากที่กฎหมายเหล่านี้จัดการได้จนเสร็จสิ้นแล้ว จะสามารถดูแลและพัฒนาเศรษฐกิจของแคว้นหยูได้เป็นอย่างดี

ดังนั้นหน้าที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการก่อตั้งการค้าให้มั่นคง การสรรหาผู้มีความสามารถพิเศษ โดยเฉพาะผู้ที่เข้าใจหลักเศรษฐศาสตร์ แม้ว่าจะเป็นเพียงพ่อค้าก็สามารถใช้ได้ ตราบเท่าที่เขามีข้อมูลเชิงลึกที่มิเหมือนผู้ใด

มีเพียงการก่อตั้งกฎหมายใหม่ และเผยแพร่ไปทั่วหล้า การค้นพบปัญหาและแก้ไขให้สมบูรณ์ตามความเหมาะสม ในที่สุดก็จะบรรลุกฎหมายเชิงบรรทัดฐานและทำให้พ่อค้าในราชวงศ์หยูเข้าใจข้อจำกัดของกฎหมายเหล่านี้

ฟู่เสี่ยวกวนดื่มชาที่วางไว้จนเย็นเข้าไปอึกหนึ่ง แล้วมองไปทางฮ่องเต้

ฮ่องเต้ขมวดคิ้วเข้าหากัน เนื่องจากเขายังมีหลายอย่างที่มิเข้าใจ แต่การที่ฟู่เสี่ยวกวนสามารถอธิบายมาได้ทั้งวันเช่นนี้ หมายความว่าเขาเป็นผู้รู้จริง เพียงแค่ตนนั้นยังมิเข้าใจเท่านั้นเอง

ในฐานะฮ่องเต้ผู้นำแคว้น เขามิอาจแสดงออกมาถึงความโง่เขลามากจนเกินไป ดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมาแล้วกล่าวอย่างสง่าว่า “ยอดเยี่ยม ! ข้าคิดว่ากรมการค้านี้สามารถดำเนินการได้ โดยมีฟู่เสี่ยวกวนรับหน้าที่เป็นหัวหน้ากรมการค้าวาระที่หนึ่ง…ควรเรียกตำแหน่งนี้ว่าเยี่ยงไร ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะหึ ๆ แล้วกล่าวว่า “หัวหน้ากรม ! ”

“ตกลง เจ้ารับหน้าที่เป็นหัวหน้ากรมวาระที่หนึ่ง แต่งตั้งให้เป็น…ขุนนางระดับสามก็แล้วกัน เนื่องจากจะต้องจัดการเรื่องใหญ่โต ส่วนเรื่องผู้ที่อยู่ใต้บัญชาในกรมนี้ อัครมหาเสนาบดีเยี่ยน เสนาบดีต่ง…”

“พ่ะย่ะค่ะ ! ”

“พ่ะย่ะค่ะ ! ”

“เจ้าทั้งสองคนรับหน้าที่รวบรวมผู้ที่มีความสามารถมาทำงานที่กรมการค้านี้ อาจจะโยกย้ายคนมาจากกรมของพวกเจ้า หรืออาจจะคัดเลือกจากผู้มีความสามารถมากมายในใต้หล้านี้ก็ได้ อ่า… หรือพวกเจ้าจะประกาศรับสมัครทั่วทั้งราชวงศ์หยูก็ตามแต่ เรื่องของจำนวนคนที่ต้องการให้ฟู่เสี่ยวกวนเป็นผู้ตัดสินใจ เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ ข้าเองก็เหนื่อยมากแล้ว…เสี่ยวกวน”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”

“เจ้าเป็นบุตรเขยของข้า”

“อ่า…พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเป็นบุตรเขยของฝ่าบาท”

“ข้ารู้ดีว่าเจ้าทำและหวังดีต่อราชวงศ์หยู ข้าขอกล่าวไว้ ณ ที่นี้ว่าหากราชวงศ์หยูดีขึ้นอย่างแท้จริง ข้าจะร่วมมือเป็นพันธมิตรกับราชวงศ์อู๋ก็ย่อมได้…ข้านั้นตรัสแล้วมิคืนคำอย่างแน่นอน เจ้าวางใจได้ ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนตกตะลึงขึ้นมาทันพลัน เนื่องจากเขาเองก็มิได้คิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์หยูและราชวงศ์อู๋มาก่อน คำเอ่ยของฝ่าบาทเมื่อครู่ทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งใจมากยิ่งนัก

“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ ! ”

“เอาล่ะ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปกรมการค้าก็จะเริ่มดำเนินการขึ้นมาอย่างเป็นทางการ สถานที่ตั้งให้อยู่ที่…ซวนหมิงเตี้ยน ทางด้านขวาของท้องพระโรงเฉิงเทียน”

……

……

ฟู่เสี่ยวกวนเพิ่งจะเดินกะเผลก ๆ ออกมาจากพระราชวัง ก็ได้มองเห็นซูซูเดินเข้ามาด้วยท่าทางโมโห

“เจ้ารับหน้าที่นี้ช่างลำบากยิ่ง ตื่นตั้งแต่ไก่ยังมิโห่กระทั่งไก่กลับเข้าเล้าแล้วเจ้าก็ยังมิกลับ…ยุ่งมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนอมยิ้มแล้วก้าวขึ้นรถม้า กล่าวว่า “เจ้ามิรู้อะไร วันนี้ข้ากล่าวมาทั้งวันแล้ว ไปเถอะ กลับจวนก่อน อีกประเดี๋ยวจะต้องออกไปข้างนอกอีก”

“ยังจะไปที่ใดอีก ? ”

“เป็นการเชิญชวนจากสหายร่วมงาน ข้าจำเป็นต้องเดินทางไปเสียหน่อย”

ซูซูเบ้ปากแล้วขับรถม้ากลับไปยังจวนฟู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)