ตอน ตอนที่ 453 ขายหมดแล้ว จาก นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 453 ขายหมดแล้ว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายทะลุมิติ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ชายชราผู้นี้เสียสติไปแล้วเยี่ยงนั้นหรือ !
บรรดาฝูงชนมิได้รู้จักจงซูลิ่งขุนนางระดับสูงซังแห่งเสมียนกลาง มีบางคนส่ายหน้า มีบางคนยิ้มรับกับความโชคร้ายนี้
เจียงหยูเหลือบมอง มิได้ ข้าต้องรีบซื้อก่อนแล้ว !
นางเหลือบมองหลิวซิวผิง แล้วหันหลังไปกล่าวกับหลี่จินโต้ว “หลงจู๊ ข้ามาก่อน ! ”
“แม่นางท่านต้องใคร่ครวญให้ถี่ถ้วน…” หลี่จินโต้วพยักหน้าให้กับซังหยูน้อย ๆ และหันไปมองเจียงหยู แล้วกล่าวด้วยท่าทีจริงจังเป็นอย่างมาก “ภายในสัญญาซื้อขายของพวกเราได้ระบุเอาไว้ชัดเจน การลงทุนมีความเสี่ยง กล่าวได้ว่า หากอุตสาหกรรมซีซานขาดทุน เงินของท่านก็จะหายไปได้เช่นกัน”
หลิวซิวผิงได้ยินเยี่ยงนั้น ก็กล่าวขึ้นมาอีกว่า “เจ้าลองฟังดู พวกเขาเองก็ยังมิมีความมั่นใจ เจ้ายังกล้าที่จะนำเงินนี้ไปลงทุนอยู่อีกเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
เจียงหยูยังคงมิสนใจหลิวซิวผิง “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าเชื่อคุณชายฟู่ ท่านช่วยข้าจัดการด้วยเถอะ”
หลี่จินโต้วมิได้กล่าวอันใดเพิ่ม เขานำสัญญาซื้อขายที่เขียนเสร็จแล้ว ส่งให้กับเจียงหยู “ตรงนี้ ลงนามของท่าน ตรงนี้ ประทับลายนิ้วมือของท่าน”
เจียงหยูทำตามอย่างคล่องแคล่ว หลี่จินโต้วนำตราประทับสีแดงขนาดใหญ่ออกมา และประทับไปบนหนังสือสัญญา “มีทั้งสิ้น 2 ฉบับ แม่นางต้องรักษาเอาไว้ให้ดี รายได้ทุกไตรมาสของซีซาน จะประกาศ ณ ที่นี่ จะขาดทุนหรือได้กำไร ก็จะประกาศ ณ ที่แห่งนี้ ท่านเชื่อมั่นในธนาคารซื่อทง เชื่อมั่นในอุตสาหกรรมซีซาน พวกเราขอขอบพระคุณท่านเป็นอย่างมาก พวกเรารับประกันว่าบัญชีของอุตสาหกรรมซีซานจะมิมลายหายไปอย่างแน่นอน ! ”
“อือ ข้าเชื่อคุณชายฟู่ ! ”
เจียงหยูรับหนังสือซื้อขายมาด้วยความดีใจ เก็บไว้ในอกเสื้อด้วยความระมัดระวัง และหันกลับไปมองหลิวซิวผิง “เจ้าจะหย่ากับข้าจริง ๆ ใช่หรือไม่ ? ”
สีหน้าของหลิวซิวผิงในยามนี้ดูผิดหวังเป็นอย่างมาก นั่นเป็นเงิน 2,000 ตำลึงเลยนะ !
มันกลายเป็นกระดาษไปแล้วอย่างแท้จริง !
ภรรยาผู้นี้ไปพัวพันอันใดกับฟู่เสี่ยวกวนหรือไม่ ?
“วันนี้ ทำอันใดมิได้แล้ว ! ”
เจียงหยูกัดริมฝีปาก ก้มหน้าหลบ และกล่าวเสียงแผ่วว่า “นี่…กลับไปแล้วค่อยว่ากล่าวเถอะ”
ซังหยูที่ได้ยิน สองคนนี้จะเลิกกันเพราะเรื่องนี้เยี่ยงนั้นหรือ ?
เขาหันไปมองหลิวซิวผิง แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “เด็กน้อยความกลัวของเจ้าทำให้ดวงตามืดบอด เจ้าทราบหรือไม่ว่าฟู่เสี่ยวกวนคือผู้ใด เจ้าทราบหรือไม่ว่าฟู่เสี่ยวกวนต้องการเงินจำนวนนี้ไปเพื่อทำการอันใด”
เขาส่ายหน้า “การมิรู้มิใช่ความผิดของเจ้า ความผิดของเจ้าคือโลกแคบจนเกินไป หากเจ้าต้องการหย่ากับแม่นางผู้นี้อย่างแท้จริง เกรงว่าเจ้าจะยังมิทราบว่าเจ้าได้สูญเสียไปมากมายเพียงใด ข้าได้กล่าวไปจนหมดแล้ว พวกเจ้าไปกันเถอะ”
หลิวซิวผิงผงะ ชายชราผู้นี้ดูแล้วจะมิใช่ปุถุชนคนธรรมดา เขาจึงมิกล้าโต้แย้ง แต่เป็นเจียงหยูที่กล่าวขึ้นมาว่า “ขอบคุณท่านผู้เฒ่าเป็นอย่างมาก แต่เยี่ยงไรแล้ว…เกรงว่าช่วงเวลาเหล่านี้คงมิอาจไปต่อได้แล้วอย่างแท้จริง ซิวผิง กลับไปเจ้าเขียนหนังสือหย่ามา ข้าจะลงนามแล้วหลังจากนี้ข้ากับเจ้าพวกเราขาดกัน”
เจียงหยูกล่าวจบก็เดินออกไป แต่ทันใดนั้นก็ได้มีคนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาในธนาคารซื่อทง
คาดมิถึงว่าผู้ที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดจะเป็นนักปราชญ์ใหญ่แห่งยุคชางกวนเหวินซิ่วแห่งกั๋วจื่อเจี้ยนจิ่ว และคาดมิถึงว่าที่ตามติดกันมานั้นจะเป็นคณบดีหลี่ชุนเฟิงแห่งสำนักศึกษาจี้เซี่ย ทั้งยังมีลูกศิษย์และอาจารย์ในสำนักศึกษาอีกเป็นจำนวนมากที่ตามหลังพวกเขามา
ในตอนที่ชางกวนเหวินซิ่วกำลังจะปรี่เข้าไป หลี่ชุนเฟิงกลับคว้าเขาเอาไว้ “ข้าเงินเยอะกว่าเจ้า ให้ข้าก่อน ! ”
“เจ้ามันหน้ามิอาย ยังต้องมาเอ่ยว่ามีเงินจำนวนเท่าใดอีกเยี่ยงนั้นหรือ อ่า…ขุนนางระดับสูงซังก็อยู่เยี่ยงนั้นหรือ พอดีเลย ! ”
ท่ามกลางสายตาของหลิวซิวผิงและบรรดาฝูงชน คนกลุ่มนี้ได้ไปอัดรวมกันที่หน้าโต๊ะโดยที่มิเอ่ยถามแม้แต่ประโยคเดียว “ข้าต้องการ 2,000 หุ้น ! ”
“ข้าต้องการ 3,000 หุ้น ! ”
“ข้าต้องการ… 500 500 หุ้น ! ”
หม่าซิงคงลูบกระเป๋าเงินของตนเอง ให้ตายเถอะมีเพียง 200 ตำลึงเท่านั้น ทั้งยังเป็นค่าเล่าเรียนที่เตรียมเอาไว้สำหรับปีหน้า จะทำเยี่ยงไรดี ?
เขากัดฟันอย่างเข่นเขี้ยว “หลงจู๊ ข้าเอา 100 หุ้น ! ”
ซือหม่าหนานหัวเราะร่า “เจ้าช่างเด็ดเดี่ยวเสียจริง เริ่มดื่มลมเสียตั้งแต่วันนี้เลยใช่หรือไม่ ? หลงจู๊ ขอให้ข้า 800 หุ้น ! ”
เกิดความวุ่นวายขึ้นมาทันที หลี่จินโต้วรีบสำทับลูกศิษย์ทั้งห้าที่เขาพามาให้ตรวจสอบโดยละเอียด คนผู้นั้นได้ปล่อยให้หลิวซิวผิงและคนอื่น ๆ จ้องมองอยู่อย่างโง่งม…
“ฟู่เสี่ยวกวนมีสถานะสูงที่สุดในหมู่นักวรรณกรรม นี่ใช่หน้าม้าที่เขาจ้างมาหรือไม่ ? ”
ฮ่องเต้สับสนเป็นอย่างมาก ฮองเฮาซั่งกลับกล่าวขำ ๆ ว่า “เป็นเพราะมีสถานที่ที่จะใช้เงินนั้นมีมากจนเกินไป หม่อมฉันถึงได้ครุ่นคิดหาไก่ทองที่จะสามารถผลิตเงินได้มากพอ ทุกอย่างที่ฟู่เสี่ยวกวนทำ จนถึงวันนี้ยังมิมีธุรกิจใดที่ขาดทุนเลยนะเพคะ
กล่าวได้อีกว่า หนังสือโครงการของเขาก็ได้อธิบายแล้ว การระดมทุนในอุตสาหกรรมของเขาก็เพื่อพลิกโฉมสิบมณฑลนำร่องในปีหน้า ดังนั้นหม่อมฉันจึงคิดว่าควรจะรอชมผลกำไรครานี้ก่อน”
ฮ่องเต้นิ่งเงียบอยู่เนิ่นนาน และขบกรามแน่น “ดี ! ข้าขอลงเดิมพันกับฟู่เสี่ยวกวนสักตา ! ”
“เยี่ยงนั้นหม่อมฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลยเพคะ ขันทีเหนียนกล่าวว่าจำนวนคนที่ธนาคารซื่อทงมีอยู่มากมายนัก มิสามารถรอได้แล้วมิเยี่ยงนั้นคงถูกขายจนหมดแล้วเป็นแน่”
ฮองเฮาซั่งไปยังธนาคารซื่อทงด้วยตนเอง และซื้อไปทั้งสิ้น 750,000 หุ้น !
ในชั่วพริบตาข่าวคราวนี้ก็คล้ายกับปีกอันยาวเหยียดที่แผ่ไปทั่วเมืองจินหลิง
ผู้คนจำนวนมากต่างก็นั่งมิติดที่กันแล้ว
เยี่ยนเป่ยซีก็ได้ส่งบุตรชายเยี่ยนฮ่าวชูของเขาออกไป
อาจารย์ฉินปิ่งจงก็ได้ให้หลานสาวฉินรั่วเสวียของตนนำเงินจำนวน 5,000 ตำลึงนี้ไปยังธนาคารซื่อทง
ตระกูลเซวี๋ยและตระกูลสีในเมืองหลวง บรรดาญาติของเสนาบดีต่ง สวี่หวยซู่แห่งจวนสวี่รวมไปถึงตระกูลใหญ่ ๆ และพ่อค้าทั้งหลาย ต่างก็หลั่งไหลเข้าไปในธนาคารซื่อทงในเวลาเดียวกัน
มิมีผู้ใดเอ่ยถามขึ้นมาอีกว่าหุ้นนี้คือสิ่งใด
และมิมีผู้ใดลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว
ฉินรั่วเสวียรับหนังสือค้าขายมาอย่างมีความสุข เดิมทีเยี่ยนฮ่าวชูคิดจะซื้อ 10,000 ตำลึง แต่ผลสุดท้ายกลับเหลือเพียง 6,000 ตำลึงหรือ 3,000 หุ้นเท่านั้น
ทันใดนั้นเหล่าคนที่เหลือต่างก็ตีอกชกหัว ให้ตายเถอะ ถูกขายไปจนหมดแล้ว !
หุ้นจำนวน 4,000,000 หุ้นราคา 8,000,000 ตำลึงที่ธนาคารซื่อทงวางจำหน่าย ในยามเซินก็ได้ถูกขายไปจนหมดแล้ว !
ฟู่เสี่ยวกวนย่อมมิทราบถึงเรื่องนี้ เขาในยามนี้ได้อยู่ในกรมพิธีการ และกำลังจ้องตากันกับสวี่หวยซู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)