สรุปเนื้อหา ตอนที่ 456 ชีวิตยากจนข้นแค้น – นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet
บท ตอนที่ 456 ชีวิตยากจนข้นแค้น ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ในหมวดนิยายทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 456 ชีวิตยากจนข้นแค้น
รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่เก้า เดือนสิบสอง วันที่สาม เมืองจินหลิง มีหิมะตกโปรยปราย มองดูแล้วงดงามยิ่ง
เวลาส่งท้ายของปีวนมาบรรจบกันอีกครา บรรดาพ่อค้าเริ่มวุ่นอยู่กับการตรวจสอบบัญชี และหวังว่าความทุ่มเทตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า
เกษตรกรได้ลงมือเพาะปลูกข้าวสาลีแล้ว พวกเขามองดูหิมะนี้และได้แต่หวังว่าในปีหน้าขอให้ได้ผลผลิตสักสามหรือห้าส่วน เรื่องของปีใหม่นั้น…พวกเขารู้สึกว่าเพียงแค่นำตุ้ยเหลียนสีแดงไปแปะไว้ที่ประตู และทำอาหารสักสองสามอย่างร่วมรับประทานด้วยกันเท่านั้นก็พอแล้ว
ชาวบ้านในเมืองจินหลิงยังคงเป็นอยู่เช่นเคย พวกเขามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า สีหน้าของพวกเขาช่างมีความสุขมากยิ่งนัก โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่ตั้งตารอในวันปีใหม่ บ้านที่ได้รับผลผลิตค่อนข้างดีในปีนี้ก็จะซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้กับพวกเขา และหาซื้อสิ่งของเครื่องใช้เอาไว้
แต่สำหรับบุตรหลานของบ้านที่ในปีนี้ได้ผลผลิตมิดีเท่าที่ควรก็คงจะเบื่อหน่ายยิ่ง ปีใหม่นี้เยี่ยงไรเสียก็ต้องจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ส่วนจะจัดเยี่ยงไรนั้นก็ต้องวางแผนให้ดี อาจจะทำเพียงเพื่อเป็นพิธี มิเช่นนั้นอาจจะเสียหน้าได้
ด้านนอกของเมืองจินหลิง มีเขตสลัมอยู่แห่งหนึ่ง และเมื่อคืนนี้ได้เกิดเรื่องที่น่าเศร้าสลดขึ้น
ถนนที่นี่จะแคบและรกร้างเป็นอย่างมาก บ้านเรือนปลูกสร้างจะต่ำกว่าที่อื่น ๆ แม้แต่ประตูบ้านก็คับแคบกว่าปกติมากนัก
เนื่องจากแม่น้ำหวงเหอได้เอ่อล้นขึ้นมาอีกในปีนี้ ทำให้มีชาวบ้านอพยพหนีมาที่เมืองจินหลิงมากขึ้นกว่าเดิม พวกเขาจะตั้งหลักปักฐานในสลัมแห่งนี้ และเช่าอาศัยบ้านเล็ก ๆ อยู่ เพื่อรอโอกาสหางานทำในเมืองจินหลิงเพื่อหาเลี้ยงชีพของตนเองต่อไป
ดังนั้นพื้นที่แห่งนี้จึงมิได้เงียบเหงาอย่างที่ควรจะเป็น
ครอบครัวของหลู่เสี่ยวตงทั้งสามคนก็อาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้เช่นกัน พวกเขาอพยพมาจากทางตะวันออกของแม่น้ำหวงเหอในปีนี้
เดิมทีเขาตั้งใจจะเดินทางไปซีซานเพื่อหาที่อยู่เอาตัวรอด แต่ได้ยินมาว่าคุณชายฟู่เสียชีวิตลงจากเหตุการณ์หิมะถล่มที่ราชวงศ์อู๋ นี่เปรียบเสมือนฝันร้าย และตัดความฝันของพวกเขากลุ่มนี้ลง เมื่อปีกลายคุณชายฟู่ได้เข้าช่วยเหลือรับเลี้ยงผู้คนอพยพที่เดือดร้อนจากอุทกภัยกว่าสี่หมื่นคน บัดนี้ผู้คนเหล่านั้นได้กลายเป็นชาวซีซานไปแล้ว พวกเขาได้ติดต่อกับญาติมิตร และญาติมิตรทั้งหลายจึงได้รับรู้ว่าพวกเขามีความสุขดีที่ซีซาน
คุณชายฟู่แห่งซีซาน ชื่อนี้ได้โด่งดังไปทั่วสองฝั่งของแม่น้ำหวงเหอ มิใช่เพราะผลงานกวีของเขา แต่เป็นเพราะความเมตตากรุณาที่เขามี
แต่คุณชายฟู่ผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารีนี้กลับจากไปเสียแล้ว ชีวิตของพวกเขายังคงต้องดำเนินต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางมาจากที่อันไกลโพ้น มายังเมืองจินหลิงที่เลื่องลือว่าเป็นขุมทรัพย์แห่งเงินทอง
แต่ทว่าความจริงมิได้เป็นเยี่ยงนั้น
ตั้งหลักปักฐานในเมืองหลวง ช่างมิง่ายเอาเสียเลย
ที่นี่หางานทำได้ยากยิ่ง อีกทั้งราคาสินค้าก็แพงโข แม้แต่กระท่อมในสลัมเล็ก ๆ ยังต้องเสียค่าเช่าอาศัยถึงเดือนละ 600 อีแปะ !
เงิน 600 อีแปะที่สองฝั่งแม่น้ำหวงเหอนั้นสามารถซื้อธัญพืชละเอียดได้ถึง 40 ชั่ง หรือธัญพืชหยาบได้ถึง 100 ชั่ง
แต่บ้านที่ริมฝั่งแม่น้ำหวงเหอนั้นมิมีอีกต่อไปแล้ว พวกเขากลับไปมิได้อีกแล้ว จึงทำได้เพียงฝืนใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหลวง
หลู่เสี่ยวตงรู้สึกโศกเศร้าและหดหู่เป็นอย่างมาก อาคารทั้งสองของตรอกชิงหลวนได้สร้างเสร็จเดือนกว่าแล้ว และเขาก็ตกงานมาเดือนกว่าแล้วเช่นกัน เขาทำงานอยู่ที่นั่นมาราว 3 เดือน ได้เงินค่าจ้าง 5,400 อีแปะ หักค่าเช่าบ้านไป 3 เดือนจำนวน 1,800 อีแปะ เหลือ 3,600 อีแปะ หักค่าใช้จ่ายสามเดือนที่ผ่านมาจำนวน 2,000 อีแปะ บัดนี้ในมือเขาเหลือเงินเพียง 1,600 อีแปะเท่านั้น
นี่ก็ใกล้จะต้องจ่ายค่าเช่าบ้านจำนวน 600 อีแปะอีกคราแล้ว เช่นนั้นก็จะเหลือเงินเพียง 1,000 อีแปะเท่านั้น…อย่าว่าแต่ปีใหม่เลย หากยังหางานทำมิได้ ชีวิตจะอยู่ต่อไปได้เยี่ยงไรก็ยังมิอาจรู้ได้
ภรรยาของเขาจ้าวซื่อได้เดินถือโจ๊กข้าวฟ่างชามหนึ่งเข้ามา นางนำมือเช็ดไปที่ผ้ากันเปื้อนแล้วกล่าวว่า “มากินข้าวก่อนเถิด”
ลูกสาวของเขาหลู่จาวตี้ที่มีอายุเพียง 6 ขวบนั่งอยู่ข้าง ๆ นางมองไปยังชามโจ๊กนั้นแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเดินออกไปด้านนอกอย่างรู้หน้าที่ ข้างนอกนั้นหิมะกำลังตกลงมา นางสวมใส่เสื้อผ้าบางเป็นอย่างมาก จึงอดมิได้ที่จะสั่นสะท้าน
“ข้าว่า…พวกเราไปซีซานกันดีหรือไม่ ? คุณชายฟู่ผู้นั้นมีบุญบารมีคุ้มครอง เขามิได้ตายจากไป เผื่อว่าที่ซีซานจะยังต้องการคนงานอยู่บ้าง”
จ้าวซื่อครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะนำมือลูบไปยังท้องของนางที่เพิ่งจะนูนขึ้นมาเล็กน้อย “บัดนี้คุณชายฟู่ได้ตั้งหลักปักฐานอยู่ในเมืองหลวง ได้ยินมาว่าได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นขุนนางใหญ่ มิรู้ว่าที่ซีซานยังต้องการคนงานอยู่อีกหรือไม่ หากว่ามิต้องการแล้ว…ท่านพี่ พวกเราเดินทางไปกลับยาวไกลเช่นนี้ จะมิอันตรายหรือเยี่ยงไรกัน ? ”
“…” หลู่เสี่ยวตงถอนหายใจออกมายาว ๆ ก่อนจะมองไปยังลูกสาวที่อยู่ด้านนอก เขาได้กล่าวออกมาว่า “หากมิสามารถหางานที่เลี้ยงชีพได้…จาวตี้เกรงว่าจะต้องหาครอบครัวใหม่ให้แก่นางแล้ว”
ครอบครัวยากจนอย่างพวกเขานั้น อย่าว่าแต่ขุนนางระดับสูงเยี่ยงคุณชายฟู่เลย แม้แต่นายอำเภอก็ยังมิให้พวกเขาเข้าพบ
เคยได้เห็นจากในงิ้วมาว่า ขุนนางนั้นมิมีผู้ใดดีอย่างแท้จริง บ่าวรับใช้ของพวกเขาดุร้ายราวกับสุนัขบ้า หากสามีของนางเดินทางไปยังจวนฟู่…ได้โปรดอย่าได้เกิดเรื่องมิดีอันใดขึ้นมาเลย !
ในสลัมอันแสนยากจนเช่นนี้ ครอบครัวอย่างหลู่เสี่ยวตงมีมากมายเสียทีเดียว
ในปีนี้ที่แม่น้ำหวงเหอเอ่อล้นท่วมบ้านเรือน ทางราชวังได้มีนโยบายช่วยเหลือ แต่เนื่องจากสงครามทางชายแดนตะวันออกต้องการอาหารจำนวนมาก ทำให้การช่วยเหลือในครานี้เป็นเพียงการช่วยเหลือในนามเท่านั้น
หลังจากที่พวกเขาเข้ารับอาหารอันน้อยนิด ก็สามารถใช้ดำรงชีพได้เพียง 3 วันเท่านั้น คลังของมณฑลเองก็ว่างเปล่า อย่าว่าแต่อาหารกักตุนเลย แม้แต่ผู้นำในเมืองก็ยังแทบจะมิมีกิน
จะให้ทำเยี่ยงไรเล่า ?
คงต้องอพยพหนีเท่านั้น !
ชีวิตเช่นนี้ จะสิ้นสุดลงเมื่อใดกัน ?
หลู่เสี่ยวตงดื่มโจ๊กข้าวฟ่างเข้าไป จากนั้นเขาก็เดินออกไปท่ามกลางสายตากระสับกระส่ายของจ้าวซื่อ เขามุ่งหน้าไปยังจวนฟู่เพื่อร้องขอความหวังที่จะมีชีวิตอยู่รอดต่อไป
และบัดนี้ ฟู่เสี่ยวกวนกำลังจะออกจากบ้าน เขามิได้เดินทางไปต้อนรับองค์รัชทายาทของแคว้นอี๋เป็นแน่
เขาพาภรรยาทั้งสามคนและบ่าวรับใช้กลุ่มหนึ่ง มุ่งหน้าไปยังเรือนหนานซาน
ที่แห่งนั้นไทเฮาทรงมอบให้แก่หยูเวิ่นหวิน เขาจะเดินทางไปดูเสียหน่อย และวางแผนว่าจะใช้สถานที่แห่งนั้นทำประโยชน์อันใดในภายภาคหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)