นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 489

ตอนที่ 489 ถงเหยียน
ตอนที่ 489 ถงเหยียน

ฟู่เสี่ยวกวนมิคาดคิดมาก่อนว่าข้อครหาเพียงหนึ่งจะทำให้กรมการค้าแยกตัวออกมาจากสำนักอัครมหาเสนาบดีเพียงลำพัง และกลายเป็นกรมพิเศษที่ฝ่าบาทจะเป็นผู้ดูแลด้วยพระองค์เอง

ข่าวคราวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งราชสำนัก สุภาษิตสองประโยคให้หลังที่ฟู่เสี่ยวกวนได้โพล่งออกมา ก็ได้ทำให้ท้องพระโรงแตกตื่นขึ้นมาเช่นกัน จนบัดนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว

ในช่วงกลางวันหงซิ่วจาวมิได้ทำกิจการอันใด อาจารย์หูฉินหูเพิ่งจะเดินทางกลับมาเมื่อมินานมานี้ ราวกับมีเรื่องให้คิดเสียมากมาย จนมิได้ให้ความสนใจกับหงซิ่วจาว และย่อมมิได้สังเกตเห็นว่าหลิ่วเยียนเอ๋อร์ในปัจจุบันนี้ได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนแล้ว

นางคือถงเหยียน นางคือผู้อาวุโสที่สามแห่งลัทธิจันทรา แต่แท้จริงแล้วนางยังมิได้แก่ตัว

ปีนี้นางเพิ่งจะอายุ 20 ปีเท่านั้น แต่ก็ได้บรรลุเป็นผู้มีฝีมือระดับสูงขั้นหนึ่งแล้ว

นางมิเพียงฝึกฝนแต่หนทางบู๊เท่านั้น จะฉิน หมากรุก หรือการวาดภาพนางก็เชี่ยวชาญมิแพ้กัน

นางมีใบหน้าสะสวยที่น้อยคนนักที่จะได้เห็น และนางก็มิค่อยได้แสดงใบหน้าที่แท้จริงเท่าใดนัก

นางปลอมตัวเก่งเป็นอย่างมาก เดิมทีที่เรียนวิชานี้เพราะท่านอาจารย์กล่าวว่าใบหน้าของนางงดงามจนเกินไป ต้องเรียนวิชาการปลอมตัวให้ดูน่าเกลียดสักเล็กน้อย ส่วนเหตุผลนั้น ท่านอาจารย์กล่าวว่าสาวงามมักอาภัพ

ในปัจจุบันนี้นางได้ปลอมตัวเป็นหลิ่วเยียนเอ๋อร์ และได้อยู่ที่หงซิ่วจาวแห่งนี้ใกล้จะครึ่งเดือนแล้ว มิมีผู้ใดมองเห็นถึงพิรุธของนาง มิว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรือน้ำเสียง นางก็เกือบจะเหมือนกับหลิ่วเยียนเอ๋อร์ตัวจริงเสียทีเดียว

นางนั่งรอการมาถึงของฟู่เสี่ยวกวนอย่างสงบนิ่ง นางได้อ่านบทกวีและบทความของเขามามากมาย อีกทั้งเมื่อคืนนี้ก็ได้ยินแขกที่มาฟังนางบรรเลงที่หงซิ่วจาวสนทนากันว่า ฟู่เสี่ยวกวนนั้นเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ที่หลุดโลกอย่างแท้จริง

สองประโยคนั้นได้พาดผ่านหูของนาง และนางก็ได้สลักจำไว้ในใจแล้ว

“ผู้ที่อยู่ในพระราชวังล้วนเป็นห่วงราษฎร ส่วนราษฎรทั่วไปเป็นห่วงฮ่องเต้” คนผู้นี้ค่อนข้างประหลาด ดูแล้วมีชีวิตที่ค่อนข้างเหน็ดเหนื่อย

“เป็นห่วงกังวลใต้หล้าก่อน จากนั้นค่อยแสวงหาความสุขส่วนตน” …เขามีอุดมการณ์ที่สูงส่งถึงเพียงนี้จริงเยี่ยงนั้นหรือ ?

ถงเหยียนมิเชื่อว่าจะมีคนเยี่ยงนี้อยู่จริง ๆ หากมีอยู่จริง เหตุใดทั่วทั้งใต้หล้านี้จึงกลายเป็นเยี่ยงนี้กัน ?

ลัทธิจันทราที่อยู่ในซีหรงมิได้มีช่วงเวลาชีวิตที่ดีมากนัก ชาวบ้านในซีหรงก็มิได้มีชีวิตที่ดียิ่งกว่าพวกนางเช่นกัน

ที่ซีหรงตรงนั้นนอกจากพื้นที่ราบร้อยกว่าลี้บริเวณรอบนอกของเขตซีหรงแล้ว นอกจากนั้นก็เป็นเนินเขาและภูเขาทั้งสิ้น ผู้คนยากจนข้นแค้น พวกเขาหาเลี้ยงชีพด้วยการทำนา แต่ผลผลิตที่ได้กลับน้อยนิด

พวกเขามีชีวิตที่น่าเวทนามากยิ่งนัก มิได้ต่างกับซากศพที่เดินได้เลยแม้แต่น้อย

หากใต้หล้านี้มีคนที่กังวลกับใต้หล้าก่อนอย่างแท้จริง หากคนผู้นั้นมีสถานะที่สูงส่ง เหตุใดเขาจึงมิไปช่วยชาวบ้านที่เดือดร้อนเหล่านั้นกัน ?

บ้านในอดีตของนางเองก็อยู่ที่ซีหรง จำได้ว่าอยู่ช่วงกึ่งกลางของแนวสันเขา เบื้องหน้าธรณีประตูมีต้นไม้อยู่สามต้น ล้วนเป็นต้นสนทั้งสิ้น

เมื่อสิบห้าปีก่อนหน้านี้ ภัยแห้งแล้งที่ตามมาด้วยโรคตั๊กแตนระบาด ที่บ้านมิมีผลผลิตให้เก็บเกี่ยว บิดาและมารดาจึงพาพี่ชายหนีไปโดยมิทราบว่าหนีไปที่ใด และมิทราบว่าได้ตกตายไปแล้วหรือยัง เหลือตนเองเพียงผู้เดียว หิวโหยอยู่สามวันสามคืน ในตอนที่ใกล้จะหิวตายก็ได้ท่านอาจารย์มาช่วยชีวิตเอาไว้ จากนั้นจึงได้กลายมาเป็นศิษย์ของลัทธิจันทรา

สามปีก่อนหน้านั้นเพราะความสามารถที่โดดเด่นของนาง และเพราะอาจารย์ได้ลาจากโลกนี้ไป นางจึงได้กลายเป็นผู้อาวุโสที่สามของลัทธิจันทรา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)