นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 5

สรุปบท ตอนที่ 5 ไปกับข้าเถอะ: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 5 ไปกับข้าเถอะ – นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) โดย Internet

บท ตอนที่ 5 ไปกับข้าเถอะ ของ นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) ในหมวดนิยายทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 5 ไปกับข้าเถอะ

วันรุ่งขึ้น ฟู่เสี่ยวกวนยังคงตื่นเช้าดังเดิม

เขาออกกำลังอยู่ชั่วครู่ และออกท่าหมัดมวยภายในจวนอยู่ 2 รอบ หลังจากนั้นก็ออกไปนอกจวน และเริ่มออกตัววิ่งรอบนอกบริเวณจวนที่มีพื้นที่กว้างขวาง

มีองครักษ์พบเห็นเขา และรู้สถานะของชายหนุ่ม จึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

ด้วยเหตุนี้สายตาที่มองมาทางฟู่เสี่ยวกวนจึงค่อนข้างมาก แต่เขากลับไม่รู้สึกตัว วิ่งไปตามทางของตัวเอง ปล่อยให้ผู้อื่นมองไป

ดังนั้นเขาจึงวิ่งไปถึงด้านหลังจวน จึงได้เห็นสนามฝึกซ้อมวิทยายุทธ์

สนามฝึกเปิดโล่ง มีดาบ หอก กระบี่และง้าววางเรียงรายอยู่ทั้งสองด้าน แต่สายตาของฟู่เสี่ยวกวนกลับตกอยู่ที่ร่างของบุรุษที่ยืนอยู่ใจกลางสนาม เขาจึงหยุดเท้าอยู่ที่ตรงนั้น

บุรุษผู้นั้นดูอายุยี่สิบกว่า ๆ สวมใส่ชุดดำทั้งร่าง อีกทั้งในมือยังถือดาบยาวอยู่อีก 1 ด้าม

เขาก้าวถอยหลังยกแขนและไหล่ขึ้นเพื่อออกดาบ ทันใดนั้นบุรุษผู้นั้นก็เคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับกระต่าย ราวกับว่าดาบในมือนั้นมีชีวิต แสงสีเงินส่องประกายวาบ และท้องฟ้าก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ

ฟู่เสี่ยวกวนมองอย่างตั้งใจ ดูเหมือนว่าบุรุษผู้นั้นจะรับรู้ถึงสายตาที่จ้องมองมาที่ตน ปลายเท้าของเขาสะกิดกับพื้นเล็กน้อย ก่อนที่ร่างจะทะยานขึ้นมาและพลิกตัวกลางอากาศ ดาบนั่นเคลื่อนไหวไปพร้อมกับร่างกายของเขา ก่อนจะฟาดดาบลงมา

ในระยะ100 เมตร บุรุษผู้นั้นมาถึงตัวของฟู่เสี่ยวกวน ดาบเองก็มาถึงเช่นกัน

เมื่อดาบมาถึงเหนือศีรษะ ลมดาบพัดผมของฟู่เสี่ยวกวนกระจาย

หัวใจของฟู่เสี่ยวกวนร่วงหล่นทันพลัน แต่เขาไม่ได้ขยับไปไหน

บุรุษผู้นั้นร่อนลงบนพื้น หนึ่งมือไพล่ไปทางด้านหลัง หนึ่งมือกำดาบ ดาบเล่มนั้นอยู่ห่างจากศีรษะของฟู่เสี่ยวกวนเพียงหนึ่งฉื่อ

“เหตุใดจึงไม่หลบ ? ”

“ไร้จิตสังหาร มิจำเป็นต้องหลบ”

บุรุษผู้นั้นคล้ายกับคิดไม่ถึงว่าจะตอบแบบนี้ หัวคิ้วของเขากระตุกเล็กน้อย ก่อนจะเก็บดาบ มือขวาที่ไพล่อยู่ด้านหลังขยับมาด้านหน้า ในมือนั้นถือกาเหล้า

บุรุษผู้นั้นเงยหน้ากระดกสุรา และโบกมือ “ใจกล้าไม่เลว แต่ความรู้ยังไม่มากพอ มือสังหารระดับสูงไร้จิตสังหาร เจ้าไปเสียเถอะ”

ฟู่เสี่ยวกวนไม่ได้จากไป และเอ่ยขึ้นมาว่า “ไป๋ยู่เหลียนรึ ? ”

ชายคนนั้นเอียงหน้า เหลือบมองฟู่เสี่ยวกวน ก่อนจะพยักหน้า

“ขอข้าลิ้มรสสุรา”

ไป๋ยู่เหลียนส่งกาสุราไปให้ ฟู่เสี่ยวกวนรับมาและยกดื่มไปหนึ่งคำ คิ้วขมวดนิ่ว แล้วเอ่ยถาม “รสชาติอ่อนขนาดนี้เลยรึ”

ไป๋ยู่เหลียนตะลึงไปอึดใจ “สุราใต้หล้าต่างก็มีรสชาติเช่นนี้ทั้งสิ้น แน่นอนว่าสุราของหงซิ่งจาวอาจจะเข้มข้นกว่าเล็กน้อย นอกจากนั้นก็มีสุราของตระกูลเจ้าที่ไม่เลวทีเดียว”

ฟู่เสี่ยวกวนคืนกาเหล้าให้ไป๋ยู่เหลียน จากที่สังเกตแล้ว โลกนี้ยังไม่มีสุราที่ดีกรีสูง

“ต่อจากนี้ไป เจ้าจงติดตามข้า”

ฟู่เสี่ยวกวนกล่าวจบก็หันหลังกลับ และออกตัววิ่งเบา ๆ

ไป๋ยู่เหลียนหัวเราะ “ข้ามิใช่บ่าวรับใช้ของจวนฟู่”

ฟู่เสี่ยวกวนไม่หยุดฝีเท้า เขากล่าวว่า “สุรานี้ไร้รสชาติ มากับข้า ข้ามีสุราที่เข้มข้น”

“จริงรึ”

“จริง”

นี่คือการพบหน้ากันครั้งแรกระหว่างฟู่เสี่ยวกวนและไป๋ยู่เหลียน เรียบง่ายและตรงไปตรงมา

ฟู่เสี่ยวกวนชื่นชอบวิทยายุทธ์ของไป๋ยู่เหลียน ไป๋ยู่เหลียนก็เชื่อว่าฟู่เสี่ยวกวนมีสุราที่เข้มข้น

……

…..

วันนี้ฟู่ต้ากวนไม่ได้พาฟู่เสี่ยวกวนออกไปข้างนอก แต่พาไปยังโรงกลั่นที่อยู่ทางตอนใต้ของเรือนซีซาน

โรงกลั่นไม่ได้ใหญ่โต แต่โถงตากแห้งไม่ได้เล็กเลย

นี่คือมาตรฐานของโรงกลั่นในยุคนี้ มีเตาอิฐตั้งริมกำแพง 5 เตา มีหม้อไม้ใหญ่วางอยู่บนเตาอิฐ อีกด้านหนึ่งมีโถดินเผาวางเอาไว้ ภายในโถดินเผาเต็มไปด้วยธัญพืชกึ่งสุก

ถึงแม้จะเช้าตรู่ แต่โรงกลั่นเหล้าก็ได้เปิดทำงานแล้ว ไฟในเตาลุกช่วง เหนือหม้อไม้มีควันสีขาวพวยพุ่ง คนงานเล็ก ๆ หลายสิบคนกำลังยุ่งอยู่ ณ ที่นี้ และนายช่างทั้งห้ากำลังปรับส่าเหล้าของตนเอง

ฟู่เสี่ยวกวนใช้เวลา 1 ชั่วยามในการดูกระบวนการ ก่อนจะหันหลังเดินออกไป

“ใครเป็นคนรับผิดชอบโรงกลั่นเหล้า ? ”

“อาจารย์หลิวขอรับ” พ่อบ้านจางเช่อตอบกลับ

“กลับไปในจวน แล้วตามอาจารย์หลิวมาพบข้า”

ฟู่เสี่ยวกวนกล่าวตามอำเภอใจ แต่ในสายตาของฟู่ต้ากวนแล้ว คำพูดของบุตรชายทำให้เขาพึงพอใจอย่างมาก

สงบเยือกเย็น แต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของผู้ที่อยู่เหนือกว่า

แต่สิ่งที่จางเช่อได้ยินนั้น กลับเป็นคำสั่งที่โต้แย้งหรือปฏิเสธมิได้

จางเช่อคือพ่อบ้านเก่าแก่ของเรือนซีซาน ทุกปีจะไปจวนหลักที่หลินเจียงสองถึงสามครั้ง แน่นอนว่าเขาคุ้นชินกับฟู่เสี่ยวกวน แต่ในเวลานี้เขากลับรู้สึกไม่คุ้นเคยขึ้นมาเสียอย่างนั้น

มองแผ่นหลังของฟู่เสี่ยวกวนที่จากไป ทันใดนั้นเขาถึงได้นึกขึ้นมาได้ว่าตนเองยังไม่ได้ถามถึงความตั้งใจของเจ้าบ้าน

จากการที่ได้เห็นในครานี้ เสียงลือที่ว่าหลังจากที่คุณชายถูกทำร้ายแล้วจะกลายเป็นคนโง่… เห็นทีจะเป็นเรื่องเท็จอย่างแน่นอน

คุณชายต้องการพบอาจารย์หลิว เขาต้องการจะทำอันใดกัน

เป็นไปได้ไหมที่เขาจะบ่มสุราได้

จางเช่อยิ้มเงียบ ๆ ก่อนจะส่ายศีรษะ

บิดาและบุตรชายนั่งลงในศาลาด้านในจวน เมื่อชุนซิ่วส่งน้ำชาให้แล้ว ก็ยืนอยู่ด้านหลังของฟู่เสี่ยวกวนอย่างเงียบ ๆ

ฟู่ต้ากวนยกถ้วยชาขึ้นมาเป่าและกล่าวขำ ๆ “เรื่องการบ่มสุรา ส่งให้ลูกน้องทำก็พอแล้ว นั่นมิใช่กิจการหลักของตระกูลเรา ส่งมอบให้พวกเขาทำเสีย เจ้าเรียนรู้ไปก็มิมีประโยชน์”

“มิใช่ วิธีการบ่มสุรานั้นสามารถปรับปรุงได้ หาได้ยุ่งยากไม่” ฟู่เสี่ยวกวนหันไปกล่าวกับชุนซิ่ว “ช่วยไปนำกระดาษและพู่กันมาให้ข้าหน่อย”

วางเรื่องนี้ลงแล้ว ฟู่เสี่ยวกวนจึงได้หันมากล่าวกับฟู่ต้ากวน “ท่านพ่อ ข้าได้พบไป๋ยู่เหลียนแล้ว ข้าต้องการคนผู้นั้น”

“ลูกชาย เขามิใช่บ่าวในเรือนของตระกูลเรา ตัวพ่อเคยเทียบเชิญเขาไปที่หลินเจียง แต่เขามิไป หากเขาอยู่ที่หลินเจียง เจ้าจะทนลำบากเช่นนั้นได้รึ”

“เขารับปากข้าแล้ว”

ฟู่ต้ากวนถือถ้วยชา แล้วมองไปที่ฟู่เสี่ยวกวน ฟู่เสี่ยวกวนกล่าวยิ้ม ๆ “เขาชื่นชอบสุรา ข้าบอกเขาว่าข้าสามารถผลิตสุราที่แรงยิ่งกว่าได้ เขาจึงรับปากมากับข้า”

“หากเป็นเช่นนั้น รูปวาดเล่นบนพื้นของเจ้า… จะเป็นจริงได้หรือ”

ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้า “อาจจะลวก ๆ ไปบ้าง แต่ทำออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง”

“เยี่ยงนั้นพ่อต้องทำสนธิสัญญา หากสุรานี้มีความเข้มข้นเทียบเท่าสุราเทียนเซียงได้จริง มูลค่าของมันจะสูงมาก เหล่านายช่างจะต้องลงนามในสนธิสัญญาฉบับหนึ่ง จึงจะเก็บเป็นความลับได้”

ฟู่ต้ากวนกล่าวจบก็เดินออกไปด้วยอารามรีบร้อน ฟู่เสี่ยวกวนไม่ได้สนใจนัก

ที่ทำสิ่งนี้นอกจากเพื่อไป๋ยู่เหลียนแล้ว ก็เป็นการทำเพื่อหยู๋ฝูจี้เช่นกัน

ไป๋ยู่เหลียนค่อนข้างยึดมั่นในคุณธรรม เมื่อจับกุมความชอบของเขาไว้ได้ จากนี้ไปก็ค่อยตะล่อมเขาทีหลัง เขาต้องเรียนรู้ทักษะนั้นให้ได้ แน่นอนว่าทักษะดาบของไป๋ยู่เหลียนนั้นก็ดึงดูดสายตาของเขาเช่นกัน

ในเมื่อมีวิชาตัวเบา เยี่ยงนั้นย่อมมีกำลังภายในเป็นแน่

เพียงแค่ไม่รู้ว่ากำลังภายในนั้นจะร้ายกาจขนาดไหน จะสามารถต้านทานปืนได้หรือไม่

เมื่อนึกถึงปืน เขาก็นึกไปถึงกล่องดำนั้น

น่าเสียดายไม่น้อย ตัวเขาทะลุมาเพียงจิตวิญญาณ คาดว่ากล่องดำนั่นน่าจะไม่ได้ข้ามมาด้วยกัน

เมื่อถึงช่วงเวลากลางวัน ดวงอาทิตย์ร้อนแรงยิ่งขึ้น เสียงจักจั่นที่น่ารำคาญกรีดร้องอยู่ในป่า แต่จิตใจของฟู่เสี่ยวกวนหาได้ถูกรบกวนไม่ เขานั่งอยู่ในศาลาและกำลังอ่านหนังสือเล่มเล็ก

นั่นไม่ใช่เพียงหนึ่งเล่ม แต่เป็นหนึ่งกล่อง

บิดากล่าวไว้ว่า ตระกูลได้ครอบครองทุ่งนาที่อุดมสมบูรณ์ แต่ดูเหมือนจะยังมีมากกว่านั้น บิดายังกล่าวอีกว่า โฉนดที่ดินทั้งหมดถูกแยกเก็บไว้สองที่

อยู่ที่จวนหลินเจียงหนึ่งแห่ง และอยู่ที่เรือนซีซานอีกหนึ่งแห่ง

กิจการของตระกูล… ช่างใหญ่โตเสียจริง!

เมื่อมองจากตอนนี้ การป้องกันที่อยู่ในการดูแลของไป๋ยู่เหลียนนั้นไม่เลวเลยทีเดียว แต่ว่าจวนฟู่ที่หลินเจียงกลับด้อยกว่า

ก่อนที่โลกจะวุ่นวาย ทุกอย่างจะดูเหมือนตะกร้าใบใหญ่ที่ไม่มีอะไร แต่ถ้าหากโลกมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาเล่า? ถึงแม้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่การกันไว้ดีกว่าแก้ก็เป็นเนื้อแท้ของฟู่เสี่ยวกวน

เขาต้องการไป๋ยู่เหลียน ไม่เพียงเพื่อฝึกวรยุทธ์เท่านั้น แต่ยังต้องการไป๋ยู่เหลียนเพื่อสร้างกองกำลังติดอาวุธของจวนฟู่

หลังจากนี้เขาจะต้องทำความเข้าใจเรื่องไฟและยาว่าจะพัฒนาต่อไปเยี่ยงไร หากทำปืนคาบศิลาออกมาได้ แม้ว่าคุณภาพของมันจะแย่ แต่ก็เป็นอาวุธสังหารที่ยิ่งใหญ่

ฟู่เสี่ยวกวนวางหนังสือลง และนวดที่ขมับ

เหนื่อยยิ่งนัก!

[1] ทะยานข้ามฟ้า หมายถึง ความคิดที่ไร้ขอบเขต

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)