นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主) นิยาย บท 6

ตอนที่ 6 เขียนบทกวี

เมืองหลินเจียง ณ สำนักศึกษาหลินเจียง

ต่งชูหลานสวมชุดสีขาวนั่งอยู่ริมสระบัว ในมือถือม้วนหนังสือ คิ้วของนางขมวดขึ้นด้วยความสงสัย

ใบบัวในสระทอดยาว ดอกบัวตูมเฝ้ารอการเบ่งบาน

“คุณหนูเจ้าคะ เจ้าของบ้านตระกูลฟู่ออกจากหลินเจียงไปยามเช้าตรู่ และมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านเสี้ยชุน กล่าวว่า……จะไปเยี่ยมเยียนชาวบ้านเนื่องในโอกาศเทศกาลตวนอู่”

ต่งชูหลานเปิดหนังสือไปหน้าหนึ่งแล้วพูดด้วยเสียงอันเบาว่า “จิ้งจอกชราเจ้าเล่ห์นี่……บุตรชายเขาละ?”

“เรียนคุณหนู บุตรชายเขาก็ออกเดินทางไปด้วยกัน”

ต่งชูหลานสูดลมหายใจเข้า นางยังคงอยู่ในอาการสงบ

“คืนนี้มีงานชุมนุมเหล่านักกวีแห่งหลินเจียง……เดิมทีข้ามีความตั้งใจจะเข้าพบท่านหัวหน้าตระกูลฟู่เพื่อขอโทษเรื่องที่เกิดกับบุตรชายของเขา……และใช้โอกาศนี้เจรจาหารือเกี่ยวกับการค้าข้าว แต่พวกเขากลับออกเดินทางไปเสียก่อน เจ้าว่า เขาจงใจหรือไม่ได้จงใจกันแน่……?”

เสี่ยวฉี บ่าวที่รับใช้ข้างกายตกตะลึงไปชั่วครู่ “ข้าน้อย ไม่ทราบเจ้าค่ะ”

“ข้าแค่ถามไปอย่างนั้น ……งานชุมนุมเหล่านักกวีแห่งหลินเจียง บรรดาผู้มีความสามารถในเมืองหลินเจียงคงไม่พลาดโอกาศแน่ โดยเฉพาะสำนักศึกษาป้านชานต้องให้เกียรติพวกเขาให้มาก จงไปบอกเหล่าศิษย์ว่า อาจารย์หลี่ อาจารย์เถียน และอาจารย์ท่านอื่น ๆ แห่งหลินเจียง จะเดินทางมาร่วมงานนี้ด้วย ส่วนพ่อค้าผ้ารายใหญ่ 4 รายและพ่อค้าข้าวรายใหญ่ 3 รายนั้น……เอาไว้ก่อน”

เสี่ยวฉีโค้งรับคำสั่งแล้วจากไป ต่งชูหลานวางหนังสือลงแล้วยิ้ม

“สั่งการลงไป พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางออกจากเมือง”

“คุณหนูจะเดินทางไปไหนเจ้าคะ?”

“หมู่บ้านเสี้ยชุน!”

……

……

สายลมยามค่ำคืนพัดโคมไฟสั่นไหว แสงสลัวส่องกระจายไปทั่วเรือนชาน

ฟู่เสี่ยวกวนนั่งอยู่ตรงข้ามไป๋ยู่เหลียน บนโต๊ะหินมีกับแกล้มสี่ชนิดวางอยู่

“เหล้าล่ะ?”

“รอสักครู่”

ไป๋ยู่เหลียนพิจารณาชายหนุ่มตรงหน้า ใบหน้าของหนุ่มน้อยวัย 16 ปีเต็มไปด้วยความมั่นคงสงบนิ่งราวกับภูผา แววตาลึกล้ำดั่งสายน้ำ

เมื่อเช้าเขามองเห็นความตึงเครียดบนใบหน้าของชายหนุ่มคนนี้ตอนที่เห็นดาบพุ่งเข้ามา แต่คาดไม่ถึงเลยว่าชายหนุ่มคนนี้จะไม่รีบหลบไปด้วยความตื่นตระหนก

หากดาบนั่นฟันลงมา คงทำให้เขาตัวขาดครึ่งอย่างแน่นอน

ตั้งแต่ที่เขาหมุนตัวกลางอากาศ เขาก็รู้แล้วว่านั่นคือคุณชายน้อย จึงได้ฟันดาบไปอีกทาง เขาไม่ได้มีวัตถุประสงค์อื่นหากเพียงแต่ต้องการขู่ให้กลัวเท่านั้น

แต่ชายหนุ่มคนนี้หาได้กลัวไม่ และด้วยเหตุการณ์นั้น ทำให้คุณชายน้อยอยากได้เขามารับใช้

ถ้าหากคุณชายผู้นี้สามารถหมักเหล้าได้ ติดตามเขาไปจะเป็นไร อย่างน้อยชายหนุ่มผู้นี้ก็มีความกล้าหาญที่คนธรรมดาทั่วไปไม่มี

ฟู่เสี่ยวกวนไม่ได้ชายตามองไป๋ยู่เหลียน และไม่ได้เอ่ยคำใดต่อเขา แต่ก้มหน้าอ่านหนังสือเหล่านั้นแทน

เมื่อชุนซิ่วยกอาหารอีกสองสำรับออกมา ก็มีเสียงฝีเท้าชุลมุนดังมาจากหน้าประตูเรือนด้านใน

“เหล้ามาแล้ว”

ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยออกมาอย่างไม่ใส่ใจ เขายังคงก้มหน้าต่อไป

สายตาของไป๋ยู่เหลียนมองเลยผ่านไป เขาเห็นนายท่าน จางเช่อ อี้หยู่และอาจารย์หลิววิ่งมาพร้อมกัน

“สำเร็จแล้ว สำเร็จแล้ว!”

นายท่านฟู่ตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น

“คุณชายขอรับคุณชาย วิธีนี้ได้ผลเป็นไปได้จริง ๆ!”

ฟู่เสี่ยวกวนปิดหนังสือแล้วเก็บไว้ในเสื้อ ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ทุกคนลำบากมามากแล้ว เช่นนั้น……ลองชิมด้วยกันหรือไม่?”

อาจารย์หลิวรีบตอบกลับว่า “เหล้านี้ข้าและผู้ดูแลได้ลิ้มรสแล้ว คุณชายลองลิ้มรสดูว่าคล้ายกับที่คาดไว้หรือไม่?”

ฟู่ต้ากวนนั่งลงแล้วหันไปพูดกับชุนซิ่วว่า “ยกเหล้ามา!”

ชุนซิ่วเดินถือเหยือกเหล้ามาแล้วจัดการรินเหล้า กลิ่นนั้นหอมฟุ้ง จนไป๋ยู่เหลียนเริ่มขยับตัว ดวงตาของเขาเป็นประกาย

เขายกถ้วยเหล้าขึ้น สูดดมกลิ่นเข้าไป “เหล้าดี!”

เขายกแก้วขึ้นดื่มหมดในจิบเดียว รสอันร้อนแรงของเหล้านั้นแรงกล้าคล้ายแดดแผดเผา ราวกับจะระเบิดในทรวงอก

เขากลั้นหายใจครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา มือทั้งสองตบลงที่โต๊ะแล้วเอ่ยอีกครั้งว่า “เหล้าดี!”

“สำเร็จงั้นหรือ?”ฟู่เสียวกวนยิ้มถาม

“สำเร็จแล้ว!” ไป๋ยู่เหลียนตอบโดยไม่ลังเล ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะชอบใจ “ชุนซิ่ว รินเหล้าให้พี่ใหญ่ไป๋ ข้ารอดื่มพร้อมเขา!”

รสเหล้าร้อนแรง แต่ไม่กลมกล่อม สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับเหล้าอ่อนอย่างไป๋ยู่เหลียนและฟู่ต้ากวนแล้ว เหล้านี้นับเป็นเหล้าชั้นเลิศ เทียบกับเหล้าที่ปรุงแต่งกลิ่นของหงซิ่ว เหล้านี้ดีกว่าหลายเท่านัก แต่สำหรับฟู่เสี่ยวกวนนั้น เขาว่าสิ่งนี้ยังไม่ดีพอ……

“เหล้านี้ใช้ส่วนผสมมากน้อยเพียงใด ? ” ฟู่ต้ากวนถามอาจารย์หลิว

“ผสมเพียงน้อยนิด……ข้าน้อยจำได้ว่า ข้าว 1 ชั่งหมักเหล้าได้ประมาณ 2 ตำลึง”

ฟู่ต้ากวนขมวดคิ้ว แล้วพูดพึมพำว่า “เหล้านี้หมักโดยข้าวสาร ข้าวสาร 1 ถังน้ำหนักประมาณ 120 ชั่ง ราคาตลาด 1,000 อีแปะ ข้าว 1 ชั่งประมาณแปดเก้าอีแปะ นำมาหมักเหล้าได้ 2 ตำลึง……เหล้า 2 ตำลึงมีต้นทุน 18 อีแปะ?”

เขาเงยหน้าถามจางเช่อ “เหล้าของหยู๋ฝูจี้……ตำลึงละกี่อีแปะ?”

“นายท่าน เหล้าของหยู๋ฝูจี้ตำลึงละ 5 อีแปะ” เขาหยุดชั่วครู่แล้วพูดว่า “เหล้านี้ไม่เหมือนของหยู๋ฝูจี้ เหล้านี้หมักจากข้าวสารหรือข้าวสาลี ยังไม่ได้กลั่น…… ข้าว 1 ชั่งหมักเหล้าได้ 4 ตำลึง”

ฟู่ต้ากวนครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “ถ้าเป็นเยี่ยงนั้น เหล้านี้ราคาตลาดขายประมาณ 15 อีแปะจึงจะได้กำไร”

ฟู่เสี่ยวกวนโบกมือ และกล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ราคาเหล้านั้น ข้าจะเป็นผู้กำหนดเอง”

“ตามนั้น” ฟู่ต้ากวนมิได้คัดค้าน อย่างไรเสียเหล้านี้ลูกชายของเขาก็เป็นผู้คิดขึ้นมา เหล้าของหยู๋ฝูจี้นั้นเขาจะขายเท่าไรก็ขายไป แค่มีความสุขก็เพียงพอ

เพียงแต่หลายวันต่อมา ที่หน้าร้านหยู๋ฝูจี้มีคนจำนวนมากเข้าแถวเพื่อแย่งซื้อมัน เมื่อฟู่ต้ากวนได้ยินราคาที่แท้จริงก็อดตกใจไม่ได้!

เงินนั้นหาง่ายเช่นนี้เชียวหรือ?

“เหล้านี้มีชื่อว่าอะไร?” ไป๋ยู่เหลียนเอ่ยถาม

“เรียกว่า……ยอดสุราซีซาน”

“ยอดเยี่ยม!”

“อาจารย์หลิว จากนี้จงใช้วิธีนี้ในการกลั่นเหล้า จนกว่าจะค้นคว้าได้อะไรเพิ่มเติมก็ค่อยปรับปรุงอีกที อีกอย่าง……ผู้ดูแลจาง จงไปหาสถานที่ที่ร่มรื่นใต้ภูเขาซีซาน รวมกำลังคนขุดห้องใต้ดิน ข้าต้องการขนาดใหญ่และลึก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)